ยื่นขอวีซ่า/กรีนการ์ดสำหรับคู่สมรส CR1/IR1 -แบบ Direct Consular Filing (DCF) จาก USCIS กรุงเทพ/ประเทศไทย
Direct Consular Filing (DCF) เป็นขั้นตอนที่อนุญาตให้บุคคลที่มีสัญชาติอเมริกันสามารถยื่นคำร้อง I-130 (Petition for Alien Relative) เพื่อขอกรีนการ์ด ให้กับญาติลำดับขั้นต้นในครอบครัวได้ในต่างประเทศที่มีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) และสถานทูตอเมริกัน (US Embassy) ตั้งอยู่ (ซึ่งมีเฉพาะในบางประเทศ) โดยไม่ต้องผ่านศูนย์ USCIS และ NVC ที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้ขั้นตอนทั้งหมดใช้ระยะสั้นกว่าปกติ (ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่ยื่นเรื่องจนได้วีซ่า/กรีนการ์ดประมาณ 4 เดือน) และญาติของผู้ยื่นคำร้อง สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้และจะได้รับกรีนการ์ด(ถือว่าเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐ)
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง I-130 (Petition for Alien Relative) -Direct Consular Filing (DCF) /USCIS Bangkok-ThailandA) เป็นบุคคลสัญชาติอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ยื่นคำร้องเพื่อขอวีซ่าถาวร/กรีนการ์ดให้กับ ญาติลำดับขั้นต้น (Immediate Relative) ดังนี้
1. คู่สมรส (CR1/IR1) โดยถ้าสมรสยังไม่ถึง 2 ปีจะเป็นประเภท CR1 ครั้งแรกจะได้กรีนการ์ด 2 ปี/ถ้าสมรสเกิน 2 ปีจะเป็น IR1 จะได้กรีนการ์ดแบบ 10 ปี
2. บุตรผู้เยาว์ของผู้มีสัญชาติ (CR2/IR2) โดยบุตรอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์
3. บิดา มารดา ของผู้มีสัญชาติ (IR5) โดยผู้มีสัญชาตินั้นจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
B) บุคคลสัญชาติอเมริกันนั้นต้องมีหลักฐานแสดงว่า พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย (Residing in Thailand) มีหลักฐานประกอบ ไม่ใช่เพียงแค่มาเยี่ยมเยียนชั่วคราว ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีสิทธิ์ยื่น I-130 ได้ ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน เช่นเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ความปลอดภัย หรือเกี่ยวกับเป้าหมายของชาติ (เช่น ญาติผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางการทหาร ที่ต้องอพยพตาม เป็นต้น)
C) หลักฐานแสดงภูมิลำเนา(Domicile) บุคคลสัญชาติอเมริกันผู้ยื่นคำร้องนั้นจะต้องมีหลักฐานพิสูจน์ว่ายังไม่ได้ละถิ่นฐานจากประเทศอเมริกา โดยเฉพาะถ้าอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน ต้องมีหลักฐานแสดงภูมิลำเนา (domicile) ที่แสดงถึงความผูกพันธ์และมีเจตนาที่จะกลับมาตั้งถิ่นฐานเดิม
ในประเทศไทยมีสำนักงานของ USCIS ตั้งอยู่ ดังนี้ (ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานทูตอเมริกา)
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ - USCIS Bangkok Field Office (Thailand)
(
http://www.uscis.gov/about-us/find-uscis-office/international-offices/thailand-uscis-bangkok-field-office )
U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS)
Sindhorn Building (อาคารสินธร)
Tower 2, 15th Floor (ตึก2 ชั้น 15)
130-132 Wireless Road (ถนนวิทยุ)
Bangkok 10330, Thailand
Hours of operations: Mon-Fri (8.30-noon)
Phone: 02-205-5352 or 02-205-5382
Email: BKKCIS.Inquiries@uscis.dhs.gov
สถานทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย
The U.S. Embassy in Bangkok
(
http://bangkok.usembassy.gov/ )
95 Wireless Road, Bangkok 10330, Thailand
Phone: 02-105 4110; from the U.S. (703)-665-7349
Email: support-thailand@ustraveldocs.com (สอบถามข้อมูลทั่วไป)
visasbkkiv@state.gov (ติดตามเคส)
สรุปขั้นตอนชาวอเมริกัน ขอวีซ่า/กรีนการ์ดให้คู่สมรส แบบตรง (Direct Consular Filing-DCF) จากไทย
1. คู่สมรสชาวอเมริกันยื่นคำร้อง I-130และเอกสารประกอบ กับ USCIS ที่กรุงเทพ แล้วรอจดหมาย Approval Notice ส่งมาถึงผู้ยื่นคำร้องที่บ้าน 1 ฉบับ (ในวันยื่นคำร้อง จ่ายค่าธรรมเนียม 420$)
2. สถานทูตจะจัดส่งจดหมายแจ้งหมายเลข Case Number 1 ฉบับ จ่าหน้าซองถึงเรา พร้อมทั้งให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคำแนะนำเอกสารในเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาในประเทศไทย ที่จะต้องส่งให้สถานทูตเพื่อเตรียมพร้อมก่อนสัมภาษณ์ (Packet3)
3. ขอหนังสือรับรองความประพฤติ/ รวบรวมเอกสารประกอบที่จะต้องส่งใน Packet 3 แล้วส่งทางไปรษณีย์ไปยังสถานทูต
4. สถานทูตจะแจ้งวันนัดสัมภาษณ์วีซ่า พร้อมคำแนะนำเอกสารที่จะต้องนำมาแสดงในวันสัมภาษณ์ ( Packet4)
5. ขอใบรับรองตรวจสุขภาพ จากโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
6. สัมภาษณ์วีซ่าตามวันและเวลาที่กำหนด (จ่ายค่าธรรมเนียม 325$)
7. ก่อนเดินทางเข้าสหรัฐ จ่ายค่าธรรมเนียมกรีนการ์ด 165$
หมายเหตุ
- ในส่วนแรก เป็นขั้นตอนยื่นคำร้อง I-130 ผ่าน USCIS เราจะไม่ได้ NOA1-Notice of Action Form I-797C (Receipt Notice) จะได้แต่จดหมาย Approval Notice จาก USCIS (1 ฉบับ) ส่งถึงบุคคลสัญชาติอเมริกันผู้ยื่นคำร้อง ซึ่งเปรียบเหมือน NOA-2 = Notice of Action From I-797C (Approval Notice) ในเคสที่ยื่นปกติ (ดังนั้นเมื่อได้จดหมาย Approval Notice แล้วไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่จะได้ NOA1, NOA2 เหมือนคนอื่นๆที่เขายื่นคำร้อง I-130 ผ่าน USCIS ที่อเมริกานะคะ)
- ในส่วนที่ 2 จะเป็นขั้นตอนเกี่ยวกับวีซ่า ซึ่งจะต้องผ่าน สถานทูต (เราไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม AOS fee ก่อนส่งเอกสาร Packet 3 เนื่องจากว่าไม่ได้ผ่าน NVC เหมือนเคสที่ยื่นปกติค่ะ เมื่อได้จดหมายแจ้ง Case Number แล้วสามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์ม DS-260 ได้เลย)- ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายทั้งหมดมี 3 ขั้นตอน รวม 420+325+165 = 910$
ข้อมูลแบบละเอียด สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นขอกรีนการ์ดให้กับคู่สมรส (CR1/IR1) จากประเทศไทยโดยตรง
ขั้นตอนเตรียมการ (ก่อนยื่นคำร้อง)
1. ศีกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องข้องไว้ล่วงหน้า
a. ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ของ USCIS (
http://www.uscis.gov/) หรือ ลิ้งค์เว็บไซต์ของ USCIS-Bangkok Field Office (
http://www.uscis.gov/about-us/find-uscis-office/international-offices/thailand-uscis-bangkok-field-office ) และเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาในไทย US Embassy in Bangkok (
http://bangkok.usembassy.gov) เกี่ยวกับ Immigrant Visa (IV)
b. ศึกษาข้อมูลจากประสบการณ์ของคนอื่นๆ ที่มีการแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ไว้ในอินเตอร์เน็ต
c. อาจจะติดต่อสอบถามรายละเอียดที่สถานกงศุลด้วยตนเอง หรืออาจจะโทร/อีเมล์ไปสอบถาม เกี่ยวกับเอกสารและการยื่นคำร้อง
2. ศึกษาแบบฟอร์มและคำแนะนำการกรอกแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง ในแต่ละขั้นตอน สามารถดูและดาวน์โหลดได้จาก
http://www.uscis.gov/i-130 หรือ
http://www.uscis.gov/forms
3. เตรียมรูปถ่ายตามขนาดที่กำหนด คือ 2x2 นิ้ว (ของผู้ยื่นสัญชาติอเมริกันและของเรา) ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน เช็ค Photo Requirement
http://travel.state.gov/content/passports/en/passports/photos/photos.html นอกจากนี้ก็เตรียมรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 1.5 นิ้ว ของเราไว้ใช้สำหรับขอใบรับรองการตรวจสุขภาพ และเผื่อใช้อื่นๆ

4. เตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ประกอบในการยื่น I-130 เอกสารที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ จะต้องแปลและรับรองคำแปลภาษาอังกฤษด้วย สามารถแปลเองหรือให้บริษัทรับแปลเอกสาร แปลและดำเนินการให้ก็ได้ สำหรับเอกสารราชการภาษาไทยศึกษาตัวอย่างการแปลได้ จากเว็บไซต์ กรมการกงศุล ได้ที่
http://www.consular.go.th/main/th/form/1421 เพื่อความน่าเชื่อถือ บางคนนำเอกสารที่แปลแล้วนั้นไปทำการรับรองคำแปลที่กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศ (ที่แจ้งวัฒนะ) ถ้าเอกสารแปลถูกต้อง จนท.รับรองเอกสารให้เลย/ถ้ามีแปลไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ไปทำการแก้ไขเอกสาร (มีหลายบริษัทที่รับแปลและแก้ไขเอกสารแปลให้ ณ ตรงที่กรมการกงศุล ค่ะ)
a. แบบฟอร์มยื่น USCIS (Bangkok Field Office )ที่เกี่ยวข้องคือ
1. Form I-130 (Petition for Alien Relative) -
http://www.uscis.gov/i-130
2. Form G-1145 (E-Notification of Application/Petition Acceptance) (Optional ไม่บังคับ-จะส่งไม่ส่งก็ได้)
3. Form G-325A (Biographic Information)- 1 ชุด ข้อมูลของเรา(Beneficiary) -
http://www.uscis.gov/g-325a
4. Form G-325A (Biographic Information)- 1 ชุด ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องสัญชาติอเมริกัน(Petitioner)
b. เอกสารประกอบของผู้ยื่นคำร้อง-Petitioner (บุคคลสัญชาติอเมริกัน) และหลักฐานแสดงว่าได้พำนักอยู่ในประเทศไทย
1. สำเนาหนังสือเดินทางสหรัฐ (ที่ยังไม่หมดอายุ)
2. สำเนาใบสูติบัตร/ใบแสดงการได้สัญชาติอเมริกัน
3. สำเนาหนังสือเดินทางที่มีวีซ่าชั่วคราวประเภท Non-Immigrant visa ของไทย มีตราประทับเข้าออกประเทศไทย แสดงระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย
4. หลักฐานอื่นๆ ที่สามารถประกอบได้ว่า อาศัยอยู่ในประเทศไทย เช่น สำเนา-ใบอนุญาติทำงาน/สัญญาจ้างงาน/บัญชีธนาคารไทย/ใบขับขี่ไทย/หลักฐานการลงทะเบียนเรียน/ใบแสดงกรรมสิทธิ์ครอบครองยานพาหนะ/อสังหาริมทรัพย์/สัญญาเช่าบ้าน/บิลค่าสาธารณูปโภค/หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ เป็นต้น
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 รูป (ตามขนาดที่กำหนด)
c. เอกสารประกอบของผู้รับผลประโยชน์-Beneficiary (เอกสารของเรา)
1. สำเนาหนังสือเดินทาง (เฉพาะหน้าแรกที่มีข้อมูล)
2. สำเนาใบสูติบัตร(แปลและรับรองแล้ว)
3. สำเนาเอกสารแสดงการสิ้นสุดการสมรสก่อนหน้า พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล (ใบหย่า-ถ้ามี)
4. สำเนาใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อสกุลเนื่องจากการสมรส พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล (ถ้ามี)
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 รูป (ตามขนาดที่กำหนด)
d. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (Bona fides)
1. สำเนาหลักฐานการสมรส (ใบสำคัญการสมรส/ทะเบียนสมรส) พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล
2. สำเนาเอกสารถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินร่วมกัน/บัญชีธนาคารร่วม/สัญญาเช่าระบุชื่อร่วม เป็นต้น (ถ้ามี)
3. กรณีมีบุตรด้วยกัน
- สำเนาใบสูติบัตรไทย (ของบุตร) พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล
- สำเนาใบแจ้งเกิดต่างประเทศของลูก (ที่ไปแจ้งเกิดที่สถานทูตอเมริกา)
-สำเนาบัตรแสดงเลขประกันสังคมของลูก- สำเนาหนังสือเดินทาง ไทย/สหรัฐ ของลูก (เฉพาะหน้าแรกที่มีข้อมูล)
4. เอกสารอื่นๆที่สามารถแสดงถึงความสัมพันธ์ เช่นรูปถ่ายด้วยกัน เป็นต้น
e. เตรียมสำเนาเอกสารแสดง Domicile พิสูจน์ว่ายังไม่ได้ละถิ่นฐานจากประเทศอเมริกาไปด้วย (เอกสารนี้ปกติแล้วจะต้องส่งไปในขั้นตอนเอกสาร Packet 3 เพื่อประกอบหลักฐานสนับสนุน I-864 Affidavit of Financial Support แต่มีบางคนก็นำสำเนาไปด้วยในวันที่ยื่นคำร้องกับ USCIS-กรณีของเรา แฟนเราเตรียมสำเนาไป เจ้าหน้าที่ก็รับไปค่ะ)
ขั้นตอนดำเนินการส่วนที่ 1 เกี่ยวข้องกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ (USCIS)1. ยื่นคำร้อง I-130 : บุคคลสัญชาติอเมริกัน นำเอกสารที่เตรียมไว้ทั้งหมดข้างบน จาก ข้อ a. –ข้อ e. ไปติดต่อ/ยื่นกับ จนท.ที่ USCIS ที่อาคารสินธร ตามที่อยู่ระบุข้างบน เจ้าหน้าที่จะพิจารณาว่าผู้ยื่นมีคุณสมบัติยื่นแบบ DCF ได้หรือไม่ ถ้ามีคุณสมบัติก็จะตรวจสอบเอกสาร พร้อมทั้งแนะนำว่าข้อมูลที่กรอกไปนั้นควรจะได้รับการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร หรือมีเอกสารใดบ้างที่ควรนำมาเพิ่มเติม เมื่อพิจารณารับคำร้องแล้ว จะให้ผู้ยื่นคำร้องไปชำระค่าธรรมเนียมที่สถานทูตอเมริกา (อยู่ฝั่งตรงข้าม) จำนวน $420 (สามารถชำระด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้) แล้วนำใบเสร็จกลับมาให้ เจ้าหน้าที่ –เจ้าหน้าที่จะรับเอกสารทั้งหมดไป พร้อมบอกให้รอจดหมายแจ้งภายในไม่เกิน 60 วัน (รออีเมล์หรือจดหมาย Approval Notice จากทาง USCIS ส่งถึงผู้ยื่นคำร้อง (ชื่อแฟนเรา) แจ้งว่าคำร้องได้รับการอนุมัติแล้ว และขั้นตอนต่อไปเป็นการติดต่อจากสถานทูตส่งจดหมายถึงเรา(ระบุชื่อเรา) เพื่อแจ้ง Case Number และแจ้งขั้นตอนดำเนินการเกี่ยวกับส่งเอกสาร Packet 3 เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนการสัมภาษณ์วีซ่า)(กรณีของเรา สามีเราไปยื่นคำร้องพร้อมเอกสาร ที่ USCIS ที่กรุงเทพ คนเดียว/เนื่องจากพวกเราอยู่ ตจว. ถ้าจะไปด้วยกันก็จะเพิ่มค่าใช้จ่ายเดินทาง และมีลูกน้อยยิ่งลำบากเดินทาง/เราอีเมล์ไปถาม USCIS ว่าจำเป็นต้องไปด้วยกันไหม จนท.ตอบบอกว่าไม่จำเป็นเพราะแค่อเมริกันมายื่นคำร้องคนเดียวก็พอ แต่ถ้าอยากมาเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้ห้าม
วีซ่าสหรัฐ/กรีนการ์ดสำหรับครอบครัว CR1/IR1, CR2/IR2, IR5 -Family Based Green card: Direct Consular Filing (DCF)
Direct Consular Filing (DCF) เป็นขั้นตอนที่อนุญาตให้บุคคลที่มีสัญชาติอเมริกันสามารถยื่นคำร้อง I-130 (Petition for Alien Relative) เพื่อขอกรีนการ์ด ให้กับญาติลำดับขั้นต้นในครอบครัวได้ในต่างประเทศที่มีสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) และสถานทูตอเมริกัน (US Embassy) ตั้งอยู่ (ซึ่งมีเฉพาะในบางประเทศ) โดยไม่ต้องผ่านศูนย์ USCIS และ NVC ที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้ขั้นตอนทั้งหมดใช้ระยะสั้นกว่าปกติ (ใช้เวลาดำเนินการตั้งแต่ยื่นเรื่องจนได้วีซ่า/กรีนการ์ดประมาณ 4 เดือน) และญาติของผู้ยื่นคำร้อง สามารถเดินทางเข้าสหรัฐได้และจะได้รับกรีนการ์ด(ถือว่าเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในสหรัฐ)
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้อง I-130 (Petition for Alien Relative) -Direct Consular Filing (DCF) /USCIS Bangkok-ThailandA) เป็นบุคคลสัญชาติอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ยื่นคำร้องเพื่อขอวีซ่าถาวร/กรีนการ์ดให้กับ ญาติลำดับขั้นต้น (Immediate Relative) ดังนี้
1. คู่สมรส (CR1/IR1) โดยถ้าสมรสยังไม่ถึง 2 ปีจะเป็นประเภท CR1 ครั้งแรกจะได้กรีนการ์ด 2 ปี/ถ้าสมรสเกิน 2 ปีจะเป็น IR1 จะได้กรีนการ์ดแบบ 10 ปี
2. บุตรผู้เยาว์ของผู้มีสัญชาติ (CR2/IR2) โดยบุตรอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์
3. บิดา มารดา ของผู้มีสัญชาติ (IR5) โดยผู้มีสัญชาตินั้นจะต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
B) บุคคลสัญชาติอเมริกันนั้นต้องมีหลักฐานแสดงว่า พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย (Residing in Thailand) มีหลักฐานประกอบ ไม่ใช่เพียงแค่มาเยี่ยมเยียนชั่วคราว ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีสิทธิ์ยื่น I-130 ได้ ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน เช่นเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ความปลอดภัย หรือเกี่ยวกับเป้าหมายของชาติ (เช่น ญาติผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางการทหาร ที่ต้องอพยพตาม เป็นต้น)
C) หลักฐานแสดงภูมิลำเนา(Domicile) บุคคลสัญชาติอเมริกันผู้ยื่นคำร้องนั้นจะต้องมีหลักฐานพิสูจน์ว่ายังไม่ได้ละถิ่นฐานจากประเทศอเมริกา โดยเฉพาะถ้าอาศัยอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานาน ต้องมีหลักฐานแสดงภูมิลำเนา (domicile) ที่แสดงถึงความผูกพันธ์และมีเจตนาที่จะกลับมาตั้งถิ่นฐานเดิม
ในประเทศไทยมีสำนักงานของ USCIS ตั้งอยู่ ดังนี้ (ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานทูตอเมริกา)
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ - USCIS Bangkok Field Office (Thailand)
( http://www.uscis.gov/about-us/find-uscis-office/international-offices/thailand-uscis-bangkok-field-office )
U.S. Citizenship and Immigration Services (USCIS)
Sindhorn Building (อาคารสินธร)
Tower 2, 15th Floor (ตึก2 ชั้น 15)
130-132 Wireless Road (ถนนวิทยุ)
Bangkok 10330, Thailand
Hours of operations: Mon-Fri (8.30-noon)
Phone: 02-205-5352 or 02-205-5382
Email: BKKCIS.Inquiries@uscis.dhs.gov
สถานทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย
The U.S. Embassy in Bangkok
(http://bangkok.usembassy.gov/ )
95 Wireless Road, Bangkok 10330, Thailand
Phone: 02-105 4110; from the U.S. (703)-665-7349
Email: support-thailand@ustraveldocs.com (สอบถามข้อมูลทั่วไป)
visasbkkiv@state.gov (ติดตามเคส)
สรุปขั้นตอนชาวอเมริกัน ขอวีซ่า/กรีนการ์ดให้คู่สมรส แบบตรง (Direct Consular Filing-DCF) จากไทย
1. คู่สมรสชาวอเมริกันยื่นคำร้อง I-130และเอกสารประกอบ กับ USCIS ที่กรุงเทพ แล้วรอจดหมาย Approval Notice ส่งมาถึงผู้ยื่นคำร้องที่บ้าน 1 ฉบับ (ในวันยื่นคำร้อง จ่ายค่าธรรมเนียม 420$)
2. สถานทูตจะจัดส่งจดหมายแจ้งหมายเลข Case Number 1 ฉบับ จ่าหน้าซองถึงเรา พร้อมทั้งให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มและคำแนะนำเอกสารในเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาในประเทศไทย ที่จะต้องส่งให้สถานทูตเพื่อเตรียมพร้อมก่อนสัมภาษณ์ (Packet3)
3. ขอหนังสือรับรองความประพฤติ/ รวบรวมเอกสารประกอบที่จะต้องส่งใน Packet 3 แล้วส่งทางไปรษณีย์ไปยังสถานทูต
4. สถานทูตจะแจ้งวันนัดสัมภาษณ์วีซ่า พร้อมคำแนะนำเอกสารที่จะต้องนำมาแสดงในวันสัมภาษณ์ ( Packet4)
5. ขอใบรับรองตรวจสุขภาพ จากโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
6. สัมภาษณ์วีซ่าตามวันและเวลาที่กำหนด (จ่ายค่าธรรมเนียม 325$)
7. ก่อนเดินทางเข้าสหรัฐ จ่ายค่าธรรมเนียมกรีนการ์ด 165$
หมายเหตุ
- ในส่วนแรก เป็นขั้นตอนยื่นคำร้อง I-130 ผ่าน USCIS เราจะไม่ได้ NOA1-Notice of Action Form I-797C (Receipt Notice) จะได้แต่จดหมาย Approval Notice จาก USCIS (1 ฉบับ) ส่งถึงบุคคลสัญชาติอเมริกันผู้ยื่นคำร้อง ซึ่งเปรียบเหมือน NOA-2 = Notice of Action From I-797C (Approval Notice) ในเคสที่ยื่นปกติ (ดังนั้นเมื่อได้จดหมาย Approval Notice แล้วไม่ต้องรอว่าเมื่อไหร่จะได้ NOA1, NOA2 เหมือนคนอื่นๆที่เขายื่นคำร้อง I-130 ผ่าน USCIS ที่อเมริกานะคะ)
- ในส่วนที่ 2 จะเป็นขั้นตอนเกี่ยวกับวีซ่า ซึ่งจะต้องผ่าน สถานทูต (เราไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม AOS fee ก่อนส่งเอกสาร Packet 3 เนื่องจากว่าไม่ได้ผ่าน NVC เหมือนเคสที่ยื่นปกติค่ะ เมื่อได้จดหมายแจ้ง Case Number แล้วสามารถเข้าไปกรอกแบบฟอร์ม DS-260 ได้เลย)- ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายทั้งหมดมี 3 ขั้นตอน รวม 420+325+165 = 910$
ข้อมูลแบบละเอียด สำหรับผู้ที่ต้องการยื่นขอกรีนการ์ดให้กับคู่สมรส (CR1/IR1) จากประเทศไทยโดยตรง
ขั้นตอนเตรียมการ (ก่อนยื่นคำร้อง)
1. ศีกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องข้องไว้ล่วงหน้า
a. ศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ของ USCIS (http://www.uscis.gov/) หรือ ลิ้งค์เว็บไซต์ของ USCIS-Bangkok Field Office (http://www.uscis.gov/about-us/find-uscis-office/international-offices/thailand-uscis-bangkok-field-office ) และเว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกาในไทย US Embassy in Bangkok (http://bangkok.usembassy.gov) เกี่ยวกับ Immigrant Visa (IV)
b. ศึกษาข้อมูลจากประสบการณ์ของคนอื่นๆ ที่มีการแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ไว้ในอินเตอร์เน็ต
c. อาจจะติดต่อสอบถามรายละเอียดที่สถานกงศุลด้วยตนเอง หรืออาจจะโทร/อีเมล์ไปสอบถาม เกี่ยวกับเอกสารและการยื่นคำร้อง
2. ศึกษาแบบฟอร์มและคำแนะนำการกรอกแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง ในแต่ละขั้นตอน สามารถดูและดาวน์โหลดได้จาก http://www.uscis.gov/i-130 หรือ http://www.uscis.gov/forms
3. เตรียมรูปถ่ายตามขนาดที่กำหนด คือ 2x2 นิ้ว (ของผู้ยื่นสัญชาติอเมริกันและของเรา) ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน เช็ค Photo Requirement http://travel.state.gov/content/passports/en/passports/photos/photos.html นอกจากนี้ก็เตรียมรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 1.5 นิ้ว ของเราไว้ใช้สำหรับขอใบรับรองการตรวจสุขภาพ และเผื่อใช้อื่นๆ
4. เตรียมเอกสารที่จะต้องใช้ประกอบในการยื่น I-130 เอกสารที่เป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ จะต้องแปลและรับรองคำแปลภาษาอังกฤษด้วย สามารถแปลเองหรือให้บริษัทรับแปลเอกสาร แปลและดำเนินการให้ก็ได้ สำหรับเอกสารราชการภาษาไทยศึกษาตัวอย่างการแปลได้ จากเว็บไซต์ กรมการกงศุล ได้ที่ http://www.consular.go.th/main/th/form/1421 เพื่อความน่าเชื่อถือ บางคนนำเอกสารที่แปลแล้วนั้นไปทำการรับรองคำแปลที่กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศ (ที่แจ้งวัฒนะ) ถ้าเอกสารแปลถูกต้อง จนท.รับรองเอกสารให้เลย/ถ้ามีแปลไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ไปทำการแก้ไขเอกสาร (มีหลายบริษัทที่รับแปลและแก้ไขเอกสารแปลให้ ณ ตรงที่กรมการกงศุล ค่ะ)
a. แบบฟอร์มยื่น USCIS (Bangkok Field Office )ที่เกี่ยวข้องคือ
1. Form I-130 (Petition for Alien Relative) - http://www.uscis.gov/i-130
2. Form G-1145 (E-Notification of Application/Petition Acceptance) (Optional ไม่บังคับ-จะส่งไม่ส่งก็ได้)
3. Form G-325A (Biographic Information)- 1 ชุด ข้อมูลของเรา(Beneficiary) - http://www.uscis.gov/g-325a
4. Form G-325A (Biographic Information)- 1 ชุด ข้อมูลของผู้ยื่นคำร้องสัญชาติอเมริกัน(Petitioner)
b. เอกสารประกอบของผู้ยื่นคำร้อง-Petitioner (บุคคลสัญชาติอเมริกัน) และหลักฐานแสดงว่าได้พำนักอยู่ในประเทศไทย
1. สำเนาหนังสือเดินทางสหรัฐ (ที่ยังไม่หมดอายุ)
2. สำเนาใบสูติบัตร/ใบแสดงการได้สัญชาติอเมริกัน
3. สำเนาหนังสือเดินทางที่มีวีซ่าชั่วคราวประเภท Non-Immigrant visa ของไทย มีตราประทับเข้าออกประเทศไทย แสดงระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย
4. หลักฐานอื่นๆ ที่สามารถประกอบได้ว่า อาศัยอยู่ในประเทศไทย เช่น สำเนา-ใบอนุญาติทำงาน/สัญญาจ้างงาน/บัญชีธนาคารไทย/ใบขับขี่ไทย/หลักฐานการลงทะเบียนเรียน/ใบแสดงกรรมสิทธิ์ครอบครองยานพาหนะ/อสังหาริมทรัพย์/สัญญาเช่าบ้าน/บิลค่าสาธารณูปโภค/หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ เป็นต้น
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 รูป (ตามขนาดที่กำหนด)
c. เอกสารประกอบของผู้รับผลประโยชน์-Beneficiary (เอกสารของเรา)
1. สำเนาหนังสือเดินทาง (เฉพาะหน้าแรกที่มีข้อมูล)
