มาแชร์กันกว่าจะเจออาชีพที่ใช่คุณผ่านสมรภูมิอะไรกันมาบ้าง

กระทู้สนทนา
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนค่ะ วันนี้จู่ๆก็นึกถึงอดีตที่ผ่านมากว่าจะมาถึงวันนี้สมบุกสมบันเหลือเกินไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาให้เจอว่าเราเหมาะกับอาชีพอะไร เลยอยากชวนเพื่อนๆมาแชร์กันว่ากว่าจะเจออาชีพที่เหมาะกับตัวเองผ่านความลำบากตรากตรำอะไรกันมาบ้าง เริ่มจากของอนุญาตเล่าของตัวเองให้ฟังก่อนนะคะ ชีวิตทำงานเราเริ่มตั้งแต่อายุ 17 ปี ขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้นปวช.ในกทม. และอาชีพบุกเบิกแห่งโลกการทำงานของเราคือ

1. PC ชั่วคราว หรืออธิายให้เข้าใจง่ายๆก็คือพนักงานขายประจำบูธในห้างสรรพสินค้านั่นเองค่ะ
    - จำได้ว่าสมัครผ่านบริษัทจัดหางานแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะจัดให้ลงห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เวลาทำงานก็เข้าเป็นกะตามเวลาเปิดปิดห้างนั่นแหละค่ะ วันหนึ่งมีสองกะคือเช้ากับบ่าย ตอนแรกเข้าใจว่างานง่ายๆสบายๆยืนสวยๆในห้างแต่พอมาทำจริงๆพระเจ้าช่วย!!!!!!! เมื่อยมากกกกก เนื่องจากเราไม่เคยต้องยืนนานๆแบบนี้มาก่อนคือวันละ 8 ชั่วโมง อยากบอกว่าทรมานสุดๆการได้นั่งช่วงเบรกนี่คือสวรรค์เลยจริงๆ คืออยากลาออกตั้งแต่วันแรกเลยเพราะมันเมื่อยมากๆ มาถึงตอนนี้นับถือบรรดาพนักงานที่ทำงานที่ต้องยืนนานๆในห้างสรรพสินค้าจริงๆค่ะว่าคุณสุดยอดมาก ช่วงแรกๆกลับบ้านไปต้องยกขาพาดกับผนังสูงๆเลยค่ะ เนื้องานก็ไม่มีอะไรมาก เราเป็น PC ขายซีดีเปล่าก็แค่คอยจดว่าวันนี้ขายได้เท่าไหร่ นำซีดีไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์นำของใส่ถุงให้ลูกค้าเป็นอันจบ แต่ละวันก็มีลูกค้าไม่มากหรอกค่ะ สุดท้ายเราก็ผ่านงานนี้ไปได้ เราทำงานนี้แค่ 1 เดือนค่ะเพราะเป็นช่วงปิดเทอมและเงินก้อนแรกที่ได้จากงานนี้เป็นเงินหกพันบาทเราก็ให้แม่หมดเลยเพราะมันคือเงินเดือนก้อนแรกในชีวิตเลยยกให้แม่เอาฤกษ์เอาชัย
มาต่อกับอาชีพที่สองของเรานั่นคือ...

2. พนักงานเสิร์ฟ Part Time ที่ร้าน BAR B Q PLAZA สาขาในห้างสรรพสินค้าอีกเช่นกัน
    - งานนี้เราทำเพราะเป็นช่วงที่พ่อแม่หย่าร้างกันแล้วเราอยู่กับแม่ ทำให้ต้องช่วยกันหารายได้อีกทางเพราะสงสารแม่ที่ต้องทำงานคนเดียว หลังเลิกเรียนเราจะนั่งจากโรงเรียนแถวสวนดุสิตมาทำงานในห้างย่านลาดพร้าวเพราะเรามีที่พักอยู่ที่นี่ เวลาทำงานคือ 18.00-22.00 น. ในวันธรรมดาและ 13.00-22.00 น. ในวันเสาร์-อาทิตย์ ทำงานที่นี่สนุกมากและเราโชคดีที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานน่ารักมากๆ ผู้จัดการร้านก็ใจดีจัดตารางทำงานให้เข้ากับตารางเรียนเราตลอด หน้าที่ของเราคือเมื่อมีลูกค้าเข้าร้านก็พาลูกค้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วรับออเดอร์ไปส่งในครัว แล้วก็ยกอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้า เตรียมเครื่องที่จะใส่ในหม้อจุ่มแซ่บ กวาดพื้น ถูพื้น เช็ดทำความสะอาดเมนู ตอนนั้น(ผ่านมา5-6ปี) ได้ค่าแรง 30บ./ชั่วโมง ทำให้เรามีรายได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ได้มากเลยทีเดียว เราทำงานที่นี่จนกระทั่งเรียนจบปวช.ก็ออกหางานทำอย่างเต็มตัว เราไม่ได้เรียนต่อเพราะแม่ส่งไม่ไหวเพราะมีน้องสาวอีกคนที่แม่ต้องส่งเสียเราจึงได้เรียนแค่ปวช.
ต่อไปนี้คือลงสนามสู่การทำงานจริงๆไม่ใช่แค่ Part time หารายได้เสริมอีกแล้ว งานแรกหลังเรียนจบของเราคือ...

