เมื่อฉันเป็น "โรคซึมเศร้า" แถมด้วย "Trochotillomania"

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา.... จริงๆๆอิอิ

ก่อนอื่นหลายคนอาจคิด เอ๊ะ โรคซึมเศร้าฉันรู้จัก แต่ไอ้ ทิ-ทิ นี่มันอะไร(วะ)???

โรค Trichotillomania ก็คือโรคดึงผมตัวเองนั่นแหละ
อาการของโรคก็คือ ชอบดึงผมตัวเอง

เดี๋ยวๆๆ อาจมีคนบอกว่า ก็หยุดสิ ตัดมือทิ้ง บลาๆ (จากหลายๆกระทู้ที่มีคนตั้งคำถาม จะมีคนตอบประมาณนี้) คือ คุณคะะ พูดเล่นแบบนี้ ถ้าตอนนั้นดิฉันแย่อยู่นี่ ฆ่าตัวตายได้เลยนะคะะ!!

* ถ้าไม่แน่ใจหรือคิดว่าถ้าพูดไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น อันนี้เราแนะนำจริงๆไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามนะว่า "เก็บไว้ในใจจะดีกว่า" อย่างน้อยก็ดีต่อคนรับสารนั้นๆ*

โอเค เราเริ่มเป็นตอนม.ปลาย
ตอนนั้นเราเครียดกับตัวเองมากๆ กลัวไปหมด ทั้งเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัย เรื่องคะแนนสอบของตัวเองที่แย่มากๆ มันคิดลบกับตัวเองไปทุกเรื่อง

และแล้ว... เราก็รู้สึกว่า เมื่อเราดึงผมที่มันหยิกๆของตัวเองออก เราจะผ่อนคลายมากขึ้น

เราดึงผมมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นจนแทบหมดหัว!!

ทีนี้ตอนแรกเครียดเรื่องเรียนอย่างเดียว ตอนนี้เลยเครียดเรื่องผมด้วย เริ่มไม่มีความมั่นใจ จนกลายเป็นไม่อยากไปโรงเรียน พอไม่ไปเรียนผลการเรียนก็ยิ่งแย่ ตอนนั่นโลกเราหดหู่มาก ไม่อยากทำอะไรเลย

เราทนไม่ไหว ไปบอกแม่ แม่เลยพาไปพบจิตแพทย์ หมอให้ยา Flulox มากิน ต่อมาเปลี่ยนเป็นยา Zoloft กินวันละสองเม็ดจนถึงตอนนี้และยังไม่มีกำหนดหยุด

ทั้งจากยา คำแนะนำของจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ทำให้ เรามองเราในมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

เราเริ่มมองตัวเองดีขึ้น ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นมากเหมือนแต่ก่อน ใช้ชีวิตทุกวันได้อย่างมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมมากๆๆ

ส่วนเรื่องผมน่ะหรอ??
.
.
.
หมดหัวไปนานแล้ว แต่เราใส่วิกแหละ

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หมอให้แนวคิดใหม่ๆมา คือ หมอถามเราว่า
คนเราจะคบกันแค่ที่มีผมหรือไม่มีผม แค่นั้นจริงๆหรือ?
หนูคิดว่าถ้าเพื่อนหนูใส่วิก แล้วหนูจะรังเกียจเขาไหม? คำตอบคือ ไม่! ...

แต่ถ้ามีใคร รู้ว่าหนูใส่วิกแล้วเลิกคบกับหนู
หนูคิดว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนที่ดีได้ไหม?....
เราเลยเข้าใจอะไรมากขึ้น

ตอนนี้ เรื่องนี้ผ่านมาสักพัก ซึ่งตอนนี้เรายังดึงผมอยู่ (เมื่อสี่ทุ่มยังดึงอยู่เลย) แต่เรายังสามารถใช้ชีวิตปกติได้

โรคซึมเศร้าของเราดีขึ้น มองโลกบวกขึ้นจากแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่หายขาด หลายๆครั้ง เรายังโทษตัวเอง ทั้งเรื่องเรียน และเรื่องดึงผม (ทำไมเราห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทำไมเราแย่~) แต่เราก็ตัดมันได้เร็วขึ้นนะ

ที่มาตั้งกระทู้นี้ เราอยากให้กำลังใจกับทุกคน ทั้งคนที่เป็นโรคซึมเศร้า และคนที่เป็นโรค tricho

แต่ก่อนเราเคยคิดว่า ต้องรอให้เราหายก่อน เราถึงจะเป็นกำลังใจและเอาประสบการณ์ของเรามาแบ่งปันกับคนอื่นได้ แต่ตอนนี้ เราคิดว่า มาสู้ไปพร้อมๆกันก็ดีเหมือนกันนะ ^^

อยากฝากถึงคนที่มีคนใกล้ตัวเป็นโรคทั้งสองโรคนี้

เราอยากบอกว่า คุณลองเรียนรู้ ทำความเข้าใจ รับฟังคนใกล้ตัวของคุณให้มากขึ้น เพราะบางทีสิ่งที่เค้าต้องการ ก็มีแค่กำลังใจจากคนที่รักเค้ารัก และรักเค้าเท่านั้นเอง.

มีอะไรเขียนไว้ได้เลยนะ เราอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งจากคุณหมอ นักจิตวิทยา คนที่เป็น หรือเคยเป็นโรคทั้งสองโรคนี้ คนใกล้ตัว คนทั่วไป

เขียนไว้เลยย เราจะได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆเอามาปรับใช้กับตัวเองบ้าง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่