ท่านทั้งหลายความรู้ต่างๆบนโลกนี้มีมากมาย พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดภิกษุที่ป่าประดู่ลาย โดยทรงหยิบใบไม้ขึ้นมากำมือหนึ่ง แล้วถามภิกษุว่า"ใบไม้ในกำมือของพระองค์ กับใบไม้ทั้งหมดในป่าประดู่นี้ ใบไม้ที่ไหนมีมากกว่ากัน" ภิกษุก็ได้ตอบว่า "ใบไม้ในป่านี้ทั้งหมดมีมากกว่าในกำมือของพระองค์"
พระองค์จึงทรงตรัสต่อไปว่า เรื่องที่เรารู้น่ะเท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่ที่นำมาสอนเธอเท่ากับใบไม้ในกำมือ คือสอนแต่เรื่องทุกข์กับเรื่องดับทุกข์เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น ปรากฏว่ามีคนสอนกันมากมาย ฉะนั้นพระองค์จึงมุ่งไปสอนแต่เรื่องทุกข์กับเรื่องดับทุกข์ ส่วนสูตรอื่นวิชาอื่นมีคนสอนแล้ว
ความรู้บนโลกนี้ก็มีมากมายประหนึ่งเปรียบดังใบไม้มากมายนั่น คือไม่ได้มีเพียงแต่บนอินเตอร์เน็ต คนจำนวนมากเกิดมากบนยุคที่มีอินเตอร์เน็ต ก็คิดว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีความรู้ครอบฟ้า ทั้งที่จริงแล้วความรู้บนอินเตอร์เน็ตมันก็คล้ายใบไม้ในกำมือเช่นกัน ดังนั้นท่านทั้งหลายอย่ามัวแต่เคลือบแคลงสงสัยในสิ่งที่หาไม่เจอบนอินเตอร์เน็ตเลย ...
เร็วๆนี้มีผู้มาแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในความรู้และวิทยฐานะของหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านมาก มาถามหาเอาหนังสือ และธรรมนิพนธ์ของท่านมาก เพราะบุคคลเป็นจำนวนมากยังไม่รู้จักหลวงพ่อสมเด็จ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใดเลย.... แต่ที่ผิดคือไปจาบจ้วงหลวงพ่อสมเด็จว่า ท่านไม่มีความรู้ ความสามารถ มีผลงานก็แต่เรื่องถาวรวัตถุ เป็นการดูหมิ่นดูแคลนว่าท่านเป็นเพียงแต่ปราชญ์บริจาคเงิน เพียงเพราะบุคคลผู้จ้วงจาบเหล่านั้นหาผลงานของท่านไม่ได้บนอินเตอร์เน็ต
จึงกล่าวตู่ดูหมิ่นท่านไปด้วยอกุศลและด้วยความเบาปัญญาก็เท่านั้น
ท่านทั้งหลาย ความจริงที่ท่านอาจยังไม่รู้นั้นคือ
สมเด็จฯท่านเพียบพร้อมอย่างยิ่งทั้งวิทยฐานะ และจารณะอันดีงาม ท่านเป็นนักปราชญ์ผู้ได้ยกย่องจากครูบาอาจารย์มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ท่านเข้ามาในพระศาสนาตั้งแต่อายุ 7 ปี เนื่องจากโยมมารดาท่านนำมาฝากไว้กับพระอาจารย์และได้บรรพชาเมื่ออายุ 7 ปีจวบจนปัจจุบันนี้ท่านอายุ 91 พรรษาได้บวชดำรงตนอยู่ในพระพุทธศาสนาประเทศไทย มาก็ล่วง 77 ปีแล้ว
ท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์รวม 5 แห่ง 3 ประเทศ เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ไทยไปร่วมสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ที่ประเทศพม่าตั้งแต่มีอายุได้ 30 ปี เมื่อปีพ.ศ. 2498 .....ยกมาเพียงหยิบมือเพียงเท่านี้ หากนักปราชญ์ราชบัณฑิตพึงทราบเข้า ก็น่าจะรับรองถึงความรู้ ความสามารถของท่านได้
..... แต่ยังไม่เพียงเท่านี้........ ท่านไม่ได้มีเพียงความสามารถเพียงหยิบมือเท่านี้ท่านทั้งหลาย
บัดนี้ผู้เขียนจะพรรณา วิทยฐานะบางส่วนของหลวงพ่อสมเด็จวัดปากนี้ อันสมเด็จท่านมีเป็นเกียรติยศ โดยชอบธรรม โดยจริงแท้ มาให้ท่านทั้งหลายทราบเป็นวิทยาทาน
วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๔๘๐ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนประชาบาล วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๘๔ นักธรรมชั้นโท วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๐ นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๒ เปรียญธรรม ๗ ประโยค สำนักเรียนวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๗ เปรียญธรรม ๙ ประโยค สำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
การศึกษาพิเศษ
ได้ศึกษาสมถะ-วิปัสสนา ตามแนววิชชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตั้งแต่เป็นสามเณร ถึงปัจจุบัน
พ.ศ. ๒๔๙๒ -๒๕๐๘ เป็นผู้ทรงจำและสวดพระปาฏิโมกข์ ณ วัดเบญจมบิตร และวัดปากน้ำ
พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย ประเทศศรีลังกา
พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสังฆสภาอินเดีย ประเทศอินเดีย
พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหา มหามกุฏราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้รับถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สมณศักดิ์ในประเทศ
พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิโมลี
พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชเวที
พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวรเวที
พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยบัฏ ที่ พระธรรมปัญญาบดี
พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรบัฏที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
สมณศักดิ์ต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศบังกลาเทศ ที่ พระศาสนธชมหา ปัญญาสาระ
พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระ ชินวรสาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณะปาโมกขาจริยะ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะ ที่ พระสาสนโชติกสัทธัมมวิสารทวิมลกิตติสิริ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิรเตปิฏกวิสารโท
พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับสรณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระ ติปิฏกปัณฑิตธัมมกิติสสิริยติสังฆปติ
พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับแต่งตั้งเป็ฯพระอุปัชฌาย์ของประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายะธรรมธีรมหามุนี เถระ
พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระเถร วาทะวังสาลังการะสยามเทสะสาสนธชะ
ยกตัวอย่างมาเพียงแค่นี้ หากผู้มีความรู้มีการศึกษา มีความเข้าใจ ก็จะทราบว่า สมเด็จท่านนั้นได้วิทยฐานะสูงสุดทั้งทางโลก ส่วนทางวิทยฐานะธรรมนั้น เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เปรียญธรรม ๙ ประโยค นี่ก็สูงส่งที่สุดเป็นอย่างยิ่ง.
มีผู้มาจ้วงจาบดูหมิ่นว่าท่านนั้น ไม่มีความรู้ทางธรรม ไม่มีหนังสือนิพนธ์.. ทั้งๆที่ความจริงนั้นท่านมีความรู้อย่างยิ่งมี เป็นนักปราชญ์ มีการเผยแผ่ธรรม ทั้งพระธรรมเทศนา บทความ โอวาท ร้อยเรื่องพันเรื่อง เป็นการเผยแผ่ธรรม ที่มีผู้ฟังจำนวนมาก หลายสถานที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ. ยกตัวอย่างหนังสือเพียงเล่มเดียวที่ผู้เขียนรู้จัก จาก"หนังสือพระธรรมเทศนา-บทความ-โอวาท อายุวัฒนมงคล ๘๐ ปี"ที่ตีพิมพ์ปี 2558 จากหนังสือหลายเล่มที่ท่านนิพนธ์ ก็มีความยาวถึง 600 หน้าแล้ว นับประสาอะไรกับเล่มอื่น ที่ผู้เขียนยังไม่รู้จักอีกเป็นอันมาก...
