Previously on Lak.Par.Tua
ณ เวลา 22.00น. ของคืนหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงัด เสียงจิ้งหรีดที่ร้องเป็นทำนอง ไร้เสียงผู้คน อากาศเย็นๆ ช่างเป็นคืนที่น่าจะเป็นฝันหวานของใครหลายๆคน ได้มีเงามืดสีดำน่ากลัวของชายผู้หนึ่งค่อยๆย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ และได้ปลดล็อคกุญแจราวกับเป็นบ้านของตัวเอง และเริ่มย่องเข้าบ้านหญิงสาวรายหนึ่ง โดยอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ลักลอบเก็บเสื้อผ้าของเหยื่อ และค่อยๆเข้าไปลักพาตัวหญิงสาวขึ้นรถ หญิงสาวตกใจมาก เลยสู้ใจขาดดิ้น คาราเต้ เทควอนโด้ มวยไทย หย่งชุน นางจัดทุกท่วงท่าดั่งกับว่าเมียพี่บัวขาวเข้าสิง แต่ชายลึกลับผู้นั้นมีไหวพริบที่แรงกล้า รับทุกหมัด โดนทุกทีน ที่นางโถมเข้าใส่ จนนางเหนื่อยไปเอง
(เจ็บชิบ!!) และก็ถึงเวลาที่จะทรมานหญิงสาวอย่างโหดร้ายทารุณ โดยการเอาชอคโคแลตล่อให้กินตลอดทางจนถึงสนามบิน.....
โดยอาวุธในการลงมือคือ:
- Canon
- Fuji XA-2
- Iphone6
- Chocolates
เมื่อถึงสนามบิน นางเริ่มรู้ตัวว่ากำลังโดนลักพาตัว!!
(สงสัยจะเจอช็อคโคแลตรสยาชา) นางรีบยัดช็อคโคแลตใส่ปากหมด แล้วดิ้นรนพยายามจะหนีชายลึกลับผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่านั่นก็ช้าไปเสียแล้ว.........
Day1 Bangkok--> Fukuoka--> Oita :
http://pantip.com/topic/34829929
Day2 Oita--> Yufuin :
http://pantip.com/topic/34832694
Day3 Oita--> Kitsuki--> Fukuoka :
http://pantip.com/topic/34836486
Day4 Fukuoka--> Kumamoto :
http://pantip.com/topic/34842632
Day5 Fukuoka--> Saga :
http://pantip.com/topic/34846782
Day6,7 Canal City and The end of Kidnapper :
http://pantip.com/topic/34852976
Day6: Canal City
วันนี้จะเป็นวันสบายๆ หลังจากเจอการเดินทางหฤโหดของ 4วันแรกมา และแพลนวันนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก ไปชอปปิ้งย่าน Nakasu-Kawabata อย่างห้างดังของเมืองฟุกุโอกะ Canal City นั่นแหล่ะ หลังจากช้อปปิ้งเสร็จ ก็ไปกินขาปูบุฟเฟต์ที่เลื่องลือแถว Hakata ให้อิ่มหนำสำราญ แล้วค่อยหาโอกาสชิ่งยัยนี่ หึ สบายตัวละ แต่ก่อนอื่นขอนอนตื่นสายซัก.......ผั๊วะๆๆๆๆ “ตื่นๆๆๆๆๆๆ ตื่นสิโว้ยยยยย” เอ๊ะ นางตบหน้าเราทำไม เพิ่งจะ 8โมงครึ่งเอง ห้างเปิดตั้ง 10โมงป่ะแว้ ตื่นเต้นได้ช้อปปิ้งหรือไง ทำเป็นเด็กๆไปได้....... ขอนอนต่ออีก 10นาทีละกันนะ......เพี๊ยะๆๆ
(เสียงตบเหม่ง) “โว๊ะะะะ ตื่นก็ได้” ผมตื่นมาพร้อมอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว คืนนี้แหล่ะ ฉันจะทำให้หล่อนสำนึก....
วันนี้ผม นายฟุกุโอกะ ณ คิวชู คนเดิม เพิ่มเติมคือความอุ่น วันนี้ ที่เมืองฟุกุโอกะ ยังรักษาระดับอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส แต่สูงสุดอยู่ที่ 13 องศาเซลเซียส ถือว่าอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ความรู้สึกเหมือนเดิม หนาวขรี้แตกกกกก ตัวเริ่มแตกลายงา มือเริ่มเป็นแผล หน้าเริ่มเยิน ณ ขนาดนี้ โบกครีมหนา 1นิ้ว ก็ไม่ได้ช่วยคลายความหนาวได้แล้ว เอาล่ะ หลังจาก เพ้อเช่อะ! มาพอสมควร ถึงเวลากลับเข้าเรื่องดีกว่า......
กว่าคุณชายอย่างผมจะย่างเท้าเข้าห้องน้ำออกมาแต่งตัวแต่งสวยเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบ 10โมงครึ่ง ส่วนนางน่ะเหรอ! แม่มนั่งกินขนมดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่นรับลมอุ่นอยู่ในโต๊ะคัทซึอย่างสบายใจเชิ๊บๆ
(นั่งดูรายการทีวีญี่ปุ่นเหมือนคนรู้เรื่อง) หลังจากที่นางตื่นมา แล้วก็แปรงฟันล้างหน้า แล้วแต่งตัวเลย
(แม่มข้ามขั้นตอนอาบน้ำทุกวัน) หลังจากแต่งตัวเสร็จ ก็ลงมานั่งกินขนม ชงกาแฟกินรับลมอุ่นจากโต๊ะคัทซึบ้าง กว่าจะได้ฤกษ์ออกก็นู่น 11โมงกว่าๆ ไม่อยากออกจากโต๊ะคัทซึเล๊ยยยยย อยากจะนอนแช่อยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน สงสัยสายช้อปปิ้งจะไม่ใช่แนวผม แต่นางคะยั้นคะยอเหลือเกิน เอาว่ะ เอาให้นางหมดตูด แล้วค่อยชิ่งละกัน......
วันนี้เราจะใช้บัตร Fukuoka Tourist City Pass ที่เราซื้อเก็บไว้ตั้งแต่แรก หลังจากที่บัตร 5days Northern Kyushu Pass หมดอายุ ตอนใช้ก็ขูด วันเดือนปี ที่เราจะใช้ได้เลย หลังจากเดินไปถึงสถานี Togo ที่เราพัก ก็ยื่นบัตรพาสให้พนักงานหนุ่มดู เค้าตกใจมาก เหมือนไม่เคยเห็นบัตรนี้มาก่อนในชีวิต 25 ปีของเค้า และก็พยายามทักท้วงว่าบัตรนี้ ใช้ที่สถานีนี้ไม่ได้ ชิ๊บหายอีกแล้ว เหมือนจะเช็คแล้วนะว่า สาย Kagoshima line ใช้บัตรพาสได้ พอพลิกไปดูหลังบัตร อ่าว ซวยล่ะ ใช้ได้แค่สถานี Takeshita ถึง Uminonakamichi เท่านั้น T_T ฮือๆ ถ้างั้นซื้อบัตรมาก็ใช้โคตรจะไม่คุ้มเลย เพราะศึกษามาไม่ดีเอง รบกวนเพื่อนๆเช็คดีๆก่อนไปนะฮะ อย่าให้เหมือนผม เอาว่ะ เสียเงินจ่ายเองก็ได้.......
พอมาถึงสถานี Hakata แล้วก็เดินออกจากสถานี Hakata เพื่อมาลงใต้ดิน ไปสถานี Nakasu-Kawabata แล้วค่อยเดินไป Canal City แต่ด้วยความรู้สึกผิดและเสียดายเงิน เลยนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Hakata ไปกินข้าวที่ Tenjin แม่ม!! พอเรามาถึงรถไฟใต้ดินสถานี Tenjin เดินออกมา โว้ววววว สถานียาวมากกกกกก ข้างในดูอึมครึมแต่เรียบหรู ข้างทาง ก็ขายของเยอะแยะไปหมด ทั้งเสื้อผ้า กิ๊ฟช้อป ของกิน นั่นนี่นู่น เต็มไปหมด มัวแต่ชื่นชมจนลืมเก็บรูปมาฝากเพื่อนๆอีกแล้ว หลังจากเดินในสถานีสักพักนึง ก็เริ่มหิว เลยหาร้านง่ายๆเร็วๆ กิน ไปเจอร้านขายขนมปัง+กาแฟ
(อีกแล้ว! นี่กินแทบทุกวันเลยนะ) ก็ไปซัดเซทขนมปัง+กาแฟ คนละเซท.......
