เรื่องเล่า รั้วเฟื้องฟ้า
สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของพวกเรา เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงที่เราได้เจอ และอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ไม่อยากให้เรื่องราวที่เราได้พบเจอเป็นเพียงแค่ความทรงจำของเรา ฝากติดตามด้วยนะคะ
.
.
.
นี่เป็นอาคารเฉลิมพระเกียรติ หรือพวกเราเรียกว่าตึกแปด เป็นสถานที่ที่พวกเราใช้เรียนหนังสือ โดยใต้ตึกจะมีโต๊ะ วันแรกของการเปิดเทอมในช่วงภาคเรียนที่หนึ่ง สิ่งที่นักเรียนโรงเรียนสุรนารีจะทำคือการตื่นแต่เช้าไปจองโต๊ะ บางคนมาตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนม.ปลาย หนึ่งในนั้นก็มีเราด้วย
เราตื่นมาตั้งแต่ตี 4 อาบน้ำแต่งตัวก็ปาไปตี 5 ข้าวก็ไม่ได้กิน ดันต้องแหกขี้ตาไปจองโต๊ะให้เพื่อนแต่เช้า เรารีบวิ่งเข้าโรงเรียนตั้งแต่ประตูเปิด วิ่งไปในความมืดภายในโรงเรียน และโต๊ะที่พวกเราได้ช่างเป็นทำเลที่ดีแหลือเกิน คือหลังฝ่ายปกครองและข้างห้องน้ำชาย รั้วข้างๆคือโรงเรียนอนุบาล พอไปถึงก็เจอเพื่อนโต๊ะข้างๆ และได้รู้ว่าเพื่อนมาจองให้แล้ว ไม่เข้าใจว่าจะตื่นมาทำไม
โต๊ะเราเอง
นั่งวันแรกมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานั่งกิน นั่งเล่น นั่งทำงานกันกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน สักพักเราก็ได้กลิ่นแปลกๆขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร พอหลายวันกลิ่นเริ่มแรงขึ้น เราก็เริ่มโวยวายสงสัยว่ากลิ่นนี้มันคืออะไร…และเราก็ได้รุ้ว่ามันคือกลิ่นห้องน้ำชายจ้า เพื่อนต่างห้องที่แวะเวียนมานั่งก็ยังสงสัยว่าพวกเราทนนั่งกันมานานได้ไงตั้งสามปี ในใจก็ถามตัวเองว่า นั่นสิ…กูทนได้ไง
ทุกวันจะมีพี่สาวคนสวย เธอคือบุคคลที่พอนักเรียนสุรนารีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์แล้วจะวิ่งหนีหายไปกันหมด เราก็ด้วย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ผิดระเบียบ
ตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่ในรั้วเฟื่องฟ้า ก็สงสัย แม่ใหญ่คือใคร? ทำไมต้องเรียกครูว่าพ่อ แม่? แล้วคณะ 12 คณะคืออะไร?
