กาแฟ กับ ใบกระท่อม อะไรที่ทำให้ทั้ง2อย่าง มีความต่างกัน ในทางกฏหมายครับ

สิ่งที่เหมือนคือ  ทั้ง2อย่าง  เป็นพืช  ที่มีสารเสพติดเหมือนๆกัน
เราใช้กาแฟ ชงดื่ม  เพื่อคลายง่วง  เพราะมีสารเสพติดคือคาเฟอีน

กระท่อม  มีสารแอลคะลอยด์ Mitragynine อยู่ในใบ มีฤทธิ์ระงับอาการปวด เช่นเดียวกับมอร์ฟีน โดยมีความแรงต่ำกว่ามอร์ฟีนประมาณ ๑๐ เท่า และมีข้อดีกว่ามอร์ฟีนอยู่หลายประการ

.....มีการนำมาใช้เป็นยาแก้โรคบิด ท้องร่วง และปวดมวนท้อง ชาวนานิยมบริโภคโดยการเคี้ยวใบสด หรือเอาใบมาย่างให้เกรียมและตำผสมกับน้ำพริกรับประทานเป็นอาหาร เพื่อให้มีแรงทำงานและสามารถทนตากแดดอยู่กลางแจ้งได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเหนื่อย ชาวมลายูใช้ใบกระท่อมตำพอกแผล และใช้ทั้งใบเผาให้ร้อนวางบนท้องรักษาโรคม้ามโต ตลอดจนใช้กระท่อมเพื่อทดแทนฝิ่นในท้องที่ซึ่งหาฝิ่นไม่ได้ และบ่อยครั้งมีการใช้ใบกระท่อมเพื่อควบคุมการติดฝิ่น โดยเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์ในปัจจุบัน

..พอไปค้นๆดูแล้ว กาแฟเองก็มี สารในกลุ่มแซนทีนแอลคาลอยด์  เหมือนๆใบกระท่อม

ยิ่งดูผลเสียจากการติดใบกระท่อม และกาแฟแล้ว  ก็ดูจะพอๆกัน

....ผมก็งงว่า  ในทางกฏหมาย  ใช้อะไรเป็นตัววัด  ว่าพืชชนิดนี้  ชนิดนั้น  เป็นยาเสพติดผิดกฏหมาย
หรือเพราะกาแฟ  เขานิยมกันทั่วโลก  เลยไม่ผิดกฏหมาย  เหมือนยาเส้น  ที่อยู่ในบุหรี่ก็เหมือนกัน  ผมว่าประโยชน์ยาเส้นคงมีแค่เอามาอุดแผลแล่ะ
แถมยาเส้นก็โทษเยอะแยะ  แต่ดันๆไม่ผิดกฏหมาย.................งงชิหายเลย
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
....เหล้า บุหรี่ กาแฟ ถูกกฏหมายเพราะ มีมานานและคนส่วนใหญ่ ยอมรับกัน รวมทั้งมันกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ไปแล้ว.....รัฐไม่สามารถ ใช้กำลังหักดิบให้เลิกขายได้ครับ.....ใครจะกล้าห้ามขายครับ

.....ใบกระท่อม ถึงมีมานาน แต่ไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป ไม่มีการทำเป็นธุรกิจมาก่อน ....รัฐสามารถบังคับใช้กฏหมายได้ครับ....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่