2. สำเนาใบสูติบัตร(แปลและรับรองแล้ว)
3. สำเนาเอกสารแสดงการสิ้นสุดการสมรสก่อนหน้า พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล (ใบหย่า-ถ้ามี)
4. สำเนาใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อสกุลเนื่องจากการสมรส พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล (ถ้ามี)
5. รูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว จำนวน 1 รูป (ตามขนาดที่กำหนด)
d. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (Bona fides)
1. สำเนาหลักฐานการสมรส (ใบสำคัญการสมรส/ทะเบียนสมรส) พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล
2. สำเนาเอกสารถือครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินร่วมกัน/บัญชีธนาคารร่วม/สัญญาเช่าระบุชื่อร่วม เป็นต้น (ถ้ามี)
3. กรณีมีบุตรด้วยกัน
- สำเนาใบสูติบัตรไทย (ของบุตร) พร้อมคำแปลอังกฤษที่ได้รับการรับรองคำแปล
- สำเนาใบแจ้งเกิดต่างประเทศของลูก (ที่ไปแจ้งเกิดที่สถานทูตอเมริกา)
-สำเนาบัตรแสดงเลขประกันสังคมของลูก- สำเนาหนังสือเดินทาง ไทย/สหรัฐ ของลูก (เฉพาะหน้าแรกที่มีข้อมูล)
4. เอกสารอื่นๆที่สามารถแสดงถึงความสัมพันธ์ เช่นรูปถ่ายด้วยกัน เป็นต้น
e. เตรียมสำเนาเอกสารแสดง Domicile พิสูจน์ว่ายังไม่ได้ละถิ่นฐานจากประเทศอเมริกาไปด้วย (เอกสารนี้ปกติแล้วจะต้องส่งไปในขั้นตอนเอกสาร Packet 3 เพื่อประกอบหลักฐานสนับสนุน I-864 Affidavit of Financial Support แต่มีบางคนก็นำสำเนาไปด้วยในวันที่ยื่นคำร้องกับ USCIS-กรณีของเรา แฟนเราเตรียมสำเนาไป เจ้าหน้าที่ก็รับไปค่ะ)
ขั้นตอนดำเนินการส่วนที่ 1 เกี่ยวข้องกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ (USCIS)1. ยื่นคำร้อง I-130 : บุคคลสัญชาติอเมริกัน นำเอกสารที่เตรียมไว้ทั้งหมดข้างบน จาก ข้อ a. –ข้อ e. ไปติดต่อ/ยื่นกับ จนท.ที่ USCIS ที่อาคารสินธร ตามที่อยู่ระบุข้างบน เจ้าหน้าที่จะพิจารณาว่าผู้ยื่นมีคุณสมบัติยื่นแบบ DCF ได้หรือไม่ ถ้ามีคุณสมบัติก็จะตรวจสอบเอกสาร พร้อมทั้งแนะนำว่าข้อมูลที่กรอกไปนั้นควรจะได้รับการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร หรือมีเอกสารใดบ้างที่ควรนำมาเพิ่มเติม เมื่อพิจารณารับคำร้องแล้ว จะให้ผู้ยื่นคำร้องไปชำระค่าธรรมเนียมที่สถานทูตอเมริกา (อยู่ฝั่งตรงข้าม) จำนวน $420 (สามารถชำระด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้) แล้วนำใบเสร็จกลับมาให้ เจ้าหน้าที่ –เจ้าหน้าที่จะรับเอกสารทั้งหมดไป พร้อมบอกให้รอจดหมายแจ้งภายในไม่เกิน 60 วัน (รออีเมล์หรือจดหมาย Approval Notice จากทาง USCIS ส่งถึงผู้ยื่นคำร้อง (ชื่อแฟนเรา) แจ้งว่าคำร้องได้รับการอนุมัติแล้ว และขั้นตอนต่อไปเป็นการติดต่อจากสถานทูตส่งจดหมายถึงเรา(ระบุชื่อเรา) เพื่อแจ้ง Case Number และแจ้งขั้นตอนดำเนินการเกี่ยวกับส่งเอกสาร Packet 3 เพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนการสัมภาษณ์วีซ่า)(กรณีของเรา สามีเราไปยื่นคำร้องพร้อมเอกสาร ที่ USCIS ที่กรุงเทพ คนเดียว/เนื่องจากพวกเราอยู่ ตจว. ถ้าจะไปด้วยกันก็จะเพิ่มค่าใช้จ่ายเดินทาง และมีลูกน้อยยิ่งลำบากเดินทาง/เราอีเมล์ไปถาม USCIS ว่าจำเป็นต้องไปด้วยกันไหม จนท.ตอบบอกว่าไม่จำเป็นเพราะแค่อเมริกันมายื่นคำร้องคนเดียวก็พอ แต่ถ้าอยากมาเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้ห้าม