หลังจากอิ่มแปล้ ก็เดินออกจากร้าน แล้วไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปสถานี Nakasu-Kawabata กัน
(รู้สึกคุ้มกับพาสขึ้นมานิดหนึ่ง) หลังจากมาถึงสถานี Nakasu-Kawabata เดินมานิดหนึ่ง จะมาโผล่ถนนช้อปปิ้ง Nakasu Kawabata shopping arcade ซึ่งจะเป็นถนนช้อปปิ้งเก่าแก่ ของเมือง Hakata เลยก็ว่าได้ อารมณ์เดียวกับ Shimotori Shopping Arcade ที่อยู่เมืองคุมาโมโต้เลย แล้วเราก็เดินออกมาสุดถนนช้อปปิ้ง จะเป็นถนนใหญ่ หันขวาไปจะเจอสะพานลอยขวามือ เราก็เดินขึ้นไปเลยฮะ ซึ่งสะพานลอยอันนี้ จะเชื่อมติดกับห้าง Canal City เลย.......


Canal City เป็นห้างมหึมาและหรูหรา ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งรวมร้านค้าแบรนด์เนมสุดหรูมากมาย ทั้งของญี่ปุ่นเองและต่างประเทศ รวมกว่า 250 ร้านค้า นอกจากนั้นยังมี โรงหนัง โรงแรม และร้าน game center อยู่ในห้างดังแห่งนี้ด้วย ซึ่งชั้น5 จะเป็นศูนย์อาหารที่ขายแต่ราเมง ถ้าใครชื่นชอบราเมงไม่ควรพลาด เพราะที่นี่รวบรวมแต่ราเมงชื่อดังทั้งนั้น ส่วนชั้น1 จะมีสระน้ำยาวตัดผ่านห้าง ซึ่งจะคล้ายๆลำคลองแบบอัพเกรด น้ำสีฟ้าสดใส น้ำพุวิ่งขึ้นลงอย่างงดงาม และยังมีการแสดงโชว์น้ำพุที่ดูแล้วน่าจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่ได้เลย คลองอัพเกรดนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของห้างนี้ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า Canal City นั่นเอง......




ถามจริง! อ่านหนังสือสอบ ขยันแบบนี้ไหม พูดดดดดด
เมื่อเดินเข้าห้างมาถึง นางไม่รอช้าเดินเข้าไปหากำแพงที่มีแผนที่ร้านทันที และตรวจดูอย่างเคร่งเครียดราวกับว่ากำลังเช็คผมเอนทรานซ์ยังไงยังงั้น ในขณะที่นางหาพิกัดร้านอยู่ ไฮไลท์ของห้างนี้ก้อมา โดยเสียงเพลงที่ดังมาจากลำโพงแต่ละทิศของห้างนี้ และตามด้วยโชว์น้ำพุสุดเจ๋ง วิ่งแล่นตามจังหวะเพลงได้อย่างคล้องจองกันสุดๆ ผู้คนที่กระจัดกระจาย เริ่มเดินพร้อมเพรียงกันเข้ามาชมโชว์น้ำพุกันอย่างเนืองแน่น รวมถึงยัยนี่ที่ตอนแรกกำลังเคร่งเครียดหาพิกัดร้าน ก็เดินเข้ามาแจมด้วย.......


เพียงไม่กี่นาที การแสดงโชว์น้ำพุก็จบลง ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายกันคนละทิศทาง และนางก็เริ่มกลับมาหาพิกัดของนางต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ได้พิกัดร้านที่นางต้องการซักที Onitsuka Tiger ร้านรองเท้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งนางก็บ่นมาตั้งแต่วันแรกๆว่าอยากได้กลับไปใส่ที่เมืองไทย
(หึ คงไม่ได้กลับไปใส่ที่เมืองไทยล่ะ เพราะฉันจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่)
หลังจากหาพิกัดเจอ นางก็เดินตรงดิ่งไปร้านนี้ทันที ซึ่งพอถึงร้าน ภาพที่คิดไว้คือ ต้องมีคนเยอะแยะมาจับมาลองมาทาบนู่นนี่นั่น โดยเฉพาะ ต่างชาติซึ่งต่างก็มาซื้อใส่กันอย่างบ้าคลั่ง แต่ภาพจริงคือ เราคือ ลูกค้าเพียง 2 คนที่อยู่ในร้านนี้ตามลำพังกับพนักงานสาวหน้าโหดคนเดียว แค่นั้น ซึ่งนางก็เดินดูรุ่นที่นางใฝ่ฝันอยากจะได้เพื่อกลับไปใส่โชว์เพื่อนๆที่เมืองไทย แต่สุดท้ายที่ญี่ปุ่นก็ไม่มี ช่างน่าเศร้า!