ตั้งแต่ปฐมนิเทศพวกเราพบเจอเพื่อนมากมาย สมัยนั้นพี่ปีตอนพวกเราอยู่ม.ต้นหน้าตาดีมาก ดังมาก ยิ่งเป็นพวกคณะกรรมการนักเรียนแล้วด้วย โคตรปังอ่ะ ออร่านี่พุ่งเลยอ่ะ พวกเราเองก็เป็นหนึ่งในบรรดา fc ของพี่ๆทั้งหลาย ทั้งพี่แก้มประธานกิจฯมัทรี พี่บิว-พี่เบลแฝดที่หล่อที่สุดในโรงเรียน พี่แจ๋ม พี่น้ำ af12 (สมัยนั้นหล่อ ห้าว เท่ห์) พี่พิมประธานคณะสุระ นี่เป็นแค่การยกตัวอย่างเหล่าบรรดารุ่นพี่ที่หน้าตาดีทั้งหลาย
หลายคนคงสงสัยว่าคณะคืออะไร มันก็คือสี โรงเรียนเรามีทั้งหมด 12 สี (เยอะมาก) ส่วนชื่อของแต่ละสีก็คือชื่อของวีรกษัตรีและนางในวรรณคดี เช่น คณะสาวิตรีสีน้ำตาล (คณะเราเองแหละ) คณะจามเทวีสีแสด คณะสีดาสีบานเย็น อะไรประมาณนี้ คงเป็นโรงเรียนแรกที่มีสีเยอะขนาดนี้ แต่ไม่จำนวนสีก็ไม่น่าตกใจเท่าจำนวนนักเรียนที่มีมากถึง 5000 กว่าชีวิต
ในช่วงการจัดกรีฑาคณะโรงเรียนและเหล่าสภาก็โปรโมตอย่างดิบดี เชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาดู แต่คนนอกห้ามเข้า คือร่ะ… และการจัดแต่ละปีก็โคตรอลังการงานสร้าง ทุกคนเต็มที่กับงานมาก ทุกชั้นมีส่วนร่วมหมด
น้องม.ต้นก็ต้องขึ้นเชียร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นนักกีฬา
ม.4 จัดทำพาเหรอเปิดสนาม
ม.5 ทำทุกอย่าง!
ม.6 เต้นพิธีเปิด-ปิดสนาม
ตอนอยู่ม.1 ก็รู้สึกว่าพี่ม.6

โคตรสบาย ไม่ต้องเรียนซ้อมเต้นอย่างเดียว ส่วนพวกเรานั่งตบขาซ้อมเชียร์เสียงแหบ ไม่ยุติธรรม! แต่พอขึ้นมาม.6 ก็ได้รู้ว่ามันไม่สบายอย่างที่คิด โคตรเหนื่อย ซ้อม

เป็นเดือน กลางแดดดาอะไรดา ร้อนก็ร้อน แฟชั่นกันแดดนี่มาเต็ม บางคนนี่เหมือนมาปล้นโรงเรียน แต่หนักสุดเว้ย คือดันต้องมาซ้อมช่วงสอบตรง ถ้าหยุดอ่านก็เต้นไม่ได้ ถ้ามาซ้อมเต้นก็เสียเวลาอ่าน โคตรปวดหัว โคตรเหนื่อย โคตรเซ็ง และคือซ้อมมาเป็นเดือน

เต้นไม่ถึง 2 นาที เปลี่ยนความคิดเลยว่าทำแบบนี้มันไม่สบายเลยสักนิด
พอได้มาเป็นเด็กม.6 ได้มายืนในจุดๆนี้ จุดที่ว่าเราแกที่สุดในโรงเรียนก็แอบใจหายเหมือนกันว่าจะจบจากรั้วเฟื่องฟ้า อยากจบแต่เราไม่อยากจาก ไม่อยากจากเพื่อน ไม่อยากเรื่องราวต่างๆที่ๆได้เจอมา เพื่อนของเราที่คบกันมาหลายปีสักวันก็ต้องแยกกันไป คงไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย การลอกการบ้านกัน ทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นความทรงจำไป คงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันอีกแล้ว ทุกๆเที่ยงไม่ว่าเพื่อนในกลุ่มคนไหนจะเลิกช้าเลิกเร็ว พวกเราก็จะรอไปกินข้าวพร้อมกัน เดินพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะ
นี่เป็นสวัสดิการหรือโรงอาหาร
ม.5 และ ม.6 จะพักกินข้าวหลังน้อง ไปถึงข้าวก็เริ่มหมดอะไรประมาณ ยิ่งวันไปช้าแทบไม่อะไรเหลือให้กิน แต่บางร้านก็ใจดี ให้ข้าว ให้กับเยอะมาก ไม่ใช่ไร เขาจะเก็บแล้ว แต่ก็ดีนะ เรากินอิ่มดี พอเดินกลับโต๊ะก็จะเจอลุงภารโรงขับรถมาเก็บขยะ พวกเราก็เรียกว่าปะป๊า เราเดินกลับโต๊ะทีไรก็เจอทุกที และกลิ่นนี่ใช่ย่อย โคตรเหม็น 555555 พอกลับโต๊ะก็ดันได้กลิ่นห้องน้ำอีก ดมจนชินอ่ะ นี่ถ้าเป็นมะเร็งจมูกอย่าตกใจ ถถถถถถถถถถถถถถถ