3. พนักงานธุรการ
    - เราได้งานเป็นพนักงานธุรการในแผนกสินเชื่อของบริษัทแห่งหนึ่งย่านเพชรบุรี เงินเดือน 6,000 บาท แค่ได้ทำงานเราก็รู้เลยว่าไม่ใช่อย่างแรง วันๆเราได้แต่นั่งมองดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะได้เวลาเลิกงานเราไม่มีความสุขเลยสักนิดกับการทำงานที่นี่ อีกอย่างสภาพแวดล้อมมันห่างจากตัวตนของเราค่อนข้างมาก เราเป็นคนเดียวในบริษัทที่ไม่ต้องใส่ยูนิฟอร์ม!!!!!! ใช่แล้วค่ะคุณอ่านไม่ผิด แต่ไม่ใช่เพราะเรามีอภิสิทธิ์ใดๆนะคะ แต่เป็นเพราะว่าเราเป็นคนที่บริษัทจัดหางานส่งเข้ามาทำงานที่นี่เราจึงไม่ใช่พนักงานของบริษัทเลยไม่ได้รับยูนิฟอร์ม เราเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทในตอนนั้น แผนกของเรามีแต่ดอกเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์ ทนายความ และผู้มีคุณวุฒิมีเราเป็นเด็กกะโปโลอยู่คนเดียวในแผนก เรารู้สึกอึดอัดมากเพราะเหมือนเราอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด เวลาพักกลางวันเราไปนั่งเล่นในส่วนที่บริษัทจัดไว้ก็จะมีเพื่อนร่วมงานรุ่นป้ามาบอกให้เราไปนั่งที่โต๊ะเพราะเราไม่สมควรจะไปนั่งรวมกับคนอื่นๆในแผนกเนื่องจากเขาโตกว่าและมีคุณวุฒิเหนือกว่า เรายิ่งรู้สึกแย่ไปกันใหญ่ ถึงเวลาพักกลางวันเราก็ต้องไปกินข้าวคนเดียวเพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปร่วมโต๊ะกับพวกเขาเหล่านั้น ส่วนเนื้องานไม่มีอะไรค่ะ แค่ช่วยทนายความในแผนกพิมพ์เอกสารส่งฟ้องลูกหนี้และจัดพิมพ์เอกสารแล้วแต่จะได้รับมอบหมายเท่านั้น สุดท้ายเราทำได้ไม่ถึงเดือนก็ลาออกค่ะ
สถานีต่อไป...

4.พนักงานขายกระเป๋าใน JJ Mall
    - งานนี้ต่างจากงานก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เราเป็นพนักงานขายกระเป๋าในห้าง JJ โดยเจ้าของร้านเป็นคนจีน เราจำไม่ได้แล้วว่าได้ค่าแรงเท่าไหร่เพราะผ่านมาหลายปีดีดัก เจ้าของร้านค่อนข้างจู้จี้และขี้เหนียวตามสไตล์คนจีนเราไปทำงานวันแรกมีลูกค้ามาเรายังไม่รู้ราคากระเป๋าก็จะถามพนักงานคนที่อยู่ก่อนตลอด เจ้าของร้านบอกเราว่าต้องพยายามจำนะจะได้ไม่ต้องถามบ่อยๆและจะได้รับลูกค้าได้ ที่ร้านนี้ขายกระเป๋าทุกอย่างทั้งกระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก กระเป๋าสะพาย เป้เดินป่า กระเป๋าแฟชั่น ผ่านไป2-3วันเราก็จำราคาได้บางอย่างแต่ไม่ทั้งหมดเพราะกระเป๋ามีเยอะมากและหลายราคา เจ้าของร้านก็เริ่มไม่พอใจชักสีหน้านิดๆเราก็เริ่มเกิดอาการกดดัน แต่เราก็พยายามแล้วจริงๆ
     มีอยู่วันหนึ่งเมียเจ้าของร้านมายืนเฝ้าร้านคู่กับเรานางถามเราว่าอนาคตอยากเป็นอะไร เราตอบไปว่ายังไม่รู้ตอนนี้ทำงานเก็บเงินไปก่อนแล้วค่อยขยับขยายหาทางเรียนต่อ นางตอบเรามาว่าไงรู้ไหมคะ นางบอกว่าถ้าจะเรียนก็ออกไปเรียนเลยอย่ามาอยู่ที่นี่เพราะเสียเวลานางจะได้หาคนอื่นมาเทรนงานแทน เดี๋ยวพอเราเป็นแล้วออกไปนางก็ต้องหาคนใหม่อีก เราได้ยินก็สะอึกไปเลยเหมือนกันถามตัวเองว่านี่เราผิดเหรอที่อยากมีอนาคตที่ดีวาดฝันถึงการได้เรียนต่อ แต่เราก็พยายามคิดในฐานะนายจ้างแบบนางว่านางคงไม่อยากเสียเวลากับเราเพราะยังไงอนาคตเราก็จะออกไป นางเลยคิดว่าเอาคนที่อยู่ทำงานนานๆให้นางได้ดีกว่า เราได้ยินแบบนั้นก็เลยบอกนางว่าเราจะออกตามที่นางต้องการ สุดท้ายเราก็ได้ทำงานวันนั้นเป็นวันสุดท้ายและนางให้มารับค่าจ้างวันรุ่งขึ้น
โบกมือลา JJ Mall สู่สถานีต่อไป.........

เดี๋ยวมาต่อนะคะขอพักสายตาแปป ทำงานทั้งคืนสายตาล้ามาก มหากาพย์ชีวิตการทำงานของเรายังไม่จบง่ายๆ กว่าจะเจออาชีพที่ใช่ ณ ปัจจุบันนี้ก็เจ็บมาเยอะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่