(ยิ้มมุมปากพร้อมใช้สายตามองนางอย่างสมเพช) แต่นางไม่ย่อท้อ ดูรองเท้าลายอื่น เผื่อจะเจอที่นางอยากได้ และก็ไปเจอคู่หนึ่งซึ่งคงพอแก้ขัดความอยากของนางได้ในตอนนั้น ไปถามไซส์เค้า ก็ดันหมด ช่างน่าสงสาร!
ซึ่งสาขานี้ของดูไม่เยอะมาก เพราะไม่ได้ขายแค่รองเท้าอย่างเดียว พี่แกเล่นขายครบเครื่อง ไม่ว่าจะเสื้อ หมวก รองเท้า เข็มขัด ถ้ามีกางเกงในด้วย คงจะเป็นลายพิลึกๆ และราคาก็ไม่ได้น่าซื้ออย่างที่คิดเลย เพราะที่นี่ ราคารองเท้าเฉลี่ยแล้ว อยู่ที่ประมาณ 4,xxx บาท ยังไม่หัก Tax Free ถูกกว่าไทยนิดหน่อยเอง นางเลยตัดใจ คอตกเดินออกจากร้านเหมือนหมาหงอยไปในที่สุด.....
หลังจากนางเดินทำหน้าเศร้าออกมา เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เลยปลอบไปว่า ที่นี่น่าจะมี ABC-Mart นะ ลองไปดูก่อน เผื่อจะมี พอนางได้ยินอย่างงั้น นางก็เดินตรงดิ่งไปที่กำแพงหาพิกัดอีกรอบ สุดท้ายก็เจอพิกัด นางก็รีบเดินตรงดิ่งอย่างมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง เดินไปชั้นแล้วชั้นเล่า ผ่านตึก North ไปตึก South นางก็ยังไม่ท้อ จนสุดท้ายก็มาเจอร้าน ABC-Mart พอนางเข้าไปดูเท่านั้นแหล่ะ..........ไม่มี! ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี

ระหว่างทางมี Sanrio ด้วย แจ่มแหว๋ว ไปเลยยยย
แต่เอ๊ะ วันนี้ ต้องทำให้นางเสียเงินให้ได้ ก็เลยเชียร์ยี่ห้ออื่นแทน Nike Adidas Converse Vans เชียร์หลายยี่ห้อมาก จนสุดท้าย มาลงเอยที่ Nike ลายสุดคลาสสิค ในราคาย่อมเยาว์ ประมาณ 2,xxx บาท หรือประมาณ 7,xxx เยน เอาไว้ใส่แก้ขัดที่เมืองไทยไปก่อน
ซึ่งถ้าจะเอา Tax Free ต้องซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้านั้น ให้ได้ 10,001เยนขึ้นไปภายใน 1วัน พี่คนขายผู้น่ารัก ก็เชียร์ให้ซื้อสเปรย์ทำความสะอาดรองเท้า กับ ยางลบทำความสะอาด เพื่อที่จะได้ Tax Free สุดท้ายนางก็หลงคารมพี่คนขาย ซื้อสเปรย์ 2ขวด ขวดหนึ่งใช้เอง อีกขวดยกให้ผม
(นึกใจดีอะไรขึ้นมาเนี่ย!?) แล้วก็ยางลบอีก 1ก้อน รวมแล้วยอดเกิน 10,001เยนแน่นอน หลังจากนั้นก็ยิ้มสวยเดินออกจากร้าน ABC-Mart ตัวเปล่า
(ผมถือ!!!)
[CR] ลักพาตัวสาวเรียกค่าไถ่ @ FUKUOKA [Day6,7]The Final!!
ณ เวลา 22.00น. ของคืนหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงัด เสียงจิ้งหรีดที่ร้องเป็นทำนอง ไร้เสียงผู้คน อากาศเย็นๆ ช่างเป็นคืนที่น่าจะเป็นฝันหวานของใครหลายๆคน ได้มีเงามืดสีดำน่ากลัวของชายผู้หนึ่งค่อยๆย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ และได้ปลดล็อคกุญแจราวกับเป็นบ้านของตัวเอง และเริ่มย่องเข้าบ้านหญิงสาวรายหนึ่ง โดยอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ลักลอบเก็บเสื้อผ้าของเหยื่อ และค่อยๆเข้าไปลักพาตัวหญิงสาวขึ้นรถ หญิงสาวตกใจมาก เลยสู้ใจขาดดิ้น คาราเต้ เทควอนโด้ มวยไทย หย่งชุน นางจัดทุกท่วงท่าดั่งกับว่าเมียพี่บัวขาวเข้าสิง แต่ชายลึกลับผู้นั้นมีไหวพริบที่แรงกล้า รับทุกหมัด โดนทุกทีน ที่นางโถมเข้าใส่ จนนางเหนื่อยไปเอง (เจ็บชิบ!!) และก็ถึงเวลาที่จะทรมานหญิงสาวอย่างโหดร้ายทารุณ โดยการเอาชอคโคแลตล่อให้กินตลอดทางจนถึงสนามบิน.....
โดยอาวุธในการลงมือคือ:
- Canon
- Fuji XA-2
- Iphone6
- Chocolates
เมื่อถึงสนามบิน นางเริ่มรู้ตัวว่ากำลังโดนลักพาตัว!! (สงสัยจะเจอช็อคโคแลตรสยาชา) นางรีบยัดช็อคโคแลตใส่ปากหมด แล้วดิ้นรนพยายามจะหนีชายลึกลับผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่านั่นก็ช้าไปเสียแล้ว.........
Day1 Bangkok--> Fukuoka--> Oita : http://pantip.com/topic/34829929
Day2 Oita--> Yufuin : http://pantip.com/topic/34832694
Day3 Oita--> Kitsuki--> Fukuoka : http://pantip.com/topic/34836486
Day4 Fukuoka--> Kumamoto : http://pantip.com/topic/34842632
Day5 Fukuoka--> Saga : http://pantip.com/topic/34846782
Day6,7 Canal City and The end of Kidnapper : http://pantip.com/topic/34852976
Day6: Canal City
วันนี้จะเป็นวันสบายๆ หลังจากเจอการเดินทางหฤโหดของ 4วันแรกมา และแพลนวันนี้ ก็ไม่มีอะไรมาก ไปชอปปิ้งย่าน Nakasu-Kawabata อย่างห้างดังของเมืองฟุกุโอกะ Canal City นั่นแหล่ะ หลังจากช้อปปิ้งเสร็จ ก็ไปกินขาปูบุฟเฟต์ที่เลื่องลือแถว Hakata ให้อิ่มหนำสำราญ แล้วค่อยหาโอกาสชิ่งยัยนี่ หึ สบายตัวละ แต่ก่อนอื่นขอนอนตื่นสายซัก.......ผั๊วะๆๆๆๆ “ตื่นๆๆๆๆๆๆ ตื่นสิโว้ยยยยย” เอ๊ะ นางตบหน้าเราทำไม เพิ่งจะ 8โมงครึ่งเอง ห้างเปิดตั้ง 10โมงป่ะแว้ ตื่นเต้นได้ช้อปปิ้งหรือไง ทำเป็นเด็กๆไปได้....... ขอนอนต่ออีก 10นาทีละกันนะ......เพี๊ยะๆๆ (เสียงตบเหม่ง) “โว๊ะะะะ ตื่นก็ได้” ผมตื่นมาพร้อมอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว คืนนี้แหล่ะ ฉันจะทำให้หล่อนสำนึก....
วันนี้ผม นายฟุกุโอกะ ณ คิวชู คนเดิม เพิ่มเติมคือความอุ่น วันนี้ ที่เมืองฟุกุโอกะ ยังรักษาระดับอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 0 องศาเซลเซียส แต่สูงสุดอยู่ที่ 13 องศาเซลเซียส ถือว่าอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ความรู้สึกเหมือนเดิม หนาวขรี้แตกกกกก ตัวเริ่มแตกลายงา มือเริ่มเป็นแผล หน้าเริ่มเยิน ณ ขนาดนี้ โบกครีมหนา 1นิ้ว ก็ไม่ได้ช่วยคลายความหนาวได้แล้ว เอาล่ะ หลังจาก เพ้อเช่อะ! มาพอสมควร ถึงเวลากลับเข้าเรื่องดีกว่า......