ห้องน้ำชายข้างโต๊ะชายนี่ผู้หญิงเยอะมาก เยอะจนผู้ชายไม่กล้าเข้าอ่ะ และทุกๆเย็นหน้ากระจกห้องน้ำชายจะมีแต่ผู้หญิงยืนส่อง ทาแป้ง เช็ตผม คือกลับบ้านหน้าต้องเต็ม เพื่อนเราก็เป็น มีคนหนึ่งโคตรหวงผมอ่ะ แตะนิดแตะหน่อยมันบ่น กลัวผมเสียทรง ล่ะตอนมันบ่นโคตรขำอ่ะ
สงสัยใช่ป่ะว่าทำไมถึงมีห้องน้ำชาย โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีผู้ชายมาเรียน พวกโครงการพสวท คงเป็นโรงเรียนหญิงล้วนโรงเรียนแรกที่มีผู้ชายมาเรียน แต่เราจะไม่พูดถึงพวกนั้นนะ เพราะเราไม่รู้จัก ทุกเย็นวันจันทร์ กับวันศุกร์ก่อนจะกลับบ้านจะเป็นวันที่ต้องพบครูที่ปรึกษาตามคณะ ส่วนใหญ่แถบโต๊ะของพวกเราจะเป็นเพื่อนๆกันทั้งนั้น ก็จะไม่ค่อยไปเข้ากัน นั่งคุยกัน กลุ่มใหญ่มาก สักพักกระจกหลังฝ่ายก็เปิดออก ครูในฝ่ายเปิดโทรโข่งไล่ เมื่อนั้นแหละจ้า ทั้งแถบวงแตก หายเรียบราวกับไม่เคยมีคนอยู่ เคยครั้งนึงตอนนั้นเราก้ไม่เข้าคณะมันเป้นวันก่อนสอบโอเน็ต เราก็นอนหลับอยุ่โต๊ะ คือง่วงมาก หลับสนิทเลย ตื่นมาอีกทีเพื่อนที่นั่งด้วยกันหาย หันไปเจอครูในฝ่ายยืนอยู่ เพื่อนนี่โคตรรักเลย ไม่ปลุกเลย เรากับเพื่อนบางคนที่กำลังอ่านหนังสือก็โดนให้ไปบำเพ็ญประโยชน์คือกวาดใบไม้ กวาดไปยังไงมันก้หล่นมาอยู่ดี เฮ้อ
ทุกเย็นก็จะมีเด็กมากวาดใบไม้แถวนั้นเยอะไปหมด ถ้าคนภายนอกเห็นคงคิดว่าเด็กสุระเป็นคนมีน้ำใจ ชอบบำเพ็ญประโยชน์ แต่เปล่าเลย พวกนั้นโดนทำโทษ แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเข้าคณะก็เถอะ แต่เราก็รักโรงเรียน รักครูที่ปรึกษานะ (น้องๆไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) ฝ่ายปกครองสุรนารีเป็นห้องที่มีครูจับเด็กเยอะมาก เราเองเมื่อก่อนไม่ว่าถูกหรือผิดระเบียบก็พอเห็นใครสักคนเดินมาจากฝ่ายวิ่งหนีตูดแลบไปแล้ว นึกแล้วก็ขำตัวเองว่าตอนนั้นทำไปได้ยังไง
นี่เป็นหน้าฝ่ายปกครอง
ทุกครั้งที่เราต่อลิฟต์โรงเรียนเนี้ย นักเรียนส่วนใหญ่ก็มันจะยืนกันเป็นกลุ่มก้อน พูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท ยืนไปสักพักครูในฝ่ายก็เดินออกมา…คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แค่ออกมาแค่นั้นแหละทุกนในแถวเหมือนจะรู้รีบขยับเข้าหากันอย่างเป็นระเบียบ แล้วครูก็มาบ่น คนที่โดนก็เป็นพี่ม.6 สิครัช เพราะต้องแบบอย่างให้น้อง นึกตลกดีนะ พิมพ์ไปแบบนี้ก็นึกถึงบรรยากาศตอนนั้นเลย อยากกลับไปเป็นแบบนั้นบ้าง
พิมพ์มาตั้งนานขอจบไว้เพียงแค่นี้ เราจะกลับมาต่อนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
เรื่องเล่า รั้วเฟื้องฟ้า
สวัสดีค่ะ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของพวกเรา เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงที่เราได้เจอ และอยากนำมาเล่าสู่กันฟัง ไม่อยากให้เรื่องราวที่เราได้พบเจอเป็นเพียงแค่ความทรงจำของเรา ฝากติดตามด้วยนะคะ
.
