=========
ลืม...
=========
ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนขี้ลืมที่สุดในโลก พวกท่านอาจไม่เชื่อว่าเป็นความจริง ถ้ามีการแข่งขันการสะสมความจำผมต้องได้อันดับสุดท้ายของมนุษยชาติอย่างไม่ต้องสงสัย และรับรองว่าไม่มีใครคัดค้านเด็ดขาด
ผมถูกไล่ออกจากงานเพราะลืมไปทำงาน ถึงเวลาเช้าผมลืมตื่นเพราะนึกว่าเพิ่งเข้านอน กว่าจะคิดได้วันเวลาก็ผ่านไปหลายวัน
ลืมทานข้าว ลืมอาบน้ำ ลืมไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจำไม่ได้ว่าเพิ่งทำอะไรมา หรือถ้าความจำนั้นจะพุ่งวูบเข้าเซลล์สมองได้ก็ต้องมีอะไรมากระตุ้นอย่างรุนแรงเท่านั้น สิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกจึงจะปะทุออกมา เหมือนว่าเป็นคนไม่มีอดีต มีแต่ปัจจุบันเท่านั้น
แล้วผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่
ผมกำลังนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์อยู่ มันคล้ายๆกับว่ากำลังพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป ผมมองนิ้วมือซึ่งกำลังไล่เรียงไปตามคีย์บอร์ดอย่างงุนงง ผมกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่
อ้าว... นั่น ...นิ้วมือผมหลุดคาค้างบนคีย์บอร์ด มันหลุดง่ายๆ เหมือนทำมาจากขี้ผึ้งโดนไฟลน
ผมใช้มืออีกข้างหยิบขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ
มันเป็นนิ้วมือผมจริงๆ นั่นล่ะ
อ้าว ...ทำไมจอคอมพิวเตอร์เอียงอย่างนั้น
ไม่ใช่จอเอียงหรอก ความจริงศีรษะผมกำลังห้อยพับลงทำท่าจะหลุดจากบ่า ดีว่ามีเนื้อหนังติดอยู่มันจึงเพียงแต่ห้อยต่องแต่งลงไป ผมพยายามประคองขึ้นมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง
หิวน้ำจัง ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้
โครม..!!
เข่าผมหักออก ร่างล้มคว่ำลงเหมือนต้นไม้ผุล้มฟาดลงบนพื้น แขนขาบางส่วนหลุดกระเด็นไปคนละทิศละทาง
ผมนอนนิ่งอย่างประหลาดใจ มันอะไรกัน..... เกิดอะไรขึ้นกับผม
แต่ด้วยความเสียดาย จึงพยายามคืบคลานตรงไปยังท่อนขาข้างหนึ่งซึ่งหลุดกระเด็นออกไปอยู่ใต้โต๊ะ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเอามาทำไม อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณกระมัง
ตอนนี้ผมมีเพียงแขนขาข้างเดียวกับศีรษะซึ่งพอใช้งานได้ มือข้างเดียวลากตัวไปบนพื้นอย่างยากเย็น พยายามดึงรั้งอะไรก็ได้เพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้น
หิวน้ำนี่นา อย่างไรต้องดื่มน้ำก่อน แต่คนมีขาข้างเดียวจะลุกเดินได้อย่างไร ในที่สุดผมล้มลงอีกครั้ง ศีรษะกระเด็นกลิ้งขลุกๆ ไปหน้าห้องน้ำพอดี เร็วกกว่าลำตัวตัวซึ่งกำลังลากสังขารตามมา
วินาทีนั้นผมนึกขึ้นมาได้และกล้าบอกได้ว่า ผมขี้ลืมมากที่สุดในโลกจริงๆ
ผมลืมตาย
ความจริงผมลืมหายใจมานานแล้ว แต่ทะลึ่งลืมตาย....
จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือน
ลืม...
ลืม...
=========
ถ้าผมบอกว่าผมเป็นคนขี้ลืมที่สุดในโลก พวกท่านอาจไม่เชื่อว่าเป็นความจริง ถ้ามีการแข่งขันการสะสมความจำผมต้องได้อันดับสุดท้ายของมนุษยชาติอย่างไม่ต้องสงสัย และรับรองว่าไม่มีใครคัดค้านเด็ดขาด
ผมถูกไล่ออกจากงานเพราะลืมไปทำงาน ถึงเวลาเช้าผมลืมตื่นเพราะนึกว่าเพิ่งเข้านอน กว่าจะคิดได้วันเวลาก็ผ่านไปหลายวัน
ลืมทานข้าว ลืมอาบน้ำ ลืมไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจำไม่ได้ว่าเพิ่งทำอะไรมา หรือถ้าความจำนั้นจะพุ่งวูบเข้าเซลล์สมองได้ก็ต้องมีอะไรมากระตุ้นอย่างรุนแรงเท่านั้น สิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกจึงจะปะทุออกมา เหมือนว่าเป็นคนไม่มีอดีต มีแต่ปัจจุบันเท่านั้น
แล้วผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่
ผมกำลังนั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์อยู่ มันคล้ายๆกับว่ากำลังพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป ผมมองนิ้วมือซึ่งกำลังไล่เรียงไปตามคีย์บอร์ดอย่างงุนงง ผมกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่
อ้าว... นั่น ...นิ้วมือผมหลุดคาค้างบนคีย์บอร์ด มันหลุดง่ายๆ เหมือนทำมาจากขี้ผึ้งโดนไฟลน
ผมใช้มืออีกข้างหยิบขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจ
มันเป็นนิ้วมือผมจริงๆ นั่นล่ะ
อ้าว ...ทำไมจอคอมพิวเตอร์เอียงอย่างนั้น
ไม่ใช่จอเอียงหรอก ความจริงศีรษะผมกำลังห้อยพับลงทำท่าจะหลุดจากบ่า ดีว่ามีเนื้อหนังติดอยู่มันจึงเพียงแต่ห้อยต่องแต่งลงไป ผมพยายามประคองขึ้นมาจัดให้เข้าที่เข้าทาง
หิวน้ำจัง ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้
โครม..!!
เข่าผมหักออก ร่างล้มคว่ำลงเหมือนต้นไม้ผุล้มฟาดลงบนพื้น แขนขาบางส่วนหลุดกระเด็นไปคนละทิศละทาง
ผมนอนนิ่งอย่างประหลาดใจ มันอะไรกัน..... เกิดอะไรขึ้นกับผม
แต่ด้วยความเสียดาย จึงพยายามคืบคลานตรงไปยังท่อนขาข้างหนึ่งซึ่งหลุดกระเด็นออกไปอยู่ใต้โต๊ะ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเอามาทำไม อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณกระมัง
ตอนนี้ผมมีเพียงแขนขาข้างเดียวกับศีรษะซึ่งพอใช้งานได้ มือข้างเดียวลากตัวไปบนพื้นอย่างยากเย็น พยายามดึงรั้งอะไรก็ได้เพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้น
หิวน้ำนี่นา อย่างไรต้องดื่มน้ำก่อน แต่คนมีขาข้างเดียวจะลุกเดินได้อย่างไร ในที่สุดผมล้มลงอีกครั้ง ศีรษะกระเด็นกลิ้งขลุกๆ ไปหน้าห้องน้ำพอดี เร็วกกว่าลำตัวตัวซึ่งกำลังลากสังขารตามมา
วินาทีนั้นผมนึกขึ้นมาได้และกล้าบอกได้ว่า ผมขี้ลืมมากที่สุดในโลกจริงๆ
ผมลืมตาย
ความจริงผมลืมหายใจมานานแล้ว แต่ทะลึ่งลืมตาย....
จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือน