* กระทู้สนทนา เพื่อ แลกเปลี่ยนทัศนคติ โปรดใช้วิจารณญาณ *
มู้นี้ ขอเกาะกระแสข่าว คุณสรยุทธ ค่ะ
จากกรณี คุณสรยุทธ ถูกศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก ในกรณี " โกงค่าโฆษณา " ของบริษัทไร่ส้ม จนเป็นกระแส talk of the town
จนเกิด effect ของทั้งกองเชียร์และกองแช่งตามมา
ซึ่งในความเห็นส่วนตัว กระแส ความยุติธรรม ความถูกต้อง มักจะถูกสร้างกระพือขึ้นอย่างท่วมท้น
( โดยเฉพาะ คนที่มีทัศนคติ ที่ตรงข้ามกับตัวเอง และนี่เองเป็นก็วัฒนธรรมแบบไทยๆ )
ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการเรียกร้องให้คุณสรยุทธ หยุดปฎิบัติหน้าที่ เพราะขาดหลักจริยธรรม ที่สื่อควรจะมี
( แต่กลับลืมมองหลักสิทธิมนุษยชนไปโดยสิ้นเชิง)
ในความเป็นจริง การถูกศาลชั้นต้น ตัดสิน ก็ถือว่าได้ว่า คุณสรยุทธ ทีความผิดทางหลักฐานชัดเจนตามที่ฟ้อง
และคุณสรยุทธ ก็ต้องชดใช้ค่าปรับ และความผิด ตามที่ศาลตัดสิน
และในกรณี คำตัดสินติดคุก โดยไม่รอลงอาญา แน่นอน คุณสรยุทธ มิสิทธิอุทธรณ์ และฎีกา เพื่อชี้แจง และ ขอบรรเทาโทษ
ได้ตามสิทธิที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมมนูญ ตรงนี้ ไม่มีใครรู้คำตัดสินล่วงหน้าว่าจะออกมาอย่างไร
อยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่จะใช้หลักนิติธรรมตัดสิน และคนนอกศาล หรือกองเชียร์ กองแช่ง ก็ควรรอฟังคำพิพากษา
สำหรับตัวเอง คิดมานานแล้วว่า คุณสรยุทธเองก็น่าจะพอรู้ ชะตากรรมนี้ดี จากการดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ช่วงหลัง รปห
เป็นต้นมา ดูเหมือนแกจะลดดีกรีความร้อนทางการเมือง มาเสอข่าวแบบสั้นๆ กระชับ และตรงประเด็น และจะเน้นไปทางข่าวอาชญากรรม
และข่าวช่วยเหลือสังคมมากขึ้น จากการดำเนินรายการที่กำหนดยุทธศาสตร์แบบนี้ ทำให้ความช่วยเหลือร่วมมือ
เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนา ประเทศชาติโดยไม่ต้องอาศัยภาครัฐอย่างเดียว
ซึ่งส่วนตัว รู้สึกชื่นชมและ สนับสนุน ในการเสนอข่าวแบบนี้ เราปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าในโลกยุคข่าวสารบ้านเมือง
ที่ไปไกลและรวดเร็ว เราจำเป็นต้องมีสื่อ เพื่อเป็นตัวกลางให้คนได้รับข่าวสาร และเป็นเสียงสะท้อนของสังคม
ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และหนึ่งในนั้น รายการเรื่องเล่าเช้นนี้ ก็ทำหน้าที่ได้ดี
แต่อย่างไรก็ตาม คนทำผิดก็ต้องรับผิด ตามความผิดที่ได้กระทำ ส่วนโทษจะเหมาะสมหรือไม่ประการใด ศาลเป็นผู้ตัดสิน
และอยู่ในขั้นตอนกระบวนการต่อไป
ในขณะที่ข่าวสารการเมืองของไทยในขณะนี้ เราจะเห็นการต่อสู้กันทุกวิถีทาง โดยแต่ละด้านสื่อไหนถือข้างไหนสื่อ
นั้นก็จะเสนอข่าวเป็นคุณเป็นโทษ ต่อฝ่ายตรงข้าม คนที่เสพข่าวจึงต้องคิดทบทวนและแยกแยะ ให้เป็น
หลังจาก รปห 49มา การเมืองเริ่มแตกแยกอย่างรุนแรง และแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในทุกภาคส่วนและทุกองค์คาพยัพ
หากแต่มองลงไปการเลือกข้าง มักจะถูกครอบงำกันเองในองค์กร หากจะมีใครแปลกแยกออกมา ก็มักจะถูกให้เป็นฝ่ายต่าง
และอาจบอยคอต หรือ ปิดกั้นการสนทนาจนอาจ เลยไปถึงไม่ให้ความร่วมมือ
หลายๆคนใองค์กร จึงไม่อยากเปิดเผยความคิดทางการเมืองเท่าไหร่นัก
กลับมาเรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมกันต่อ ถ้าจะเอาเรื่องนี้เป็นบทเรียน หรือบรรทัดฐานอะไรก็แล้วแต่ อยากให้สื่อทั้งหลาย
ทุกฝั่ง ทุกค่าย โปรดคิด โปรดทบทวน ตั้งสติ และดูเรื่องนี้อย่างละเอียดให้ดี ถึงเวลาปลุกจิตสำนึกสื่อแล้วว่า ความจริงที่เจอ
กับคุณธรรมจริยธรรม และการเลือกข้าง จุดพอดีมันอยู่ตรงไหน? เพื่อพวกพ้อง เพื่อปากท้อง หรือเพื่อสังคม?
( คนในช่อง 3 เองทั้งดารา ผู้บริหาร ยิ่งต้องสำเหนียกไว้เยอะๆ )
ส่วนตัวไม่ปฎิเสธเลยว่า คุณสรยุทธเป็นบุคคลหนึ่งที่มีศักยภาพ และ มีวิสัยทัศน์ ในการนำเสนอข่าวอย่างดี ตรงประเด็น
และเล่าข่าว หรือแม้แต่สื่อสารได้ออกมาได้เข้าใจดี ในเมืองไทย หานักเล่าข่าวเก่งๆแบบนี้ยาก แต่ก็มี หลายท่าน
และเสียดายหากคุณสรยุทธจะหายจากจอไป ก่อนคำตัดสินอันเป็นที่ชี้ขาดจะมี จากอีก 2 ศาล
และถ้ายึดหลักกฎหมาย เท่าที่หาดู ยังไม่เห็นข้อกฎหมายใด ที่ให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าทีเลยนะ
ใครหาเจอเอามาให้อ่านหน่อยค่ะ
สุดท้ายไม่ว่าคุณสรยุทธ จะเดินไปทางไหน ตัดสินใจอย่างไร เราเคารพความคิดเห็นคุณเสมอ แต่หากคุณตัดสินใจ
จะเดินหน้าต่อ ขอให้คุณใช้บทเรียนครั้งนี้ ปรับเปลี่ยน และพัฒนาให้สังคมรอบข้าง จากของทางช่อง3 เอง จากคนดู
จากกองเชียร์ กองแช่ง ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ
สังคมไทยรับไม่ได้กับคนโกง ถ้าคนโกงนั้นๆ ไม่เป็นคนที่ตัวเองชื่นชม
แต่สังคมก็เปิดโอกาสให้เสมอเสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่ จะกำหนดชะตากรรม นั้นๆ
ขอเกาะกระแส คุณสรยุทธ ซักทู้...
มู้นี้ ขอเกาะกระแสข่าว คุณสรยุทธ ค่ะ
จากกรณี คุณสรยุทธ ถูกศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก ในกรณี " โกงค่าโฆษณา " ของบริษัทไร่ส้ม จนเป็นกระแส talk of the town
จนเกิด effect ของทั้งกองเชียร์และกองแช่งตามมา
ซึ่งในความเห็นส่วนตัว กระแส ความยุติธรรม ความถูกต้อง มักจะถูกสร้างกระพือขึ้นอย่างท่วมท้น
( โดยเฉพาะ คนที่มีทัศนคติ ที่ตรงข้ามกับตัวเอง และนี่เองเป็นก็วัฒนธรรมแบบไทยๆ )
ประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการเรียกร้องให้คุณสรยุทธ หยุดปฎิบัติหน้าที่ เพราะขาดหลักจริยธรรม ที่สื่อควรจะมี
( แต่กลับลืมมองหลักสิทธิมนุษยชนไปโดยสิ้นเชิง)
ในความเป็นจริง การถูกศาลชั้นต้น ตัดสิน ก็ถือว่าได้ว่า คุณสรยุทธ ทีความผิดทางหลักฐานชัดเจนตามที่ฟ้อง
และคุณสรยุทธ ก็ต้องชดใช้ค่าปรับ และความผิด ตามที่ศาลตัดสิน
และในกรณี คำตัดสินติดคุก โดยไม่รอลงอาญา แน่นอน คุณสรยุทธ มิสิทธิอุทธรณ์ และฎีกา เพื่อชี้แจง และ ขอบรรเทาโทษ
ได้ตามสิทธิที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมมนูญ ตรงนี้ ไม่มีใครรู้คำตัดสินล่วงหน้าว่าจะออกมาอย่างไร
อยู่ที่ดุลพินิจของศาลที่จะใช้หลักนิติธรรมตัดสิน และคนนอกศาล หรือกองเชียร์ กองแช่ง ก็ควรรอฟังคำพิพากษา
สำหรับตัวเอง คิดมานานแล้วว่า คุณสรยุทธเองก็น่าจะพอรู้ ชะตากรรมนี้ดี จากการดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้ช่วงหลัง รปห
เป็นต้นมา ดูเหมือนแกจะลดดีกรีความร้อนทางการเมือง มาเสอข่าวแบบสั้นๆ กระชับ และตรงประเด็น และจะเน้นไปทางข่าวอาชญากรรม