และ.. แม้แต่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักของพวกเราชาวไทย เจ้าประคุณสมเด็จฯท่านก็ได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในพระบรมมหาราชวัง ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์มาแล้วร่วมร้อยครั้ง
ท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธอย่าเพียงสักแต่ว่าฟังเขาเล่ามา อย่าสักแต่หาความรู้บนอินเตอร์เน็ต เพราะความรู้บนอินเตอร์เน็ตนั้นมันเทียบเท่าเพียงเศษธุลีในนิ้วเล็บก้อย ส่วนความรู้ข้างนอกมันมากมาย กว้างขวางยิ่งใหญ่ หากท่านยังเคลือบแคลงสงสัย ต้องการหาความรู้มาประดาใส่ตัว ก็อย่านิ่งเฉย เชิญเข้าไปศึกษา ขอข้อมูลและนิพนธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านที่ห้องสมุด วัดปากน้ำและห้องสมุดพุทธศาสนา ที่อื่นๆด้วยได้ อันตัวผู้เขียนเองเพียงยกความรู้ความสามารถของท่านมาส่วนหนึ่ง ความรู้ความสามารถของท่านนั้นยังมีอีกมาก
ดังจะเห็นได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ท่านนั้นเป็นนักปราชญ์ มีความรู้ มีความน่าชื่นชม น่าเชิดชู น่ายกย่อง เป็นอย่างยิ่ง เหมาะแล้ว สมแล้วกับ สมเกียรติยศฐานะแห่งประมุขของสงฆ์ แห่งราชอาณาจักรไทยเป็นอย่างยิ่ง ทีนี้เราท่านทั้งหลายก็ช่วยไปประกาศคุณงามความดี และวิทยฐานะของสมเด็จท่าน ให้บุคคลที่ไม่ทราบได้ทราบเสีย ช่วยกันลบคำสบประมาทของพวกที่มีปัญญาเพียงหางอึ่ง แล้วบังอาจมาจาบจ้วงจอมปราชญ์อย่างท่านเสีย
ที่สำคัญที่สุดท่านทั้งหลายต้องดำรงตนอยู่ในความดี ตามหลักธรรมปฏิบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประกาศไว้
ก็ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ช่วยค้ำคุณพระศาสนา ช่วยปกป้องคนดีจากคนไม่ดี เท่านี้ความสุข ความเจริญ งอกงามทั้งหลาย ก็คงจะมาถึงท่านทั้งหลายเป็นแม่นมั่น แน่แท้.
-ด้วยความเคารพยิ่งต่อพระเจ้าพระคุณหลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำ-
เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.๙) พระผู้เป็นนักปราชญ์แห่งราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะท่านทั้งหลายความรู้ต่างๆบนโลกนี้มีมากมาย พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดภิกษุที่ป่าประดู่ลาย โดยทรงหยิบใบไม้ขึ้นมากำมือหนึ่ง แล้วถามภิกษุว่า"ใบไม้ในกำมือของพระองค์ กับใบไม้ทั้งหมดในป่าประดู่นี้ ใบไม้ที่ไหนมีมากกว่ากัน" ภิกษุก็ได้ตอบว่า "ใบไม้ในป่านี้ทั้งหมดมีมากกว่าในกำมือของพระองค์"
พระองค์จึงทรงตรัสต่อไปว่า เรื่องที่เรารู้น่ะเท่ากับใบไม้ทั้งป่า แต่ที่นำมาสอนเธอเท่ากับใบไม้ในกำมือ คือสอนแต่เรื่องทุกข์กับเรื่องดับทุกข์เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั้น ปรากฏว่ามีคนสอนกันมากมาย ฉะนั้นพระองค์จึงมุ่งไปสอนแต่เรื่องทุกข์กับเรื่องดับทุกข์ ส่วนสูตรอื่นวิชาอื่นมีคนสอนแล้ว
ความรู้บนโลกนี้ก็มีมากมายประหนึ่งเปรียบดังใบไม้มากมายนั่น คือไม่ได้มีเพียงแต่บนอินเตอร์เน็ต คนจำนวนมากเกิดมากบนยุคที่มีอินเตอร์เน็ต ก็คิดว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีความรู้ครอบฟ้า ทั้งที่จริงแล้วความรู้บนอินเตอร์เน็ตมันก็คล้ายใบไม้ในกำมือเช่นกัน ดังนั้นท่านทั้งหลายอย่ามัวแต่เคลือบแคลงสงสัยในสิ่งที่หาไม่เจอบนอินเตอร์เน็ตเลย ...
เร็วๆนี้มีผู้มาแสดงความเคลือบแคลงสงสัยในความรู้และวิทยฐานะของหลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ท่านมาก มาถามหาเอาหนังสือ และธรรมนิพนธ์ของท่านมาก เพราะบุคคลเป็นจำนวนมากยังไม่รู้จักหลวงพ่อสมเด็จ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใดเลย.... แต่ที่ผิดคือไปจาบจ้วงหลวงพ่อสมเด็จว่า ท่านไม่มีความรู้ ความสามารถ มีผลงานก็แต่เรื่องถาวรวัตถุ เป็นการดูหมิ่นดูแคลนว่าท่านเป็นเพียงแต่ปราชญ์บริจาคเงิน เพียงเพราะบุคคลผู้จ้วงจาบเหล่านั้นหาผลงานของท่านไม่ได้บนอินเตอร์เน็ต จึงกล่าวตู่ดูหมิ่นท่านไปด้วยอกุศลและด้วยความเบาปัญญาก็เท่านั้น
ท่านทั้งหลาย ความจริงที่ท่านอาจยังไม่รู้นั้นคือ สมเด็จฯท่านเพียบพร้อมอย่างยิ่งทั้งวิทยฐานะ และจารณะอันดีงาม ท่านเป็นนักปราชญ์ผู้ได้ยกย่องจากครูบาอาจารย์มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ท่านเข้ามาในพระศาสนาตั้งแต่อายุ 7 ปี เนื่องจากโยมมารดาท่านนำมาฝากไว้กับพระอาจารย์และได้บรรพชาเมื่ออายุ 7 ปีจวบจนปัจจุบันนี้ท่านอายุ 91 พรรษาได้บวชดำรงตนอยู่ในพระพุทธศาสนาประเทศไทย มาก็ล่วง 77 ปีแล้ว
ท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์รวม 5 แห่ง 3 ประเทศ เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้แทนคณะสงฆ์ไทยไปร่วมสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ที่ประเทศพม่าตั้งแต่มีอายุได้ 30 ปี เมื่อปีพ.ศ. 2498 .....ยกมาเพียงหยิบมือเพียงเท่านี้ หากนักปราชญ์ราชบัณฑิตพึงทราบเข้า ก็น่าจะรับรองถึงความรู้ ความสามารถของท่านได้
..... แต่ยังไม่เพียงเท่านี้........ ท่านไม่ได้มีเพียงความสามารถเพียงหยิบมือเท่านี้ท่านทั้งหลาย
บัดนี้ผู้เขียนจะพรรณา วิทยฐานะบางส่วนของหลวงพ่อสมเด็จวัดปากนี้ อันสมเด็จท่านมีเป็นเกียรติยศ โดยชอบธรรม โดยจริงแท้ มาให้ท่านทั้งหลายทราบเป็นวิทยาทาน
วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๔๘๐ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนประชาบาล วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๘๔ นักธรรมชั้นโท วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๐ นักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๒ เปรียญธรรม ๗ ประโยค สำนักเรียนวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๙๗ เปรียญธรรม ๙ ประโยค สำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
การศึกษาพิเศษ
ได้ศึกษาสมถะ-วิปัสสนา ตามแนววิชชาธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตั้งแต่เป็นสามเณร ถึงปัจจุบัน
พ.ศ. ๒๔๙๒ -๒๕๐๘ เป็นผู้ทรงจำและสวดพระปาฏิโมกข์ ณ วัดเบญจมบิตร และวัดปากน้ำ
พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหา จุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๔๓ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย ประเทศศรีลังกา
พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสังฆสภาอินเดีย ประเทศอินเดีย
พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหา มหามกุฏราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้รับถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สมณศักดิ์ในประเทศ
พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิโมลี
พ.ศ. ๒๕๐๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชเวที
พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวรเวที
พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชั้นหิรัณยบัฏ ที่ พระธรรมปัญญาบดี
พ.ศ.๒๕๓๘ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรบัฏที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
สมณศักดิ์ต่างประเทศ
พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศบังกลาเทศ ที่ พระศาสนธชมหา ปัญญาสาระ
พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระ ชินวรสาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณะปาโมกขาจริยะ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะ ที่ พระสาสนโชติกสัทธัมมวิสารทวิมลกิตติสิริ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิรเตปิฏกวิสารโท
พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับสรณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระ ติปิฏกปัณฑิตธัมมกิติสสิริยติสังฆปติ
พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับแต่งตั้งเป็ฯพระอุปัชฌาย์ของประเทศศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายะธรรมธีรมหามุนี เถระ
พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับสมณศักดิ์จากประเทศศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระเถร วาทะวังสาลังการะสยามเทสะสาสนธชะ
ยกตัวอย่างมาเพียงแค่นี้ หากผู้มีความรู้มีการศึกษา มีความเข้าใจ ก็จะทราบว่า สมเด็จท่านนั้นได้วิทยฐานะสูงสุดทั้งทางโลก ส่วนทางวิทยฐานะธรรมนั้น เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เปรียญธรรม ๙ ประโยค นี่ก็สูงส่งที่สุดเป็นอย่างยิ่ง.
มีผู้มาจ้วงจาบดูหมิ่นว่าท่านนั้น ไม่มีความรู้ทางธรรม ไม่มีหนังสือนิพนธ์.. ทั้งๆที่ความจริงนั้นท่านมีความรู้อย่างยิ่งมี เป็นนักปราชญ์ มีการเผยแผ่ธรรม ทั้งพระธรรมเทศนา บทความ โอวาท ร้อยเรื่องพันเรื่อง เป็นการเผยแผ่ธรรม ที่มีผู้ฟังจำนวนมาก หลายสถานที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ. ยกตัวอย่างหนังสือเพียงเล่มเดียวที่ผู้เขียนรู้จัก จาก"หนังสือพระธรรมเทศนา-บทความ-โอวาท อายุวัฒนมงคล ๘๐ ปี"ที่ตีพิมพ์ปี 2558 จากหนังสือหลายเล่มที่ท่านนิพนธ์ ก็มีความยาวถึง 600 หน้าแล้ว นับประสาอะไรกับเล่มอื่น ที่ผู้เขียนยังไม่รู้จักอีกเป็นอันมาก...
ท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธอย่าเพียงสักแต่ว่าฟังเขาเล่ามา อย่าสักแต่หาความรู้บนอินเตอร์เน็ต เพราะความรู้บนอินเตอร์เน็ตนั้นมันเทียบเท่าเพียงเศษธุลีในนิ้วเล็บก้อย ส่วนความรู้ข้างนอกมันมากมาย กว้างขวางยิ่งใหญ่ หากท่านยังเคลือบแคลงสงสัย ต้องการหาความรู้มาประดาใส่ตัว ก็อย่านิ่งเฉย เชิญเข้าไปศึกษา ขอข้อมูลและนิพนธ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯท่านที่ห้องสมุด วัดปากน้ำและห้องสมุดพุทธศาสนา ที่อื่นๆด้วยได้ อันตัวผู้เขียนเองเพียงยกความรู้ความสามารถของท่านมาส่วนหนึ่ง ความรู้ความสามารถของท่านนั้นยังมีอีกมาก
ดังจะเห็นได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ท่านนั้นเป็นนักปราชญ์ มีความรู้ มีความน่าชื่นชม น่าเชิดชู น่ายกย่อง เป็นอย่างยิ่ง เหมาะแล้ว สมแล้วกับ สมเกียรติยศฐานะแห่งประมุขของสงฆ์ แห่งราชอาณาจักรไทยเป็นอย่างยิ่ง ทีนี้เราท่านทั้งหลายก็ช่วยไปประกาศคุณงามความดี และวิทยฐานะของสมเด็จท่าน ให้บุคคลที่ไม่ทราบได้ทราบเสีย ช่วยกันลบคำสบประมาทของพวกที่มีปัญญาเพียงหางอึ่ง แล้วบังอาจมาจาบจ้วงจอมปราชญ์อย่างท่านเสีย
ที่สำคัญที่สุดท่านทั้งหลายต้องดำรงตนอยู่ในความดี ตามหลักธรรมปฏิบัติที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประกาศไว้
ก็ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ช่วยค้ำคุณพระศาสนา ช่วยปกป้องคนดีจากคนไม่ดี เท่านี้ความสุข ความเจริญ งอกงามทั้งหลาย ก็คงจะมาถึงท่านทั้งหลายเป็นแม่นมั่น แน่แท้.
-ด้วยความเคารพยิ่งต่อพระเจ้าพระคุณหลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำ-