เรื่องนี้เพิ่งประสบเองกับคนใกล้ตัวมากๆครับ
ญาติสนิทกันประสบอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวรถกระบะข้างทาง ....
ตัวญาติบาดเจ็บพอได้เลือดไม่ถึงกับหนักไม่มีอะไรหักแต่ก็ถลอกได้แผลตามขาและแขนและพกช้ำพอสมควร .....
ชาวบ้านรีบแจ้งกู้ภัยมาช่วยปฐมพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ พันตำรวจ ท่านนึงมาทำหน้าที่ตามปกติ...
คุ่กรณีรถเสียหายเล็กน้อย คือ ไฟท้ายฝากครอบแตกเล็กน้อย(ราคาไม่เกิน 1500-1800 ของแท้)
และ กระจกมองข้าง ตัวกระจกแตก (ประมาณ 500 บาท) แต่เห็นบอกว่า ตัวโคมมีแตก ถ้าทั้งชุด น่าจะไม่เกิน 3-4000 บาท
สีด้านข้างมีรอยที่แก้มซ้ายน่าจะถึงสีชั้นใน อาจต้องทำสี กรณีแล้วแต่เจ้าของจะทำแค่ไหน ถ้าทั้งแถบ ราวๆ 3000 บาท
เรื่องค่าเสียหายทางเจ้าหน้าที่เป็นธุระติดต่อ ((ช่างที่บอกว่าเป็นกลางมาตีราคาทั้งหมดที่ 7500 บาท ))
ญาติผม ณ ตอนนั้นสภาพรถมอไซส์ที่ล้อคดก็ต้องขี่ไปโรงพัก ตัวคนก็แผลเต็มขาพันผ้าพันแผลอยู่+คนซ้อนก็พอสมควรแต่เบากว่า
ก็หอบสังขารพร้อมรถไปโรงพัก และ ยอมรับผิดเพราะเราเป็นฝ่ายผิดจริง ก็มีการตกลงจะชดใช้ให้อีก ในวันที่ธนาคารเปิดทำการและได้จัดการเรียบร้อย
แต่ทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนประสบอุบัติเหตุมีชาวบ้านแถวนั้น ( แม่ขะจาน จ.เชียงราย) บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี่ใจดี คุยง่าย อย่าไปกลัวเลย ??
เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นได้ให้ ช่างกลางตีราคา และตกลงเรียบร้อยทั้ง 2 ฝ่ายก็ลงบันทึกประจำวัน และนัดหมายว่าเมื่อชำระเงินให้คู่กรณีแล้ว
ให้มาเสียค่าปรับด้วย ( ครับผม.. )
** มีเรื่องที่จะไม่เล่าสู่กันฟังไม่ได้คือ คู่กรณีนั้นท่าทางน่าจะเป็นสีเดียวกันนะครับ เท่าที่ญาติผมฟังบทสนทนาทั้งหมดระหว่าง ตำรวจที่นั่นเพราะก็มี
ตำรวจเข้ามาอีกและทักทายกันสนิทสนมแถม ทางคู่กรณีเองก็เป็นฝ่ายบอกเองว่าทางพ่อเขาติดต่อมา.....ให้ช่วย...และ.....พอดีกว่าครับ..
(เอออ.... เมืองไทยมันถึงไม่เจริญไปกว่านี้แหละครับ..../ แต่อันที่จริงทางญาติผมทั้งคู่ก็มีทั้งญาติและผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งก็สีเดียวกับที่โรงพักนั้น
และก็มีทั้งตำแหน่งและ... แต่ทั้งคู่ก็นิ่ง เพราะอยากดูละครโรงเล็กที่ สน นี้นะครับ อีกทั้งเขาอยากเป็นสามัญชนคนไทยธรรมดา ที่ไม่ใช่
คนบ้านเดียวกับตำรวจที่ไหน และไม่ต้องการข่มใครกับเรื่องเล็กๆแค่นี้อีกทั้ง อยากดูคำว่ามนุษยธรรมในคนแถวๆนั้นกว่าสูงต่ำแค่ไหน??
เพื่อนๆต้องอย่าลืมนะครับว่า ตกลงชดใช้ให้เรียบร้อย และสภาพญาติคือเจ็บอยู่ ผ้าพันแผลเต็มขาอยู่ ช้ำในอีกด้วย
**** ส่วนคู่กรณีแข็งแรงดี รถเสียหายนะใช่แต่คนเขาปกติดีนะครับอย่าลืม
แต่ญาติผมก็ยังมีความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ และ ความเป็นคนไทยที่ไม่ใช่คนบ้านเดียวกับใคร....
ไม่ต้องเสแสร้งพูดภาษาถิ่นเพื่อแสดงว่า เป็นคนบ้านเดียวกันต้องช่วยกัน คนไม่ใช่บ้านเดียวกันไม่ใช่คนไทยหรือครับ ......งงงง..)
กลับเข้าเรื่องครับ..
เรื่องขำๆที่ขำไม่ออกมาเกิดอีกที ที่ โรงละคร สน เจ้าของที่
เมื่อวันสัก2 วัน ญาติพอไหวก็หอบสังขารซึ่ง ใครเคยประสบอุบัติเหตุจะรู้ว่า ตอนชนน่ะก็ยังชาๆอยู่ แต่อีก 1-2 วันละทีนี้มันจะระบมไงครับ
แต่คำพูดก็คือสัญญาพูดแล้วต้องทำครับ ทั้งคู่ก็หอบสังขารขี่รถมอไซส์เก่าๆ อีกคันจากบ้านไปโรงพัก 30 กิโลเองครับ ไปกลับก็ 60 กิโลเอง
ไปถึงก็พยายามตะกายเดินขึ้นไปเสียค่าปรับตามหน้าที่พลเมือง ( ใจจริงอยากฟังคำตอบและดูใจเจ้าหน้าที่ข้าราชการตำรวจที่นั่นครับ)
ไปถึงโต๊ะร้อยเวรท่านนึง ท่านเองก็งงมาทำไม เอาเอกสารที่ พันตำรวจท่านนั้นให้ไว้ ( บันทึกประจำวัน)
ก็ยังงง มาทำไม ทีนี้ก็เริ่มมี ตำรวจหลายคนเข้ามาสอบถาม ตะโกนถามบ้าง ก็เล่าเหตุการณืให้ท่านทั้งหลายฟัง
บางท่านใจดีก็บอกและถามว่าจะเอาเอกสารเพื่อไปขอรับสิทธิ์ พรบ ผู้ประสบอุบัติเหตุเพื่อรักษาที่ รพ ใช่หรือเปล่า
ทางญาติเองก็บอกว่าไม่ต้องการใช้สิทธิ์เพราะพอจะทำแผลกันเองได้อีกทั้งการเดินทางไป รพ นั้นใช้เวลานาน
(สภาพทั้งคู่ทำแผล+พักฟื้นอยู่บ้านดีกว่าประมาณนั้น)
* ทางญาติผมก็เลยขอความกรุณาว่า ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องปรับได้ไหมครับขอค่าปรับเป็นค่ายามารักษาตัวเองดีกว่า
เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้ ( อืม % ค่าปรับนี่ค่อนข้างทำให้ระดับความกรุณาในใจคนมันแพ้เงินเหมือนกันนะครับ.....)
สุดท้ายก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำเอกสารให้เสียค่าปรับ ....
แต่มีเรื่องน่าคิดนิดนะครับ ...เพราะเจ้าหน้าที่เองก็มีถามกันเองว่าจะเอาข้อหาไหนดี 5555
สรุปก็เปิดดูหน้าเก่าๆ ( เหมือนเด็กลอกการบ้านเลยครับ ผมฟังมานึกภาพออกเลย)
ญาติผมได้เป็นผู้มีความผิดในข้อหา " ขับขี่โดยหวาดเสียว......" (ซึ่งวันนั้นขี่กันไม่น่าเกิน 50 และก็ไม่ได้ขี่เหมือนเด็กแว้นเลย ขี่แบบไปจ่ายกับข้าว)
งานนี้ก็เสียค่าปรับเข้ารัฐ 400 บาท ( เจ้าหน้าที่บอกเข้ารัฐนะครับ สงสัยกรณีแบบนี้คงไม่มีการแบ่ง % มั้งครับ ผมเชื่อเจ้าหน้าที่นะครับ...)
จบแค่นี้ละกันนะครับ ....
แค่อยากเล่าสู่กันฟังนะครับ ซึ่งถ้าเป็นขับรถยนต์ชนกันมีประกันทั้งคู่ ละครโรงเล็กนี้คงไม่ได้ดูแน่ๆเพราะจบที่ประกัน...จบข่าว
กฎหมายกับคุณธรรมของคน อันไหนมีค่าและสำคัญกว่ากันครับ??
ญาติสนิทกันประสบอุบัติเหตุขี่รถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวรถกระบะข้างทาง ....
ตัวญาติบาดเจ็บพอได้เลือดไม่ถึงกับหนักไม่มีอะไรหักแต่ก็ถลอกได้แผลตามขาและแขนและพกช้ำพอสมควร .....
ชาวบ้านรีบแจ้งกู้ภัยมาช่วยปฐมพยาบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ พันตำรวจ ท่านนึงมาทำหน้าที่ตามปกติ...
คุ่กรณีรถเสียหายเล็กน้อย คือ ไฟท้ายฝากครอบแตกเล็กน้อย(ราคาไม่เกิน 1500-1800 ของแท้)
และ กระจกมองข้าง ตัวกระจกแตก (ประมาณ 500 บาท) แต่เห็นบอกว่า ตัวโคมมีแตก ถ้าทั้งชุด น่าจะไม่เกิน 3-4000 บาท
สีด้านข้างมีรอยที่แก้มซ้ายน่าจะถึงสีชั้นใน อาจต้องทำสี กรณีแล้วแต่เจ้าของจะทำแค่ไหน ถ้าทั้งแถบ ราวๆ 3000 บาท
เรื่องค่าเสียหายทางเจ้าหน้าที่เป็นธุระติดต่อ ((ช่างที่บอกว่าเป็นกลางมาตีราคาทั้งหมดที่ 7500 บาท ))
ญาติผม ณ ตอนนั้นสภาพรถมอไซส์ที่ล้อคดก็ต้องขี่ไปโรงพัก ตัวคนก็แผลเต็มขาพันผ้าพันแผลอยู่+คนซ้อนก็พอสมควรแต่เบากว่า
ก็หอบสังขารพร้อมรถไปโรงพัก และ ยอมรับผิดเพราะเราเป็นฝ่ายผิดจริง ก็มีการตกลงจะชดใช้ให้อีก ในวันที่ธนาคารเปิดทำการและได้จัดการเรียบร้อย
แต่ทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนประสบอุบัติเหตุมีชาวบ้านแถวนั้น ( แม่ขะจาน จ.เชียงราย) บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี่ใจดี คุยง่าย อย่าไปกลัวเลย ??
เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านนั้นได้ให้ ช่างกลางตีราคา และตกลงเรียบร้อยทั้ง 2 ฝ่ายก็ลงบันทึกประจำวัน และนัดหมายว่าเมื่อชำระเงินให้คู่กรณีแล้ว
ให้มาเสียค่าปรับด้วย ( ครับผม.. )
** มีเรื่องที่จะไม่เล่าสู่กันฟังไม่ได้คือ คู่กรณีนั้นท่าทางน่าจะเป็นสีเดียวกันนะครับ เท่าที่ญาติผมฟังบทสนทนาทั้งหมดระหว่าง ตำรวจที่นั่นเพราะก็มี
ตำรวจเข้ามาอีกและทักทายกันสนิทสนมแถม ทางคู่กรณีเองก็เป็นฝ่ายบอกเองว่าทางพ่อเขาติดต่อมา.....ให้ช่วย...และ.....พอดีกว่าครับ..
(เอออ.... เมืองไทยมันถึงไม่เจริญไปกว่านี้แหละครับ..../ แต่อันที่จริงทางญาติผมทั้งคู่ก็มีทั้งญาติและผู้ใหญ่ที่เคารพ ซึ่งก็สีเดียวกับที่โรงพักนั้น
และก็มีทั้งตำแหน่งและ... แต่ทั้งคู่ก็นิ่ง เพราะอยากดูละครโรงเล็กที่ สน นี้นะครับ อีกทั้งเขาอยากเป็นสามัญชนคนไทยธรรมดา ที่ไม่ใช่
คนบ้านเดียวกับตำรวจที่ไหน และไม่ต้องการข่มใครกับเรื่องเล็กๆแค่นี้อีกทั้ง อยากดูคำว่ามนุษยธรรมในคนแถวๆนั้นกว่าสูงต่ำแค่ไหน??
เพื่อนๆต้องอย่าลืมนะครับว่า ตกลงชดใช้ให้เรียบร้อย และสภาพญาติคือเจ็บอยู่ ผ้าพันแผลเต็มขาอยู่ ช้ำในอีกด้วย
**** ส่วนคู่กรณีแข็งแรงดี รถเสียหายนะใช่แต่คนเขาปกติดีนะครับอย่าลืม
แต่ญาติผมก็ยังมีความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ และ ความเป็นคนไทยที่ไม่ใช่คนบ้านเดียวกับใคร....
ไม่ต้องเสแสร้งพูดภาษาถิ่นเพื่อแสดงว่า เป็นคนบ้านเดียวกันต้องช่วยกัน คนไม่ใช่บ้านเดียวกันไม่ใช่คนไทยหรือครับ ......งงงง..)
กลับเข้าเรื่องครับ..
เรื่องขำๆที่ขำไม่ออกมาเกิดอีกที ที่ โรงละคร สน เจ้าของที่
เมื่อวันสัก2 วัน ญาติพอไหวก็หอบสังขารซึ่ง ใครเคยประสบอุบัติเหตุจะรู้ว่า ตอนชนน่ะก็ยังชาๆอยู่ แต่อีก 1-2 วันละทีนี้มันจะระบมไงครับ
แต่คำพูดก็คือสัญญาพูดแล้วต้องทำครับ ทั้งคู่ก็หอบสังขารขี่รถมอไซส์เก่าๆ อีกคันจากบ้านไปโรงพัก 30 กิโลเองครับ ไปกลับก็ 60 กิโลเอง
ไปถึงก็พยายามตะกายเดินขึ้นไปเสียค่าปรับตามหน้าที่พลเมือง ( ใจจริงอยากฟังคำตอบและดูใจเจ้าหน้าที่ข้าราชการตำรวจที่นั่นครับ)
ไปถึงโต๊ะร้อยเวรท่านนึง ท่านเองก็งงมาทำไม เอาเอกสารที่ พันตำรวจท่านนั้นให้ไว้ ( บันทึกประจำวัน)
ก็ยังงง มาทำไม ทีนี้ก็เริ่มมี ตำรวจหลายคนเข้ามาสอบถาม ตะโกนถามบ้าง ก็เล่าเหตุการณืให้ท่านทั้งหลายฟัง
บางท่านใจดีก็บอกและถามว่าจะเอาเอกสารเพื่อไปขอรับสิทธิ์ พรบ ผู้ประสบอุบัติเหตุเพื่อรักษาที่ รพ ใช่หรือเปล่า
ทางญาติเองก็บอกว่าไม่ต้องการใช้สิทธิ์เพราะพอจะทำแผลกันเองได้อีกทั้งการเดินทางไป รพ นั้นใช้เวลานาน
(สภาพทั้งคู่ทำแผล+พักฟื้นอยู่บ้านดีกว่าประมาณนั้น)
* ทางญาติผมก็เลยขอความกรุณาว่า ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องปรับได้ไหมครับขอค่าปรับเป็นค่ายามารักษาตัวเองดีกว่า
เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้ ( อืม % ค่าปรับนี่ค่อนข้างทำให้ระดับความกรุณาในใจคนมันแพ้เงินเหมือนกันนะครับ.....)
สุดท้ายก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำเอกสารให้เสียค่าปรับ ....
แต่มีเรื่องน่าคิดนิดนะครับ ...เพราะเจ้าหน้าที่เองก็มีถามกันเองว่าจะเอาข้อหาไหนดี 5555
สรุปก็เปิดดูหน้าเก่าๆ ( เหมือนเด็กลอกการบ้านเลยครับ ผมฟังมานึกภาพออกเลย)
ญาติผมได้เป็นผู้มีความผิดในข้อหา " ขับขี่โดยหวาดเสียว......" (ซึ่งวันนั้นขี่กันไม่น่าเกิน 50 และก็ไม่ได้ขี่เหมือนเด็กแว้นเลย ขี่แบบไปจ่ายกับข้าว)
งานนี้ก็เสียค่าปรับเข้ารัฐ 400 บาท ( เจ้าหน้าที่บอกเข้ารัฐนะครับ สงสัยกรณีแบบนี้คงไม่มีการแบ่ง % มั้งครับ ผมเชื่อเจ้าหน้าที่นะครับ...)
จบแค่นี้ละกันนะครับ ....
แค่อยากเล่าสู่กันฟังนะครับ ซึ่งถ้าเป็นขับรถยนต์ชนกันมีประกันทั้งคู่ ละครโรงเล็กนี้คงไม่ได้ดูแน่ๆเพราะจบที่ประกัน...จบข่าว