.
.
นี่เป็นอาคารเฉลิมพระเกียรติ หรือพวกเราเรียกว่าตึกแปด เป็นสถานที่ที่พวกเราใช้เรียนหนังสือ โดยใต้ตึกจะมีโต๊ะ วันแรกของการเปิดเทอมในช่วงภาคเรียนที่หนึ่ง สิ่งที่นักเรียนโรงเรียนสุรนารีจะทำคือการตื่นแต่เช้าไปจองโต๊ะ บางคนมาตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนม.ปลาย หนึ่งในนั้นก็มีเราด้วย
เราตื่นมาตั้งแต่ตี 4 อาบน้ำแต่งตัวก็ปาไปตี 5 ข้าวก็ไม่ได้กิน ดันต้องแหกขี้ตาไปจองโต๊ะให้เพื่อนแต่เช้า เรารีบวิ่งเข้าโรงเรียนตั้งแต่ประตูเปิด วิ่งไปในความมืดภายในโรงเรียน และโต๊ะที่พวกเราได้ช่างเป็นทำเลที่ดีแหลือเกิน คือหลังฝ่ายปกครองและข้างห้องน้ำชาย รั้วข้างๆคือโรงเรียนอนุบาล พอไปถึงก็เจอเพื่อนโต๊ะข้างๆ และได้รู้ว่าเพื่อนมาจองให้แล้ว ไม่เข้าใจว่าจะตื่นมาทำไม
โต๊ะเราเอง
นั่งวันแรกมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรานั่งกิน นั่งเล่น นั่งทำงานกันกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน สักพักเราก็ได้กลิ่นแปลกๆขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไร พอหลายวันกลิ่นเริ่มแรงขึ้น เราก็เริ่มโวยวายสงสัยว่ากลิ่นนี้มันคืออะไร…และเราก็ได้รุ้ว่ามันคือกลิ่นห้องน้ำชายจ้า เพื่อนต่างห้องที่แวะเวียนมานั่งก็ยังสงสัยว่าพวกเราทนนั่งกันมานานได้ไงตั้งสามปี ในใจก็ถามตัวเองว่า นั่นสิ…กูทนได้ไง
ทุกวันจะมีพี่สาวคนสวย เธอคือบุคคลที่พอนักเรียนสุรนารีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์แล้วจะวิ่งหนีหายไปกันหมด เราก็ด้วย ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ผิดระเบียบ
ตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่ในรั้วเฟื่องฟ้า ก็สงสัย แม่ใหญ่คือใคร? ทำไมต้องเรียกครูว่าพ่อ แม่? แล้วคณะ 12 คณะคืออะไร?
