ใครที่เปลี่ยนแปลงตัวเองก็แล้ว แต่การหาคู่ก็ยังยากเหมือนเดิม

เล่าก่อนว่าในอดีตก็อกหักรักข้างเดียวมาตลอด เรียกได้ว่าเกิดมาเกือบ 3 ทศวรรษ ไม่เคยได้ลิ้มรสหรือแม้แต่ได้จิบอะไรหวานๆจากความรักเลย มาเจอหนักๆก็เมื่อประมาณ 5 - 6 ปีก่อน รักเขาแล้วไม่รักตอบ หลังจากนั้นแผลก็หายแล้วผมก็ดำเนินชีวิตแบบคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใครอย่างที่เป็นมาตลอด มีก็แค่กลุ่มเพื่อนที่เป็นชายรักหญิงกลุ่มนึงที่คุยธุรกิจกันอยู่ ชอบเล่นเกมเหมือนกัน เพื่อนที่เรียน ป. โท ก็แทบไม่ได้ติดต่ออะไรกันเลย

การอกหักครั้งนั้นทำให้ผมเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ จากแต่ก่อนผมค่อนข้างท้วม ผมก็เริ่มวิ่งจนได้หุ่นที่สมส่วนมา จากนั้นก็ไปเล่นพวก weight training ให้พอมีกล้ามบ้าง ทำจนติดเป็นนิสัยมาตลอด 5 ปี และก็ยังทำอยู่ จนคนที่จบมารุ่นเดียวกันทั้งมัธยม มหาลัย กลายเป็นหุ่นพลัสไซส์กันหมดแล้ว แต่ผมยังคงรูปร่างที่ดีอยู่ได้ (เรื่องนี้ก็ตลกดีคือพวกคนรู้จักที่ตอนเรียนหุ่นไม่ดี พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นว่าหุ่นดีกันเกือบหมดเลย)

แต่ถามว่ามันได้ผลอะไรมั้ย มันก็เหมือนเดิมอ่ะครับ จำนวนคนที่เข้ามาคุยก่อนมันก็ไม่ได้ต่างจากแต่ก่อนอะไรเลย ถามคนรู้จักเรื่องหน้าตาบอกขอคอมเม้นตรงๆว่าหน้าตาแย่รึเปล่า มันก็บอกกันแต่ว่าธรรมดา ผมก็คิดว่ามันคงตอบตามมารยาทน่ะแหละ ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองเอาเป็นว่าหน้าแย่หน่อยๆ ก็เลยไปดัดฟันจนเสร็จประมาณ 2 ปี แล้วผมก็พยายามเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายคุยกับคนที่ชอบก่อนบ้างซึ่งนี่เป็นการเปลี่ยนที่ผมต้องใช้พลังเยอะมากเพราะมันต่างจากตัวตนผมสิ้นเชิง

ล่าสุดเมื่อ 2 เดือนก่อน ผมไปชอบคนๆนึง ชอบขนาดไหน เอาเป็นว่ามากพอที่จะทำให้ผมปีนกำแพงในใจออกไปคุยกับเค้าเอง ผลคือเค้ามีแฟนอยู่แล้ว (ผู้ชายเหมือนกัน) ทำให้ผมต้องถอยออกมา แต่ไม่นานผมก็ไปชอบคนๆนึงที่อายุน้อยกว่า คุยกันแล้วเข้ากันได้หลายอย่าง เค้าเหมือนจะมาช่วยผมจากอกหักครั้งล่าสุดได้ ปรากฏว่าไม่กี่วันต่อมาก็พบว่ามีแฟนอีกคน (ผู้หญิง) สรุปคือครั้งนี้มันมาโหดครับ มาทีเดียว แป้ก 2 คน ติดต่อในเวลาแค่ 2 เดือนเลย

ตอนนี้ก็เลยจะมาเปลี่ยนเรื่องรักษาผิวหน้ากับเสื้อผ้าอีก แต่สักพักผมเลยมานั่งคิดว่าสรุปไอ้ที่เปลี่ยนตัวเองไปนี่ได้อะไรกลับมาบ้าง นอกจากว่าสุขภาพดี เออ สุขภาพดีแล้วไงอ่ะ ในเมื่อเราก็เป็นฝ่ายเข้าไปทัก ไปคุยกับคนที่เราชอบก่อนอยู่ดี ไม่มีใครเข้ามาเริ่มเกมอะไรก่อนเลย แต่ที่เสียไปคือเสียเงิน เสียทอง เจ็บตัวในหลายๆครั้ง

ใครมีประสบการณ์คล้ายกันหรืออยากถกเถียงอะไรเชิญได้เลยครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าจะพูดถึงดรื่องที่ควรเปลี่ยน ผมว่ามันก็มีให้คิดได้หลายเรื่องเลยนะครับ อย่างตัวคุณเองก็ปรับปรุง " รูปลักษณ์" ไปแล้ว แต่ก็ยังคิดว่าอาจจะยังไม่มากพอเลยคิดที่จะไปเสริมหล่ออีก ซึ่งผมว่าก็โอเคเลยนะครับ ส่วนเรื่องต่อมาที่สามารถปรับได้อีกก็คือเรื่อง "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ" ครับ อันนี้เริ่มยากขึ้นมาเยอะครับ เพราะต้องใช้เวลาในการปรับนานเลยครับ และถ้ามันไม่ได้ออกมาจากความเป็นตัวตนของเรามันจะดูเฟค โดยเฉพาะเรื่องของบุคลิกภาพอ่ะครับ...