กว่าคุณชายอย่างผมจะย่างเท้าเข้าห้องน้ำออกมาแต่งตัวแต่งสวยเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบ 10โมงครึ่ง ส่วนนางน่ะเหรอ! แม่มนั่งกินขนมดูทีวีอยู่ห้องนั่งเล่นรับลมอุ่นอยู่ในโต๊ะคัทซึอย่างสบายใจเชิ๊บๆ (นั่งดูรายการทีวีญี่ปุ่นเหมือนคนรู้เรื่อง) หลังจากที่นางตื่นมา แล้วก็แปรงฟันล้างหน้า แล้วแต่งตัวเลย (แม่มข้ามขั้นตอนอาบน้ำทุกวัน) หลังจากแต่งตัวเสร็จ ก็ลงมานั่งกินขนม ชงกาแฟกินรับลมอุ่นจากโต๊ะคัทซึบ้าง กว่าจะได้ฤกษ์ออกก็นู่น 11โมงกว่าๆ ไม่อยากออกจากโต๊ะคัทซึเล๊ยยยยย อยากจะนอนแช่อยู่ที่นี่ไม่อยากไปไหน สงสัยสายช้อปปิ้งจะไม่ใช่แนวผม แต่นางคะยั้นคะยอเหลือเกิน เอาว่ะ เอาให้นางหมดตูด แล้วค่อยชิ่งละกัน......
วันนี้เราจะใช้บัตร Fukuoka Tourist City Pass ที่เราซื้อเก็บไว้ตั้งแต่แรก หลังจากที่บัตร 5days Northern Kyushu Pass หมดอายุ ตอนใช้ก็ขูด วันเดือนปี ที่เราจะใช้ได้เลย หลังจากเดินไปถึงสถานี Togo ที่เราพัก ก็ยื่นบัตรพาสให้พนักงานหนุ่มดู เค้าตกใจมาก เหมือนไม่เคยเห็นบัตรนี้มาก่อนในชีวิต 25 ปีของเค้า และก็พยายามทักท้วงว่าบัตรนี้ ใช้ที่สถานีนี้ไม่ได้ ชิ๊บหายอีกแล้ว เหมือนจะเช็คแล้วนะว่า สาย Kagoshima line ใช้บัตรพาสได้ พอพลิกไปดูหลังบัตร อ่าว ซวยล่ะ ใช้ได้แค่สถานี Takeshita ถึง Uminonakamichi เท่านั้น T_T ฮือๆ ถ้างั้นซื้อบัตรมาก็ใช้โคตรจะไม่คุ้มเลย เพราะศึกษามาไม่ดีเอง รบกวนเพื่อนๆเช็คดีๆก่อนไปนะฮะ อย่าให้เหมือนผม เอาว่ะ เสียเงินจ่ายเองก็ได้.......
พอมาถึงสถานี Hakata แล้วก็เดินออกจากสถานี Hakata เพื่อมาลงใต้ดิน ไปสถานี Nakasu-Kawabata แล้วค่อยเดินไป Canal City แต่ด้วยความรู้สึกผิดและเสียดายเงิน เลยนั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Hakata ไปกินข้าวที่ Tenjin แม่ม!! พอเรามาถึงรถไฟใต้ดินสถานี Tenjin เดินออกมา โว้ววววว สถานียาวมากกกกกก ข้างในดูอึมครึมแต่เรียบหรู ข้างทาง ก็ขายของเยอะแยะไปหมด ทั้งเสื้อผ้า กิ๊ฟช้อป ของกิน นั่นนี่นู่น เต็มไปหมด มัวแต่ชื่นชมจนลืมเก็บรูปมาฝากเพื่อนๆอีกแล้ว หลังจากเดินในสถานีสักพักนึง ก็เริ่มหิว เลยหาร้านง่ายๆเร็วๆ กิน ไปเจอร้านขายขนมปัง+กาแฟ (อีกแล้ว! นี่กินแทบทุกวันเลยนะ) ก็ไปซัดเซทขนมปัง+กาแฟ คนละเซท.......
หลังจากอิ่มแปล้ ก็เดินออกจากร้าน แล้วไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปสถานี Nakasu-Kawabata กัน (รู้สึกคุ้มกับพาสขึ้นมานิดหนึ่ง) หลังจากมาถึงสถานี Nakasu-Kawabata เดินมานิดหนึ่ง จะมาโผล่ถนนช้อปปิ้ง Nakasu Kawabata shopping arcade ซึ่งจะเป็นถนนช้อปปิ้งเก่าแก่ ของเมือง Hakata เลยก็ว่าได้ อารมณ์เดียวกับ Shimotori Shopping Arcade ที่อยู่เมืองคุมาโมโต้เลย แล้วเราก็เดินออกมาสุดถนนช้อปปิ้ง จะเป็นถนนใหญ่ หันขวาไปจะเจอสะพานลอยขวามือ เราก็เดินขึ้นไปเลยฮะ ซึ่งสะพานลอยอันนี้ จะเชื่อมติดกับห้าง Canal City เลย.......
Canal City เป็นห้างมหึมาและหรูหรา ใจกลางเมืองฟุกุโอกะ ซึ่งรวมร้านค้าแบรนด์เนมสุดหรูมากมาย ทั้งของญี่ปุ่นเองและต่างประเทศ รวมกว่า 250 ร้านค้า นอกจากนั้นยังมี โรงหนัง โรงแรม และร้าน game center อยู่ในห้างดังแห่งนี้ด้วย ซึ่งชั้น5 จะเป็นศูนย์อาหารที่ขายแต่ราเมง ถ้าใครชื่นชอบราเมงไม่ควรพลาด เพราะที่นี่รวบรวมแต่ราเมงชื่อดังทั้งนั้น ส่วนชั้น1 จะมีสระน้ำยาวตัดผ่านห้าง ซึ่งจะคล้ายๆลำคลองแบบอัพเกรด น้ำสีฟ้าสดใส น้ำพุวิ่งขึ้นลงอย่างงดงาม และยังมีการแสดงโชว์น้ำพุที่ดูแล้วน่าจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่ได้เลย คลองอัพเกรดนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของห้างนี้ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า Canal City นั่นเอง......
ถามจริง! อ่านหนังสือสอบ ขยันแบบนี้ไหม พูดดดดดด
เมื่อเดินเข้าห้างมาถึง นางไม่รอช้าเดินเข้าไปหากำแพงที่มีแผนที่ร้านทันที และตรวจดูอย่างเคร่งเครียดราวกับว่ากำลังเช็คผมเอนทรานซ์ยังไงยังงั้น ในขณะที่นางหาพิกัดร้านอยู่ ไฮไลท์ของห้างนี้ก้อมา โดยเสียงเพลงที่ดังมาจากลำโพงแต่ละทิศของห้างนี้ และตามด้วยโชว์น้ำพุสุดเจ๋ง วิ่งแล่นตามจังหวะเพลงได้อย่างคล้องจองกันสุดๆ ผู้คนที่กระจัดกระจาย เริ่มเดินพร้อมเพรียงกันเข้ามาชมโชว์น้ำพุกันอย่างเนืองแน่น รวมถึงยัยนี่ที่ตอนแรกกำลังเคร่งเครียดหาพิกัดร้าน ก็เดินเข้ามาแจมด้วย.......
เพียงไม่กี่นาที การแสดงโชว์น้ำพุก็จบลง ผู้คนก็เริ่มแยกย้ายกันคนละทิศทาง และนางก็เริ่มกลับมาหาพิกัดของนางต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ได้พิกัดร้านที่นางต้องการซักที Onitsuka Tiger ร้านรองเท้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งนางก็บ่นมาตั้งแต่วันแรกๆว่าอยากได้กลับไปใส่ที่เมืองไทย (หึ คงไม่ได้กลับไปใส่ที่เมืองไทยล่ะ เพราะฉันจะทิ้งหล่อนไว้ที่นี่)
หลังจากหาพิกัดเจอ นางก็เดินตรงดิ่งไปร้านนี้ทันที ซึ่งพอถึงร้าน ภาพที่คิดไว้คือ ต้องมีคนเยอะแยะมาจับมาลองมาทาบนู่นนี่นั่น โดยเฉพาะ ต่างชาติซึ่งต่างก็มาซื้อใส่กันอย่างบ้าคลั่ง แต่ภาพจริงคือ เราคือ ลูกค้าเพียง 2 คนที่อยู่ในร้านนี้ตามลำพังกับพนักงานสาวหน้าโหดคนเดียว แค่นั้น ซึ่งนางก็เดินดูรุ่นที่นางใฝ่ฝันอยากจะได้เพื่อกลับไปใส่โชว์เพื่อนๆที่เมืองไทย แต่สุดท้ายที่ญี่ปุ่นก็ไม่มี ช่างน่าเศร้า! (ยิ้มมุมปากพร้อมใช้สายตามองนางอย่างสมเพช) แต่นางไม่ย่อท้อ ดูรองเท้าลายอื่น เผื่อจะเจอที่นางอยากได้ และก็ไปเจอคู่หนึ่งซึ่งคงพอแก้ขัดความอยากของนางได้ในตอนนั้น ไปถามไซส์เค้า ก็ดันหมด ช่างน่าสงสาร!
ซึ่งสาขานี้ของดูไม่เยอะมาก เพราะไม่ได้ขายแค่รองเท้าอย่างเดียว พี่แกเล่นขายครบเครื่อง ไม่ว่าจะเสื้อ หมวก รองเท้า เข็มขัด ถ้ามีกางเกงในด้วย คงจะเป็นลายพิลึกๆ และราคาก็ไม่ได้น่าซื้ออย่างที่คิดเลย เพราะที่นี่ ราคารองเท้าเฉลี่ยแล้ว อยู่ที่ประมาณ 4,xxx บาท ยังไม่หัก Tax Free ถูกกว่าไทยนิดหน่อยเอง นางเลยตัดใจ คอตกเดินออกจากร้านเหมือนหมาหงอยไปในที่สุด.....
หลังจากนางเดินทำหน้าเศร้าออกมา เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เลยปลอบไปว่า ที่นี่น่าจะมี ABC-Mart นะ ลองไปดูก่อน เผื่อจะมี พอนางได้ยินอย่างงั้น นางก็เดินตรงดิ่งไปที่กำแพงหาพิกัดอีกรอบ สุดท้ายก็เจอพิกัด นางก็รีบเดินตรงดิ่งอย่างมีความหวังอีกครั้งหนึ่ง เดินไปชั้นแล้วชั้นเล่า ผ่านตึก North ไปตึก South นางก็ยังไม่ท้อ จนสุดท้ายก็มาเจอร้าน ABC-Mart พอนางเข้าไปดูเท่านั้นแหล่ะ..........ไม่มี! ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี
ระหว่างทางมี Sanrio ด้วย แจ่มแหว๋ว ไปเลยยยย
แต่เอ๊ะ วันนี้ ต้องทำให้นางเสียเงินให้ได้ ก็เลยเชียร์ยี่ห้ออื่นแทน Nike Adidas Converse Vans เชียร์หลายยี่ห้อมาก จนสุดท้าย มาลงเอยที่ Nike ลายสุดคลาสสิค ในราคาย่อมเยาว์ ประมาณ 2,xxx บาท หรือประมาณ 7,xxx เยน เอาไว้ใส่แก้ขัดที่เมืองไทยไปก่อน
ซึ่งถ้าจะเอา Tax Free ต้องซื้อสินค้าภายในศูนย์การค้านั้น ให้ได้ 10,001เยนขึ้นไปภายใน 1วัน พี่คนขายผู้น่ารัก ก็เชียร์ให้ซื้อสเปรย์ทำความสะอาดรองเท้า กับ ยางลบทำความสะอาด เพื่อที่จะได้ Tax Free สุดท้ายนางก็หลงคารมพี่คนขาย ซื้อสเปรย์ 2ขวด ขวดหนึ่งใช้เอง อีกขวดยกให้ผม (นึกใจดีอะไรขึ้นมาเนี่ย!?) แล้วก็ยางลบอีก 1ก้อน รวมแล้วยอดเกิน 10,001เยนแน่นอน หลังจากนั้นก็ยิ้มสวยเดินออกจากร้าน ABC-Mart ตัวเปล่า (ผมถือ!!!)