ตั้งแต่ปฐมนิเทศพวกเราพบเจอเพื่อนมากมาย สมัยนั้นพี่ปีตอนพวกเราอยู่ม.ต้นหน้าตาดีมาก ดังมาก ยิ่งเป็นพวกคณะกรรมการนักเรียนแล้วด้วย โคตรปังอ่ะ ออร่านี่พุ่งเลยอ่ะ พวกเราเองก็เป็นหนึ่งในบรรดา fc ของพี่ๆทั้งหลาย ทั้งพี่แก้มประธานกิจฯมัทรี พี่บิว-พี่เบลแฝดที่หล่อที่สุดในโรงเรียน พี่แจ๋ม พี่น้ำ af12 (สมัยนั้นหล่อ ห้าว เท่ห์) พี่พิมประธานคณะสุระ นี่เป็นแค่การยกตัวอย่างเหล่าบรรดารุ่นพี่ที่หน้าตาดีทั้งหลาย
หลายคนคงสงสัยว่าคณะคืออะไร มันก็คือสี โรงเรียนเรามีทั้งหมด 12 สี (เยอะมาก) ส่วนชื่อของแต่ละสีก็คือชื่อของวีรกษัตรีและนางในวรรณคดี เช่น คณะสาวิตรีสีน้ำตาล (คณะเราเองแหละ) คณะจามเทวีสีแสด คณะสีดาสีบานเย็น อะไรประมาณนี้ คงเป็นโรงเรียนแรกที่มีสีเยอะขนาดนี้ แต่ไม่จำนวนสีก็ไม่น่าตกใจเท่าจำนวนนักเรียนที่มีมากถึง 5000 กว่าชีวิต
ในช่วงการจัดกรีฑาคณะโรงเรียนและเหล่าสภาก็โปรโมตอย่างดิบดี เชิญชวนให้ทุกคนเข้ามาดู แต่คนนอกห้ามเข้า คือร่ะ… และการจัดแต่ละปีก็โคตรอลังการงานสร้าง ทุกคนเต็มที่กับงานมาก ทุกชั้นมีส่วนร่วมหมด
น้องม.ต้นก็ต้องขึ้นเชียร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นนักกีฬา
ม.4 จัดทำพาเหรอเปิดสนาม
ม.5 ทำทุกอย่าง!
ม.6 เต้นพิธีเปิด-ปิดสนาม
ตอนอยู่ม.1 ก็รู้สึกว่าพี่ม.6
พอได้มาเป็นเด็กม.6 ได้มายืนในจุดๆนี้ จุดที่ว่าเราแกที่สุดในโรงเรียนก็แอบใจหายเหมือนกันว่าจะจบจากรั้วเฟื่องฟ้า อยากจบแต่เราไม่อยากจาก ไม่อยากจากเพื่อน ไม่อยากเรื่องราวต่างๆที่ๆได้เจอมา เพื่อนของเราที่คบกันมาหลายปีสักวันก็ต้องแยกกันไป คงไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย การลอกการบ้านกัน ทุกอย่างมันก็จะกลายเป็นความทรงจำไป คงไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันอีกแล้ว ทุกๆเที่ยงไม่ว่าเพื่อนในกลุ่มคนไหนจะเลิกช้าเลิกเร็ว พวกเราก็จะรอไปกินข้าวพร้อมกัน เดินพูดคุยกันด้วยเสียงหัวเราะ
นี่เป็นสวัสดิการหรือโรงอาหาร
ม.5 และ ม.6 จะพักกินข้าวหลังน้อง ไปถึงข้าวก็เริ่มหมดอะไรประมาณ ยิ่งวันไปช้าแทบไม่อะไรเหลือให้กิน แต่บางร้านก็ใจดี ให้ข้าว ให้กับเยอะมาก ไม่ใช่ไร เขาจะเก็บแล้ว แต่ก็ดีนะ เรากินอิ่มดี พอเดินกลับโต๊ะก็จะเจอลุงภารโรงขับรถมาเก็บขยะ พวกเราก็เรียกว่าปะป๊า เราเดินกลับโต๊ะทีไรก็เจอทุกที และกลิ่นนี่ใช่ย่อย โคตรเหม็น 555555 พอกลับโต๊ะก็ดันได้กลิ่นห้องน้ำอีก ดมจนชินอ่ะ นี่ถ้าเป็นมะเร็งจมูกอย่าตกใจ ถถถถถถถถถถถถถถถ
ห้องน้ำชายข้างโต๊ะชายนี่ผู้หญิงเยอะมาก เยอะจนผู้ชายไม่กล้าเข้าอ่ะ และทุกๆเย็นหน้ากระจกห้องน้ำชายจะมีแต่ผู้หญิงยืนส่อง ทาแป้ง เช็ตผม คือกลับบ้านหน้าต้องเต็ม เพื่อนเราก็เป็น มีคนหนึ่งโคตรหวงผมอ่ะ แตะนิดแตะหน่อยมันบ่น กลัวผมเสียทรง ล่ะตอนมันบ่นโคตรขำอ่ะ
สงสัยใช่ป่ะว่าทำไมถึงมีห้องน้ำชาย โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีผู้ชายมาเรียน พวกโครงการพสวท คงเป็นโรงเรียนหญิงล้วนโรงเรียนแรกที่มีผู้ชายมาเรียน แต่เราจะไม่พูดถึงพวกนั้นนะ เพราะเราไม่รู้จัก ทุกเย็นวันจันทร์ กับวันศุกร์ก่อนจะกลับบ้านจะเป็นวันที่ต้องพบครูที่ปรึกษาตามคณะ ส่วนใหญ่แถบโต๊ะของพวกเราจะเป็นเพื่อนๆกันทั้งนั้น ก็จะไม่ค่อยไปเข้ากัน นั่งคุยกัน กลุ่มใหญ่มาก สักพักกระจกหลังฝ่ายก็เปิดออก ครูในฝ่ายเปิดโทรโข่งไล่ เมื่อนั้นแหละจ้า ทั้งแถบวงแตก หายเรียบราวกับไม่เคยมีคนอยู่ เคยครั้งนึงตอนนั้นเราก้ไม่เข้าคณะมันเป้นวันก่อนสอบโอเน็ต เราก็นอนหลับอยุ่โต๊ะ คือง่วงมาก หลับสนิทเลย ตื่นมาอีกทีเพื่อนที่นั่งด้วยกันหาย หันไปเจอครูในฝ่ายยืนอยู่ เพื่อนนี่โคตรรักเลย ไม่ปลุกเลย เรากับเพื่อนบางคนที่กำลังอ่านหนังสือก็โดนให้ไปบำเพ็ญประโยชน์คือกวาดใบไม้ กวาดไปยังไงมันก้หล่นมาอยู่ดี เฮ้อ
ทุกเย็นก็จะมีเด็กมากวาดใบไม้แถวนั้นเยอะไปหมด ถ้าคนภายนอกเห็นคงคิดว่าเด็กสุระเป็นคนมีน้ำใจ ชอบบำเพ็ญประโยชน์ แต่เปล่าเลย พวกนั้นโดนทำโทษ แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเข้าคณะก็เถอะ แต่เราก็รักโรงเรียน รักครูที่ปรึกษานะ (น้องๆไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) ฝ่ายปกครองสุรนารีเป็นห้องที่มีครูจับเด็กเยอะมาก เราเองเมื่อก่อนไม่ว่าถูกหรือผิดระเบียบก็พอเห็นใครสักคนเดินมาจากฝ่ายวิ่งหนีตูดแลบไปแล้ว นึกแล้วก็ขำตัวเองว่าตอนนั้นทำไปได้ยังไง
นี่เป็นหน้าฝ่ายปกครอง
ทุกครั้งที่เราต่อลิฟต์โรงเรียนเนี้ย นักเรียนส่วนใหญ่ก็มันจะยืนกันเป็นกลุ่มก้อน พูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท ยืนไปสักพักครูในฝ่ายก็เดินออกมา…คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แค่ออกมาแค่นั้นแหละทุกนในแถวเหมือนจะรู้รีบขยับเข้าหากันอย่างเป็นระเบียบ แล้วครูก็มาบ่น คนที่โดนก็เป็นพี่ม.6 สิครัช เพราะต้องแบบอย่างให้น้อง นึกตลกดีนะ พิมพ์ไปแบบนี้ก็นึกถึงบรรยากาศตอนนั้นเลย อยากกลับไปเป็นแบบนั้นบ้าง
พิมพ์มาตั้งนานขอจบไว้เพียงแค่นี้ เราจะกลับมาต่อนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน