วันนี้มีโอกาสได้อ่านชาดกเรื่องหนึ่ง พออ่านจบแล้วรู้สึกอยากจะเอามาฝากชาวพุทธเราครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สันธิเภทชาดก ว่าด้วยโทษที่เชื่อถือคำส่อเสียด
ในอดีตกาล ได้มีแม่โคตัวหนึ่งมีความคุ้นเคยกับแม่ราชสีห์ตัวหนึ่ง ต่อมาแม่สัตว์ทั้งสองต่างคลอดลูกเป็นตัวผู้ ลูกโคและลูกราชสีห์ทั้งสองนั้นก็ได้เป็นมิตรกัน เที่ยวไปด้วยกัน
พรานป่าผู้หนึ่งได้เห็นเหตุนั้นจึงไปกราบทูลพระราชา พระราชาจึงตรัสว่าเมื่อใดก็ตามที่มีสัตว์ตัวที่สามเพิ่มเข้ามา ภัยจะเกิดมีแก่สัตว์ทั้งสอง
ต่อมามีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้าไปบำรุงราชสีห์และโคผู้ สุนัขจิ้งจอกคิดว่าเราเคยกินเนื้อมาทุกชนิดแล้วยกเว้นเนื้อราชสีห์และเนื้อโคผู้ เราจักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนี้แล้วกินเนื้อสัตว์ทั้งสองนี้
สุนัขจิ้งจอกนั้นยุยงสัตว์ทั้งสองนั้นให้ทำลายกันและกันโดยพูดว่า ผู้นี้พูดอย่างนี้กะท่าน ผู้นี้พูดอย่างนี้กะท่าน ไม่นานนัก ก็ได้ทำให้ถึงแก่ความตายเพราะทำการทะเลาะกัน
ฝ่ายพรานป่าจึงมากราบทูลแก่พระราชาว่า สัตว์ตัวที่สามคือสุนัขจิ้งจอกเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งสองนั้น พระราชาตรัสว่า สุนัขจิ้งจอกจักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนั้นให้ตาย จึงเสด็จไปตามทางที่พรานป่าบอก แต่ก็เสด็จไปถึงตอนที่สัตว์ทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
สุนัขจิ้งจอกมีใจยินดี กินเนื้อราชสีห์ครั้งหนึ่ง กินเนื้อโคผู้ครั้งหนึ่ง พระราชาทั้งเห็นสัตว์ทั้งสองนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว จึงตรัสกับนายสารถีว่า
“คำส่อเสียดย่อมตัดมิตรภาพ ประดุจดาบคน
ผู้ใดเชื่อถือถ้อยคำของ คนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความสนิทสนม ผู้นั้นจะต้องนอนตายอย่างนี้
นรชนเหล่าใดไม่เชื่อถือถ้อยคำของคนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความสนิทสนม
นรชนเหล่านั้นย่อมได้ประสบสุขเหมือนคนไปสวรรค์ ฉะนั้น”
อ่านเรื่องเต็มที่
http://www.84000.org/tipitaka/attha/jataka.php?i=270694
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีคำพังเพยว่า "ดูหนังดูละครแล้วย้อนมาดูตัวเอง"
อยากให้ทุกท่านอ่านชาดกเรื่องนี้แล้วลองย้อนกลับมาพิจารณาดูชาวพุทธเราว่า ใครเป็นใครในชาดกเรื่องนี้
ไม่อยากให้ชาวพุทธเป็นเหมือนราชสีห์และโค ที่ถูกสุนัขจิ้งจอกหลอกให้ว่าร้ายทำร้ายกันเอง
นิพพานะปัจจโย โหตุ
สันธิเภทชาดก ว่าด้วยโทษที่เชื่อถือคำส่อเสียด (สิ่งที่ชาวพุทธพึงระวัง)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สันธิเภทชาดก ว่าด้วยโทษที่เชื่อถือคำส่อเสียด
ในอดีตกาล ได้มีแม่โคตัวหนึ่งมีความคุ้นเคยกับแม่ราชสีห์ตัวหนึ่ง ต่อมาแม่สัตว์ทั้งสองต่างคลอดลูกเป็นตัวผู้ ลูกโคและลูกราชสีห์ทั้งสองนั้นก็ได้เป็นมิตรกัน เที่ยวไปด้วยกัน
พรานป่าผู้หนึ่งได้เห็นเหตุนั้นจึงไปกราบทูลพระราชา พระราชาจึงตรัสว่าเมื่อใดก็ตามที่มีสัตว์ตัวที่สามเพิ่มเข้ามา ภัยจะเกิดมีแก่สัตว์ทั้งสอง
ต่อมามีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้าไปบำรุงราชสีห์และโคผู้ สุนัขจิ้งจอกคิดว่าเราเคยกินเนื้อมาทุกชนิดแล้วยกเว้นเนื้อราชสีห์และเนื้อโคผู้ เราจักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนี้แล้วกินเนื้อสัตว์ทั้งสองนี้
สุนัขจิ้งจอกนั้นยุยงสัตว์ทั้งสองนั้นให้ทำลายกันและกันโดยพูดว่า ผู้นี้พูดอย่างนี้กะท่าน ผู้นี้พูดอย่างนี้กะท่าน ไม่นานนัก ก็ได้ทำให้ถึงแก่ความตายเพราะทำการทะเลาะกัน
ฝ่ายพรานป่าจึงมากราบทูลแก่พระราชาว่า สัตว์ตัวที่สามคือสุนัขจิ้งจอกเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งสองนั้น พระราชาตรัสว่า สุนัขจิ้งจอกจักยุยงทำลายสัตว์ทั้งสองนั้นให้ตาย จึงเสด็จไปตามทางที่พรานป่าบอก แต่ก็เสด็จไปถึงตอนที่สัตว์ทั้งสองนั้นตายเสียแล้ว
สุนัขจิ้งจอกมีใจยินดี กินเนื้อราชสีห์ครั้งหนึ่ง กินเนื้อโคผู้ครั้งหนึ่ง พระราชาทั้งเห็นสัตว์ทั้งสองนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว จึงตรัสกับนายสารถีว่า
ผู้ใดเชื่อถือถ้อยคำของ คนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความสนิทสนม ผู้นั้นจะต้องนอนตายอย่างนี้
นรชนเหล่าใดไม่เชื่อถือถ้อยคำของคนส่อเสียด ผู้มุ่งทำลายความสนิทสนม
นรชนเหล่านั้นย่อมได้ประสบสุขเหมือนคนไปสวรรค์ ฉะนั้น”
อ่านเรื่องเต็มที่ http://www.84000.org/tipitaka/attha/jataka.php?i=270694
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีคำพังเพยว่า "ดูหนังดูละครแล้วย้อนมาดูตัวเอง"
อยากให้ทุกท่านอ่านชาดกเรื่องนี้แล้วลองย้อนกลับมาพิจารณาดูชาวพุทธเราว่า ใครเป็นใครในชาดกเรื่องนี้
ไม่อยากให้ชาวพุทธเป็นเหมือนราชสีห์และโค ที่ถูกสุนัขจิ้งจอกหลอกให้ว่าร้ายทำร้ายกันเอง
นิพพานะปัจจโย โหตุ