สาวกไม่พึงเป็นผู้ "เน่าใน" ไปเสีย

เน่าใน เป็นคำหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเพื่อแสดงพระธรรม..
มีความหมายเข้าไปในบุคคลผู้ปฏิบัติไม่ตรง เป็นผู้ปฏิบัติธรรมโดยไม่สมควรแก่พระธรรม เพราะถือผิด   หลิ่วตา

บุคคลเน่าใน ก็เช่นเดียวกับ ผลไม้หนึ่ง ที่แม้ภายนอกดูประหนึ่ง งดงามด้วยศีล สมาธิ ปัญญา  แต่ที่จริงแล้วไม่เช่นนั้น

สัมมาทิฐิ แม้แบ่งเป็นสาสวะหรืออนาสวะ 2 ประการ คือ โลกียะสัมมาทิฐิอันให้ผลแก่ขันธ์ โลกุตระสัมมาทิฐิอันเป็นองค์แห่งมรรค


แต่กระนั้น...ในบุคคลผู้เน่าในนั้น ไม่ได้ประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ 8 อย่างแท้จริง
คือ ทำตนให้เหมือนเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ด้วยกายบ้าง ด้วยวาจาบ้าง ด้วยจิตใจบ้าง
แต่เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นที่มี สัมมาทิฐิที่พยายามกระทำ  จึงเน่าเสีย กลับกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นต้น

- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาทิฐิทั้ง 2 มีความถือผิด คือทำให้กลายเป็นธรรมวิปัลลาส ถือเอาสัมมาทิฏฐิภายนอก เป็นสัมมาทิฐิอันเป็นองค์แห่งมรรค
   เช่น การถืออภิธรรมอันเป็นโลกุตระเป็นธรรมบัญญัติในโลก เว้นธรรมในโลกไปดุจอากาศ
        ดังในผู้มีนิยตมิจฉาทิฏฐิ 3 ได้แก่ อเหตุกทิฎฐิบ้าง(ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองเป็นเอง ไม่อาศัยเหตุปัจจัย),
             นัตถิกทิฎฐิ(ไม่มีโลกนี้โลกหน้า สัตว์บุคคลไม่มี เป็นแต่ธาตุประชุมกัน ตายแล้วสูญไม่เกิดอีก)
             และ อกิริยทิฎฐิ(ผลบาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำแล้วก็เป็นอันแล้วกันไป)


- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาสังกัปปะ เพราะเหตุวิปัลลาสจากสัมมาทิฐิทั้ง 2  ความคิดอ่านของเขาจึงประกอบไปด้วยความยึดมั่นอยู่
     มีความพอใจผิด เพราะเหตุสัมมาทิฐิวิปัลลาสแปรเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะถือผิดในธรรมจึงประกอบมิจฉาสังกัปปะ จึงมีดำริบิดเบือน ผูกพยาบาท และความเบียดเบียน คือวิปัลลาสไปทั้งโลกียะสัมมาสังกัปปะ และโลกุตระสัมมาสังกัปปะ

- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาวาจา เพราะเหตุ..ฯ จึงประกอบมิจฉาวาจา จึงกล่าวตู่ กล่าวผิด กล่าวเท็จ กล่าวหยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ฯ เป็นวิจีทุจริต

- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาวายามะ  เพราะความถือผิดในสัมมาทิฐิทั้ง 2  ความพยายามของเขาจึงแปรเป็นมิจฉาวายามะ กระทำในศีลในธรรมผิดเพี้ยน เพราะความถือมั่นในมิจฉาทิฏฐิอันได้เกิดขึ้นก่อน ฯ

- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีว เพราะ..ฯ

- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาสติ เพราะเหตุความวิปัลลาสจากสัมมาทิฐิทั้ง 2 จึงเป็นมิจฉาสติ มีความฟุ้งซ่าน รำคาญ ลังเล สงสัยในธรรม เพราะความถือมั่น..ฯ ก็ความมีสติเพื่อบรรลุโลกียะมรรคเป็นโลกียะสัมมาสติ ความมีสติเพื่อบรรลุโลกุตระอริยมรรคเป็นโลกุตระสัมมาสติ
   
- สาวกบางคน เน่าในเมื่อสัมมาสมาธิ เพราะเหตุความ..ฯ จึงเป็นมิจฉาสมาธิ แม้ประกอบอยู่ในองค์แห่งฌาณ ก็ไม่เกิดสัมมาญาณะและสัมมาวิมุตติ เพราะความถือมั่น...ฯ


     ปอกส้ม   เพี้ยนแบ๊ว   เพี้ยนติ่ง   เพี้ยนกินมาม่า   เพี้ยนฝันดี


ความพยายามเพื่อบรรลุมรรคมีองค์ 8 เป็นสัมมาทิฐิ
ความพยายามเพื่อบรรลุโลกียะมรรค เป็นโลกียะสัมมาทิฐิ
ความพยายามเพื่อบรรลุโลกุตระมรรค เป็นโลกุตระสัมมาทิฐิ

                          อัศวินเดินทาง

ถ้าใครติเตียนสัมมาทิฐิ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีทิฐิผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาสังกัปปะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีสังกัปปะผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาวาจา เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีวาจาผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมากัมมันตะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีการงานผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาอาชีวะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีอาชีวะผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาวายามะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีความพยายามผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาสติ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีสติผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาสมาธิ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีสมาธิผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาญาณะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีญาณผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาวิมุตติ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ..ผู้มีวิมุตติผิด
//อ่านเนื้อหาในพระไตรปิฎกได้ที่// http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3724&Z=3923


//ดอกไม้ ขอความสวัสดีในธรรมพึงมีแก่ผู้ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน ดอกไม้//


*ปล1.ดู "เน่าในภายใน" ได้จากพระสูตรที่คห.5 นำเสนอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่