เรื่องต่อมาอีกก็คือเรื่องของทัศนคติหรือมุมมองต่อการมีความความรักและการใช้ชีวิตโสดครับ มันยากกว่าข้อเมื่อกี้ขึ้นมาอีก เพราะยิ่งพยายามมันก็จะยิ่งยากอ่ะครับ เพราะเราต้องสู้กับตัวเอง แต่ถ้าเปลี่ยนได้แล้วก็จะเปลี่ยนเลย ยากที่จะกลับไปมองความรักและความโสดในแบบเดิมได้อีก แต่ผมเชื่อนะครับว่าโดยส่วนตัวคุณแล้วไม่ได้มองว่าความโสดมันน่ากลัวขนาดนั้น เพียงแค่ก็อยากที่จะมุ้งมิ้งกับใครจริง ๆ บ้างก็แค่นั้น...

ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ผมนึกออกว่าเราสามารถเปลี่ยนได้ และคิดว่าเป็นข้อที่ง่ายที่สุดเลย ก็คือเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการหาแฟนครับ ทำไมเวลาจีบใครถึงคิดแต่ว่าถ้าเราจีบแล้วต้องรับรักเราสิ พอเขาไม่รับก็จิตตกแล้วก็คิดแต่ว่าความรักไม่มีจริง (อันนี้ผมพูดรวม ๆ ไม่ได้เจาะจงที่ใครนะครับ) จิตตกอ่ะไม่แปลกครับ การคาดหวังก็ไม่แปลก จะตัดพ้อต่อว่าอะไรก็ไม่แปลก สรุปคือไม่มีอะไรแปลกเลย เพราะเราคือมนุษย์ครับ แต่ผิดที่ไม่เคยจะคิดและเข้าใจมันเลย เอาแต่ต่อว่ามันอยู่แบบเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก...

ถ้ามองจากเท่าที่คุณเขียนมา ผมว่าคุณทำได้ดีมาก ๆ แล้วนะครับ โดยเฉพาะการที่เป็นฝ่ายเข้าหาเป้าหมายก่อน หลายคนมาก ๆ เอาแต่บ่นว่าทำไมไม่มีใครเข้าหาเลย แต่ก็ไม่ทำอะไร ก็ยังเอาแต่รออยู่แบบนั้น (ก็รอต่อไปเถอะ) ซึ่งการเข้าไปจีบใครก่อนผมก็พอจะรู้ว่ามันต้องใช้พลังมากแบบที่คุณว่ามานั่นแหละครับ แต่มันฟินกว่าการรอใครเข้ามาแบบตามมีตามเกิดเยอะครับ และมันทำให้โอกาสที่จะมีใครสักคนมากกว่าคนที่เอาแต่รอคนเข้าหาอย่างเดียวด้วย...

ผมก็อยากแบ่งปันวิธีคิดเรื่องนี้นิดนึง คือเราเปลี่ยนแปลงรูปร่าง, หน้าตา, เสื้อผ้า, หน้าผม หรือแม้แต่การที่จะจีบใครสักคน เรายังใช้ทรัพยากรเลย ไม่ว่าจะเงิน, เวลา, แรง แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังมีสิ่งที่เราต้องใช้และเสียไปอีกคือ "แรงใจหรือกำลังใจ" ครับ เงินหมดเราก็ยังพอหาใหม่ได้ เวลาผ่านไปแล้วก็ยังมีพรุ่งนี้อีก แรงหมดพักก็ฟื้น เพราะฉะนั้นแรงใจหรือกำลังใจเราจะให้มันหมดไม่ได้เหมือนกันครับ ต้องหาวิธีการเติมแรงใจให้ตัวเองด้วยตัวของเราเองให้ได้นะครับ เราต้องสามารถสร้างกำลังใจให้ตัวเองให้ได้ ผมเลยให้ความสำคัญกับทัศนคติหรือมุมมองต่อเรื่องต่าง ๆ มาก ๆ เลยอ่ะครับ เพราะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด แต่ถ้ามันเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนตามไปด้วยครับ เราจะสร้างกำลังใจกลับคือมาได้ง่ายมาก ๆ เลยครับ...

เงินทอง เวลา แรงกายแรงใจที่คุณสูญเสียไปมันไม่ได้เปล่าประโยชน์สักเท่าไหร่หรอกครับ เพราะสิ่งที่คุณได้กลับมาคือประสบการณ์ แต่มันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าหากคุณไม่เคยใส่ใจเรียนรู้มัน มันไม่ได้ไร้ค่าโดยตัวของมันเองนะครับ แต่เพราะมันอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่าของมันที่ไม่เคยเรียนรู้และยังคงคิด,ทำอะไรแบบเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกอ่ะครับ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่