และข่าวช่วยเหลือสังคมมากขึ้น จากการดำเนินรายการที่กำหนดยุทธศาสตร์แบบนี้ ทำให้ความช่วยเหลือร่วมมือ
เผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนา ประเทศชาติโดยไม่ต้องอาศัยภาครัฐอย่างเดียว
ซึ่งส่วนตัว รู้สึกชื่นชมและ สนับสนุน ในการเสนอข่าวแบบนี้ เราปฎิเสธไม่ได้เลย ว่าในโลกยุคข่าวสารบ้านเมือง
ที่ไปไกลและรวดเร็ว เราจำเป็นต้องมีสื่อ เพื่อเป็นตัวกลางให้คนได้รับข่าวสาร และเป็นเสียงสะท้อนของสังคม
ที่มีประสิทธิภาพที่สุด และหนึ่งในนั้น รายการเรื่องเล่าเช้นนี้ ก็ทำหน้าที่ได้ดี
แต่อย่างไรก็ตาม คนทำผิดก็ต้องรับผิด ตามความผิดที่ได้กระทำ ส่วนโทษจะเหมาะสมหรือไม่ประการใด ศาลเป็นผู้ตัดสิน
และอยู่ในขั้นตอนกระบวนการต่อไป
ในขณะที่ข่าวสารการเมืองของไทยในขณะนี้ เราจะเห็นการต่อสู้กันทุกวิถีทาง โดยแต่ละด้านสื่อไหนถือข้างไหนสื่อ
นั้นก็จะเสนอข่าวเป็นคุณเป็นโทษ ต่อฝ่ายตรงข้าม คนที่เสพข่าวจึงต้องคิดทบทวนและแยกแยะ ให้เป็น
หลังจาก รปห 49มา การเมืองเริ่มแตกแยกอย่างรุนแรง และแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ในทุกภาคส่วนและทุกองค์คาพยัพ
หากแต่มองลงไปการเลือกข้าง มักจะถูกครอบงำกันเองในองค์กร หากจะมีใครแปลกแยกออกมา ก็มักจะถูกให้เป็นฝ่ายต่าง
และอาจบอยคอต หรือ ปิดกั้นการสนทนาจนอาจ เลยไปถึงไม่ให้ความร่วมมือ
หลายๆคนใองค์กร จึงไม่อยากเปิดเผยความคิดทางการเมืองเท่าไหร่นัก
กลับมาเรื่อง คุณธรรมและจริยธรรมกันต่อ ถ้าจะเอาเรื่องนี้เป็นบทเรียน หรือบรรทัดฐานอะไรก็แล้วแต่ อยากให้สื่อทั้งหลาย
ทุกฝั่ง ทุกค่าย โปรดคิด โปรดทบทวน ตั้งสติ และดูเรื่องนี้อย่างละเอียดให้ดี ถึงเวลาปลุกจิตสำนึกสื่อแล้วว่า ความจริงที่เจอ
กับคุณธรรมจริยธรรม และการเลือกข้าง จุดพอดีมันอยู่ตรงไหน? เพื่อพวกพ้อง เพื่อปากท้อง หรือเพื่อสังคม?
( คนในช่อง 3 เองทั้งดารา ผู้บริหาร ยิ่งต้องสำเหนียกไว้เยอะๆ )
ส่วนตัวไม่ปฎิเสธเลยว่า คุณสรยุทธเป็นบุคคลหนึ่งที่มีศักยภาพ และ มีวิสัยทัศน์ ในการนำเสนอข่าวอย่างดี ตรงประเด็น
และเล่าข่าว หรือแม้แต่สื่อสารได้ออกมาได้เข้าใจดี ในเมืองไทย หานักเล่าข่าวเก่งๆแบบนี้ยาก แต่ก็มี หลายท่าน
และเสียดายหากคุณสรยุทธจะหายจากจอไป ก่อนคำตัดสินอันเป็นที่ชี้ขาดจะมี จากอีก 2 ศาล
และถ้ายึดหลักกฎหมาย เท่าที่หาดู ยังไม่เห็นข้อกฎหมายใด ที่ให้จำเลยหยุดปฏิบัติหน้าทีเลยนะ
ใครหาเจอเอามาให้อ่านหน่อยค่ะ
สุดท้ายไม่ว่าคุณสรยุทธ จะเดินไปทางไหน ตัดสินใจอย่างไร เราเคารพความคิดเห็นคุณเสมอ แต่หากคุณตัดสินใจ
จะเดินหน้าต่อ ขอให้คุณใช้บทเรียนครั้งนี้ ปรับเปลี่ยน และพัฒนาให้สังคมรอบข้าง จากของทางช่อง3 เอง จากคนดู
จากกองเชียร์ กองแช่ง ให้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ
สังคมไทยรับไม่ได้กับคนโกง ถ้าคนโกงนั้นๆ ไม่เป็นคนที่ตัวเองชื่นชม
แต่สังคมก็เปิดโอกาสให้เสมอเสียงสะท้อนของคนส่วนใหญ่ จะกำหนดชะตากรรม นั้นๆ