สัมภาษณ์พิเศษ: ถอดรหัสความสำเร็จ AIS เส้นทางก้าวเข้าสู่ดัชนี DJSI
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ภายหลังจากที่ "บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)" หรือ "เอไอเอส" ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกใน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ที่จัดทำโดย S&P Dow Jones ประจำปี 2558 ในกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หมวดธุรกิจบริการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเป็นธุรกิจรายแรก และ รายเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือก
ล่าสุดยังได้รับ รางวัล Top CSR Advocates in Asia 2015 จากเวที Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบ ให้กับองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสอดรับกับ นโยบาย และการปฏิบัติงานของบริษัท ที่มีผู้บริหาร และพนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม การมีส่วนร่วมของชุมชน การดูแลสิ่งแวดล้อม และการเสริมสร้างพลังทาง สังคม
ด้วย ความสำเร็จที่ปรากฏชัดเจน "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "วิไล เคียงประดู่" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส ถึงแนวทางและยุทธศาสตร์การดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนวิธีการในการนำพาองค์กรไปสู่ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ อันเป็นมาตรฐานในระดับโลก
ถามว่าทำได้อย่างไร ?ลองไปฟังคำตอบดู
นโยบายทิศทางการดำเนินงานด้านซีเอสอาร์
เรา วางนโยบายเรื่องของซีเอสอาร์ โดยมองว่าตัวเองเป็น Communication เป็นเรื่องระบบการสื่อสารถือเป็นรากฐานที่ทำให้คนติดต่อสื่อสารกัน เราจึงมาทำโครงการเพื่อมุ่งให้เห็นว่า เครื่องมือสื่อสารเป็นตัวกลางสำคัญที่จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างครอบ ครัว จึงมุ่งเน้นการทำงานในเรื่องสถาบันครอบครัว บวกกับก่อนที่จะเริ่มโครงการพบว่าสังคมประสบปัญหาหลัก ๆ อยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องอาชญากรรมและยาเสพติด
งานวิจัยของกรมสุขภาพจิตและ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าปัจจัย หลายอย่างที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น โดยมาจากรากฐาน อันหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญมากคือครอบครัว ซึ่งบวกกับแนวทางที่มองไว้แต่ต้น จึงเน้นการทำงานด้านสถาบันครอบครัว เพื่อให้เห็นความสำคัญของครอบครัว และการสื่อสารนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์
จึงถูกนำไปขยายในอีก 4 ด้าน
ใช่แล้ว เราได้กำหนดแนวทางซีเอสอาร์ ในการตอบแทนสังคมไทยผ่าน 4 เรื่อง คือ การสนับสนุนสถาบันครบครัว การเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม การให้โอกาสและช่วยเหลือสังคม และการปลูก จิตสำนึกให้พนักงานช่วยเหลือสังคม ซึ่งจะยึด 4 แนวทางนี้เป็นสำคัญ เรามีความเชื่อว่าหลักของการทำซีเอสอาร์ เมื่อทำแล้วต้องทำอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และต่อเนื่องยาวนาน โดยประเด็นสุดท้ายนี้เราคิดที่จะทำต่อยอดไปเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น โครงการสานรักคนเก่งหัวใจแกร่งเมื่อเริ่มแรกเราทำเป็นสารคดี เพื่อให้เป็นตัวอย่างให้แก่สังคม จากนั้นมีการต่อยอดนำมาทำเป็นวีซีดีเพื่อมอบให้กับโรงเรียน สถานพินิจ เพื่อสร้างแบบอย่าง พร้อมกันด้วยการเชิญเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการไปพูดคุย
น้อง ๆ ที่สถานพินิจให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเด็กสานรักเหล่านี้ ถือว่ามีปัญหามากกว่าเด็กทั่วไป แต่เขายัง สู้ต่อไป ฉะนั้นจึงมีคำถามต่าง ๆ มากมายระหว่างการพูดคุย เรากระจายไปครบ ทั่วประเทศ แต่อาจจะยังไม่ครบทุก สถานพินิจ อีกทั้งวีซีดีดังกล่าวยังเป็นเครื่องในการเรียนการสอนให้กับโรงเรียน โดยมอบเป็นสื่อให้กับโรงเรียน
ทราบมาว่าทุกโครงการที่ทำเรามีพนักงานจิตอาสาช่วยกันคิด
ใช่ค่ะ...พนักงานเขายินดีมาก เนื่องจากที่บริษัทมีโครงการจิตอาสาที่ให้พนักงานรวมตัวกัน เพื่อเสนอโครงการ โดยมีงบประมาณให้แต่ละโครงการไม่เกิน 100,000 บาท และสามารถลางานเพื่อไปทำโครงการได้ 3 วัน ซึ่งไม่ถือเป็นวันลา โดยโครงการที่เสนอมานั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ไม่ใช่โครงการที่บริจาคเท่านั้น แต่ต้องทำให้ชุมชนอยู่อย่างยั่งยืน
แรก ๆ เสนอมาแต่ยังไม่ได้โดนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไปให้ของ ไปช่วยเหลือ เขา เราก็พยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ให้กับพนักงานมาโดยตลอด
ทราบว่ามีโครงการหนึ่งประทับใจมาก
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ...ไม่มีโครงการไหนที่โดนใจกรรมการเท่านี้มาก่อน โดยมีพนักงานกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวในภาคเหนือแล้วเจอหมู่บ้านชาวเขา ซึ่งต้องเดินไปโรงเรียน และทั้งโรงเรียนมีจักรยานอยู่ 2 คัน ซึ่งต้องเวียนกันใช้ ในความเป็นจริงซื้อแล้วบริจาคให้ก็ได้ แต่ในอีกทางหนึ่งจะทำอย่างไรให้ทั้งครู นักเรียน และชาวบ้านได้ช่วยกัน ก็เลยทำซอฟต์แวร์เป็นโปรแกรมขึ้นมาแล้วไปสอน โดยบริจาคคอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้วไปให้กับโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้บริหารจัดการในการยืมจักรยาน ยืมไป กี่ชั่วโมง คิวต่อไปเป็นของใคร ค่าเช่าเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นนักเรียนไม่มีค่าเช่า แต่ต้องทำงานให้กับโรงเรียน
และถ้าได้เงินมาจะนำไปซื้อจักรยาน มาเพิ่ม ตอนนี้ทำมาหลายปี จักรยานมีจำนวนมาก จึงเปิดให้กับนักท่องเที่ยวเช่า ทำเป็นโฮมสเตย์ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้ทำให้ โดยเป็นสิ่งที่โรงเรียน ชุมชน ทำต่อยอด เพียงแต่เราไปเริ่มให้ ต่อยอดให้ และทำให้เศรษฐกิจในชุมชนเกิดการจับจ่าย ทั้งค่าที่พัก ค่ากิน ค่าอยู่ และต่อไปเห็นว่าจะมีโครงการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกด้วย
มีโครงการห้องสมุดด้วย
ใช่ค่ะ...เป็นโครงการ CSR ที่เราอยากเห็นพนักงานทำกันเยอะ ๆ และในปี ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเน้นห้องสมุด แต่จะ มีโมเดลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทางเราเลย เรียกประชุมโครงการที่ทำห้องสมุดทั้งหมดมาคุยกัน แล้วให้โจทย์ไปร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ห้องสมุดเอไอเอสแตกต่างจากห้อง สมุดทั่วไปได้อย่างไร ซึ่งมีทั้งความเป็นดิจิทัล ออนไลน์ ให้มีการ ดาวน์โหลดหนังสือ และอื่น ๆ จนในที่สุด โมเดลที่ออกมาคือ การทำเรื่องโครงสร้าง ระบบสาธารณูปโภคของห้องสมุด การมอบคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริษัทให้อยู่แล้ว แต่ละโครงการขึ้นอยู่กับขนาดของโรงเรียน รวมถึงหนังสือที่ดีต้องมีแบบไหน ต้องมีวิธีการในการค้นหาอย่างไร การหาองค์ความรู้ การรักษาและดูแลระบบต้องทำอย่างไร และยังมีการสอนการทำข้อสอบแบบออนไลน์อีกด้วย ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อย โดยไม่เหมือนกับห้องสมุดโดยทั่วไป
สิ่งที่เราทำหลักการเหมือนเดิม เพียงแต่ต่อยอดไปเรื่อย ๆ
ใช่ค่ะ...อย่างโครงการที่เป็นสาธารณ ประโยชน์ เราทำเรื่องถังน้ำใจมันเป็นเครื่องมือ ช่วยบำบัดภัยแล้ง แต่ในความจริงแล้วปัญหาหลัก ๆ คือคุณภาพของน้ำ จึงมีการต่อยอดโครงการเรารักษ์ต้นน้ำ เกิดจากความคิดว่าทุก ๆ คนเป็นต้นน้ำของอีกผู้หนึ่งเสมอ ถ้ามีจิตสำนึกจะทำให้น้ำที่ออกจากเราไปไม่เป็นน้ำเสีย โดยโครงการนี้เลือกทำที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
วิธีการคือ โรงเรียน ชุมชน ครอบครัว ออกมาร่วมแรงร่วมใจทำโครงการเพื่อทำให้ต้นน้ำใสสะอาด เพื่อส่งต่อไปยังปลายน้ำ เราไม่ได้เน้นที่ต้นน้ำ แต่เราทำต้น กลาง ปลาย ภายใต้แนวคิด ทุกคนคือต้นน้ำ
ไฮไลต์ทุกโครงการใน 4 ด้านเป็นเรื่องของการต่อยอด
ตรงนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่สำคัญ อย่าง ปี 2558 เรามอบถังน้ำใจครอบคลุมไปแล้ว 90% ของพื้นที่ภัยแล้งไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าในปี 2559 ภัยแล้งขยายพื้นที่ ด้วยจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทุกโครงการ เรายังทำต่อเนื่อง และจะมีการต่อยอดไปเรื่อย ๆ โดยจะมีธีมแต่ละปีแตกต่างกันไป แต่จะเน้นเรื่องของครอบครัวเป็นสำคัญและจะดูจากกระแสของประเทศ บริบทสังคม บวกกับข้อมูลที่เราจะส่งไปสู่สังคม
สิ่งที่ทำทั้งหมด ถ้าย้อนกลับมาถึงในเรื่องของ DJSI ส่งผลมากน้อยแค่ไหน
ส่งผลมากเลย...หากเล่าย้อนไปตั้งแต่แรก บริษัทเองต้องปรับแนวทางเรื่องของความยั่งยืนมาใช้ในองค์กรก่อน และต้องมาศึกษาเรื่องของ SD ว่ามีกรอบในการปฏิบัติเพื่อให้สู่มาตรฐานสากลทำอย่างไร ก็ไปเอามาเป็นแนวทาง
โดยวิธีการคือต้องระบุให้ได้ก่อนว่าการดำเนินธุรกิจหัวใจสำคัญคือต้องมี 3 ห่วงมาเป็นตัวคิดทั้งเศรษฐกิจ ซึ่งหมายถึงตัวธุรกิจของเรา และในการดำเนินธุรกิจแน่นอนว่าหวังผลกำไร แต่อย่าลืมในอีกทางหนึ่งคือเรื่องของสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย
เพราะฉะนั้น 3 วงกลมนี้ เวลาทำธุรกิจ ต้องไปอย่างสมดุลกัน ซึ่งถือว่าเป็นกรอบที่กว้างมาก ดังนั้นจะต้องเข้าไปดูเรื่องวิธีการ ปฏิบัติในแต่ละวง ว่าสิ่งที่ให้ความสำคัญคืออะไรและนำมาเป็นตัวตั้ง และต้องมาโฟกัสในเรื่องของความคาดหวังของ กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อธุรกิจเราว่าเป็นอย่างไรทั้ง 3 ห่วงต้องมีการประเมิน การสอบถาม อีกทั้งกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรามีเยอะมาก ต้องระบุให้ได้ว่าตัวไหนคือสิ่งที่สำคัญ
แล้วทำอย่างไรต่อ
หลังจากที่ได้ข้อมูลแล้ว เราจึงนำมาทำเป็นกรอบปฏิบัติ 5 ด้านที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย
Community สังคมและชุมชนของเรา ที่หมายถึงสังคมและชุมชน สำหรับเอไอเอส เราให้ความสำคัญกับ 2 มิติ คือ ชุมชนที่มีเสาตั้งอยู่ และสังคมโดยมวลรวม
-----มีต่อ-----
ถอดรหัสความสำเร็จ AIS เส้นทางก้าวเข้าสู่ดัชนี DJSI (สัมภาษณ์พิเศษ)
สัมภาษณ์พิเศษ: ถอดรหัสความสำเร็จ AIS เส้นทางก้าวเข้าสู่ดัชนี DJSI
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ภายหลังจากที่ "บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)" หรือ "เอไอเอส" ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกใน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ที่จัดทำโดย S&P Dow Jones ประจำปี 2558 ในกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หมวดธุรกิจบริการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเป็นธุรกิจรายแรก และ รายเดียวของประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือก
ล่าสุดยังได้รับ รางวัล Top CSR Advocates in Asia 2015 จากเวที Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards (ACES) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบ ให้กับองค์กรที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โดยสอดรับกับ นโยบาย และการปฏิบัติงานของบริษัท ที่มีผู้บริหาร และพนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม การมีส่วนร่วมของชุมชน การดูแลสิ่งแวดล้อม และการเสริมสร้างพลังทาง สังคม
ด้วย ความสำเร็จที่ปรากฏชัดเจน "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "วิไล เคียงประดู่" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส ถึงแนวทางและยุทธศาสตร์การดำเนินความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนวิธีการในการนำพาองค์กรไปสู่ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ อันเป็นมาตรฐานในระดับโลก
ถามว่าทำได้อย่างไร ?ลองไปฟังคำตอบดู
นโยบายทิศทางการดำเนินงานด้านซีเอสอาร์
เรา วางนโยบายเรื่องของซีเอสอาร์ โดยมองว่าตัวเองเป็น Communication เป็นเรื่องระบบการสื่อสารถือเป็นรากฐานที่ทำให้คนติดต่อสื่อสารกัน เราจึงมาทำโครงการเพื่อมุ่งให้เห็นว่า เครื่องมือสื่อสารเป็นตัวกลางสำคัญที่จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างครอบ ครัว จึงมุ่งเน้นการทำงานในเรื่องสถาบันครอบครัว บวกกับก่อนที่จะเริ่มโครงการพบว่าสังคมประสบปัญหาหลัก ๆ อยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องอาชญากรรมและยาเสพติด
งานวิจัยของกรมสุขภาพจิตและ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าปัจจัย หลายอย่างที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น โดยมาจากรากฐาน อันหนึ่งที่ถือว่ามีความสำคัญมากคือครอบครัว ซึ่งบวกกับแนวทางที่มองไว้แต่ต้น จึงเน้นการทำงานด้านสถาบันครอบครัว เพื่อให้เห็นความสำคัญของครอบครัว และการสื่อสารนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์
จึงถูกนำไปขยายในอีก 4 ด้าน
ใช่แล้ว เราได้กำหนดแนวทางซีเอสอาร์ ในการตอบแทนสังคมไทยผ่าน 4 เรื่อง คือ การสนับสนุนสถาบันครบครัว การเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม การให้โอกาสและช่วยเหลือสังคม และการปลูก จิตสำนึกให้พนักงานช่วยเหลือสังคม ซึ่งจะยึด 4 แนวทางนี้เป็นสำคัญ เรามีความเชื่อว่าหลักของการทำซีเอสอาร์ เมื่อทำแล้วต้องทำอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และต่อเนื่องยาวนาน โดยประเด็นสุดท้ายนี้เราคิดที่จะทำต่อยอดไปเรื่อย ๆ ตัวอย่างเช่น โครงการสานรักคนเก่งหัวใจแกร่งเมื่อเริ่มแรกเราทำเป็นสารคดี เพื่อให้เป็นตัวอย่างให้แก่สังคม จากนั้นมีการต่อยอดนำมาทำเป็นวีซีดีเพื่อมอบให้กับโรงเรียน สถานพินิจ เพื่อสร้างแบบอย่าง พร้อมกันด้วยการเชิญเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการไปพูดคุย
น้อง ๆ ที่สถานพินิจให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเด็กสานรักเหล่านี้ ถือว่ามีปัญหามากกว่าเด็กทั่วไป แต่เขายัง สู้ต่อไป ฉะนั้นจึงมีคำถามต่าง ๆ มากมายระหว่างการพูดคุย เรากระจายไปครบ ทั่วประเทศ แต่อาจจะยังไม่ครบทุก สถานพินิจ อีกทั้งวีซีดีดังกล่าวยังเป็นเครื่องในการเรียนการสอนให้กับโรงเรียน โดยมอบเป็นสื่อให้กับโรงเรียน
ทราบมาว่าทุกโครงการที่ทำเรามีพนักงานจิตอาสาช่วยกันคิด
ใช่ค่ะ...พนักงานเขายินดีมาก เนื่องจากที่บริษัทมีโครงการจิตอาสาที่ให้พนักงานรวมตัวกัน เพื่อเสนอโครงการ โดยมีงบประมาณให้แต่ละโครงการไม่เกิน 100,000 บาท และสามารถลางานเพื่อไปทำโครงการได้ 3 วัน ซึ่งไม่ถือเป็นวันลา โดยโครงการที่เสนอมานั้นจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ไม่ใช่โครงการที่บริจาคเท่านั้น แต่ต้องทำให้ชุมชนอยู่อย่างยั่งยืน
แรก ๆ เสนอมาแต่ยังไม่ได้โดนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไปให้ของ ไปช่วยเหลือ เขา เราก็พยายามสื่อสารสร้างความเข้าใจในเรื่องนี้ให้กับพนักงานมาโดยตลอด
ทราบว่ามีโครงการหนึ่งประทับใจมาก
ชอบมาก ๆ เลยค่ะ...ไม่มีโครงการไหนที่โดนใจกรรมการเท่านี้มาก่อน โดยมีพนักงานกลุ่มหนึ่งไปเที่ยวในภาคเหนือแล้วเจอหมู่บ้านชาวเขา ซึ่งต้องเดินไปโรงเรียน และทั้งโรงเรียนมีจักรยานอยู่ 2 คัน ซึ่งต้องเวียนกันใช้ ในความเป็นจริงซื้อแล้วบริจาคให้ก็ได้ แต่ในอีกทางหนึ่งจะทำอย่างไรให้ทั้งครู นักเรียน และชาวบ้านได้ช่วยกัน ก็เลยทำซอฟต์แวร์เป็นโปรแกรมขึ้นมาแล้วไปสอน โดยบริจาคคอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้วไปให้กับโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้บริหารจัดการในการยืมจักรยาน ยืมไป กี่ชั่วโมง คิวต่อไปเป็นของใคร ค่าเช่าเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นนักเรียนไม่มีค่าเช่า แต่ต้องทำงานให้กับโรงเรียน
และถ้าได้เงินมาจะนำไปซื้อจักรยาน มาเพิ่ม ตอนนี้ทำมาหลายปี จักรยานมีจำนวนมาก จึงเปิดให้กับนักท่องเที่ยวเช่า ทำเป็นโฮมสเตย์ แหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้ทำให้ โดยเป็นสิ่งที่โรงเรียน ชุมชน ทำต่อยอด เพียงแต่เราไปเริ่มให้ ต่อยอดให้ และทำให้เศรษฐกิจในชุมชนเกิดการจับจ่าย ทั้งค่าที่พัก ค่ากิน ค่าอยู่ และต่อไปเห็นว่าจะมีโครงการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกด้วย
มีโครงการห้องสมุดด้วย
ใช่ค่ะ...เป็นโครงการ CSR ที่เราอยากเห็นพนักงานทำกันเยอะ ๆ และในปี ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเน้นห้องสมุด แต่จะ มีโมเดลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทางเราเลย เรียกประชุมโครงการที่ทำห้องสมุดทั้งหมดมาคุยกัน แล้วให้โจทย์ไปร่วมกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ห้องสมุดเอไอเอสแตกต่างจากห้อง สมุดทั่วไปได้อย่างไร ซึ่งมีทั้งความเป็นดิจิทัล ออนไลน์ ให้มีการ ดาวน์โหลดหนังสือ และอื่น ๆ จนในที่สุด โมเดลที่ออกมาคือ การทำเรื่องโครงสร้าง ระบบสาธารณูปโภคของห้องสมุด การมอบคอมพิวเตอร์ ซึ่งบริษัทให้อยู่แล้ว แต่ละโครงการขึ้นอยู่กับขนาดของโรงเรียน รวมถึงหนังสือที่ดีต้องมีแบบไหน ต้องมีวิธีการในการค้นหาอย่างไร การหาองค์ความรู้ การรักษาและดูแลระบบต้องทำอย่างไร และยังมีการสอนการทำข้อสอบแบบออนไลน์อีกด้วย ซึ่งถือว่ามีการพัฒนาขึ้นไปเรื่อย โดยไม่เหมือนกับห้องสมุดโดยทั่วไป
สิ่งที่เราทำหลักการเหมือนเดิม เพียงแต่ต่อยอดไปเรื่อย ๆ
ใช่ค่ะ...อย่างโครงการที่เป็นสาธารณ ประโยชน์ เราทำเรื่องถังน้ำใจมันเป็นเครื่องมือ ช่วยบำบัดภัยแล้ง แต่ในความจริงแล้วปัญหาหลัก ๆ คือคุณภาพของน้ำ จึงมีการต่อยอดโครงการเรารักษ์ต้นน้ำ เกิดจากความคิดว่าทุก ๆ คนเป็นต้นน้ำของอีกผู้หนึ่งเสมอ ถ้ามีจิตสำนึกจะทำให้น้ำที่ออกจากเราไปไม่เป็นน้ำเสีย โดยโครงการนี้เลือกทำที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
วิธีการคือ โรงเรียน ชุมชน ครอบครัว ออกมาร่วมแรงร่วมใจทำโครงการเพื่อทำให้ต้นน้ำใสสะอาด เพื่อส่งต่อไปยังปลายน้ำ เราไม่ได้เน้นที่ต้นน้ำ แต่เราทำต้น กลาง ปลาย ภายใต้แนวคิด ทุกคนคือต้นน้ำ
ไฮไลต์ทุกโครงการใน 4 ด้านเป็นเรื่องของการต่อยอด
ตรงนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่สำคัญ อย่าง ปี 2558 เรามอบถังน้ำใจครอบคลุมไปแล้ว 90% ของพื้นที่ภัยแล้งไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าในปี 2559 ภัยแล้งขยายพื้นที่ ด้วยจากสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทุกโครงการ เรายังทำต่อเนื่อง และจะมีการต่อยอดไปเรื่อย ๆ โดยจะมีธีมแต่ละปีแตกต่างกันไป แต่จะเน้นเรื่องของครอบครัวเป็นสำคัญและจะดูจากกระแสของประเทศ บริบทสังคม บวกกับข้อมูลที่เราจะส่งไปสู่สังคม
สิ่งที่ทำทั้งหมด ถ้าย้อนกลับมาถึงในเรื่องของ DJSI ส่งผลมากน้อยแค่ไหน
ส่งผลมากเลย...หากเล่าย้อนไปตั้งแต่แรก บริษัทเองต้องปรับแนวทางเรื่องของความยั่งยืนมาใช้ในองค์กรก่อน และต้องมาศึกษาเรื่องของ SD ว่ามีกรอบในการปฏิบัติเพื่อให้สู่มาตรฐานสากลทำอย่างไร ก็ไปเอามาเป็นแนวทาง
โดยวิธีการคือต้องระบุให้ได้ก่อนว่าการดำเนินธุรกิจหัวใจสำคัญคือต้องมี 3 ห่วงมาเป็นตัวคิดทั้งเศรษฐกิจ ซึ่งหมายถึงตัวธุรกิจของเรา และในการดำเนินธุรกิจแน่นอนว่าหวังผลกำไร แต่อย่าลืมในอีกทางหนึ่งคือเรื่องของสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย
เพราะฉะนั้น 3 วงกลมนี้ เวลาทำธุรกิจ ต้องไปอย่างสมดุลกัน ซึ่งถือว่าเป็นกรอบที่กว้างมาก ดังนั้นจะต้องเข้าไปดูเรื่องวิธีการ ปฏิบัติในแต่ละวง ว่าสิ่งที่ให้ความสำคัญคืออะไรและนำมาเป็นตัวตั้ง และต้องมาโฟกัสในเรื่องของความคาดหวังของ กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อธุรกิจเราว่าเป็นอย่างไรทั้ง 3 ห่วงต้องมีการประเมิน การสอบถาม อีกทั้งกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรามีเยอะมาก ต้องระบุให้ได้ว่าตัวไหนคือสิ่งที่สำคัญ
แล้วทำอย่างไรต่อ
หลังจากที่ได้ข้อมูลแล้ว เราจึงนำมาทำเป็นกรอบปฏิบัติ 5 ด้านที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งประกอบด้วย
Community สังคมและชุมชนของเรา ที่หมายถึงสังคมและชุมชน สำหรับเอไอเอส เราให้ความสำคัญกับ 2 มิติ คือ ชุมชนที่มีเสาตั้งอยู่ และสังคมโดยมวลรวม
-----มีต่อ-----