NIKKO
ก็ขอบอกก่อนนน้าาา ว่าเป็นการรีวิวที่ให้ข้อมูลอะไรไม่ได้มากเพราะ จขกท ก็ไปแบบ งงๆ เหมือนกันค่ะ 5555 แต่อยากให้ทุกคนได้เห็นอีกมุมของนิกโก้ ที่หน้าหนาว ก็สวยไม่แพ้ ฤดูอื่นเช่นกัน (เน้นรูปนั้นเอง 5555555)
เรามาเริ่มกันเลย จขกท. เริ่มเดินทางวันที่17 มกราคม 2559 มาถึงนาริตะ ก็ประมาณ1ทุ่ม รีบตรงไปที่พัก เพื่อพักเอาเเรงลุยกับนิกโก้พรุ่งนี้เช้า ที่พักเราพักกันที่ "เวียร์ อินน์ อะซากุสะ" ซึ่งใกล้กับตึก"MATSUYA" ซึ่งเราจะต้องตื่นเช้าไปซื้อตั๋วเพื่อไปนิกโก้ ให้ทันรอบ8โมง (ตึกเปิด7.45)
เช้าวันที่18 ด้วยความรีบเร่งกลัวไปไม่ทันรถไฟเที่ยว8.10 ไม่มีโอกาสที่จะลีลา หรือแม่กระทั่งเปิดหน้าต่างแต่อย่างใด แต่งตัวเสร็จ ก็รีบเช็คเอาท์ พอได้ออกมาจากโรงแรมเท่านั้นแหละ โอ้วววว!! พระเจ้า ไหนโตเกียวไม่มีหิมะ และอากาศหนาวกว่าที่คิด พายุหิมะถล่มโตเกียวสะแล้ว
อึ้งไป3วิ แล้วเราก็รีบเดินต่อไป เพราะหิมะตกหนักมาก ครั้นจะไปซื้อร่ม ก็กลัวช้า สตรองเดินให้เร็วที่สุด ส่วนมือก็กดชัตเตอร์ต่อไป
วัดอาซะกุสะ หรือ วัดเซนโซจิ (ทางเข้าข้างวัด)
พอมาถึงก็รีบไปซื้อตั๋วทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเรา วันนี้มีพายุหิมะรถไฟอาจดีเลย์ หรือไม่ก็อาจจะหยุดให้บริการ (ทุกอย่างอยู่บนความไม่แน่นอน) แต่เราก็อะๆซื้อไปก่อน ที่พักก็จองไปแล้วด้วยอะไรหลายๆอย่าง ตัดสินใจซื้อค่ะคือยังไงก็ต้องไป
แต่โชคยังเข้าข้างคนสวยๆอย่างเรา 55555555555 รถไฟออกตามเวลา ดีใจสุดซึ้ง! จากนั้นก็ไปซื้อของตุนไว้ระหว่างทาง (ไปนิกโก้ให้ขึ้นเฉพาะตู้หมายเลข5กับ6 เท่านั้นนะคะ) เดินทางประมาณ2ชั่วโมง แต่เนื่องจากวันนี้มีพายุ ใช้เวลา 3ชั่วโมง
หลังจากนั้นเป็นไงไม่มีใครรู้ ภาพตัดค่ะ หลับแบบไม่ลืมหูลืมตา 555555 ตื่นมาอีกทีรถไฟก็จอด เป็นการตัดขบวนที่จะแยกไปนิกโก้ จขกท ก็แอบออกมาชักภาพสักหน่อย อึ้งอีกแล้ว อึ้งเลยย้ง มันสวยมากกกก จะตื่นเต้นอะไรเบอร์นั้น5555555
เลิกอึ้งแล้วขึ้นรถค่ะ นั่งต่อไปได้แปบเดียว ก็ถึงนิกโก้ แล้วววว หิมะยังคงตกหนักเหมือนเดิม แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี คือสิ่งที่ได้เห็นกับตามันสวยงามมาก ถ่ายรูปออกมาก็ไม่ได้อย่างที่ตาเห็น มันขาวไปหมด
เดินออกมานอกสถานี Tobu nikko ก็ยืนทำใจกับสภาพอากาศ กับหิมะที่ตกหนัก (ในใจก็คิดจะไปเที่ยวยังไงวะเนี่ยตกแรงขนาดนี้)
แต่พอเห็นน้องๆ ก็รู้สึกว่าหิมะไม่ใช่ปัญหา 5555555
จากแพลนที่เตรียมไว้ ได้พังลง แล้วไปตามมีตามเกิด 55555 เราไปตั้งหลักกันก่อนโดยเอาของไปเก็บเข้าห้องพัก คืนนี้พักที่ Nikko B&B viva Hotel ใกล้สถานีมากๆ เดินไม่ไกล เสร็จแล้วออกมาหาอะไรกิน
จากร้านอาหาร มองเห็นสถานี้ Tobu Nikko ชัดเจน ณ ตอนนั้นนั่งเปื่อยมาก กินจนอิ่มหิมะก็ยังไม่หยุด เลยคิดว่าต้องไปได้แล้ว ไม่งั้นจะไม่ได้ไปไหน เพราะหน้าหนาว มืดเร็วอีก
จากนั้นก็ไปรอรถ เพื่อไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ (ไปแบบ งงๆ)
ที่แรกที่จะไปคือ น้ำตกเคก้อน เคกอน เคง้อน 55555 ชื่อที่ถูกต้อง จขกท ไม่สามารถออกเสียงได้แต่ละคนก็เรียกไม่เหมือนกัน (Kegon waterfall) นั่งรถมาได้สักพักก็ งงๆละเห้ยๆมันจะถึงยัง ลนลาน ค่ะทีนี้ อันหน้าแน่ๆ ดูหมายเลขที่จะลงก็น่าจะใช่นะ พอลง มาปุ๊บ มีคนตะโกนแล้วพยายามบอกว่า มันปิดน้าาาา!!! แล้วคือตรงนั้นก็ไม่ใช่น้ำตก แต่มันเป็นกระเช้านั่งชมวิว ซึ่งไม่สามารถให้บริการได้เพราะหิมะตกหนักมาก แล้วยังไงหล่ะทีนี้ ณ จุดนั้น มีแค่พวกเรา ทุกอย่างดูว่างเปล่า เคว้งมาก หนาวก็หนาว หิมะก็ตกแรงกว่าเดิมอีก ใช้เวลายืนรอรถเที่ยวต่อไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ระหว่างนั้นก็ถ่ายรูปข้ามเวลาไปค่ะ
พอเห็นรถแล้วเหมือนสวรรค์มาโปรด 55555 นั่งได้ไปแปบนึง ก็ถึง น้ำตกKegon ของแท้ แต่ใจ จขกท. อยู่ที่ทะเลสาบชูเซนจิแล้ว ฮี่ๆ แต่ตอนนี้ไปน้ำตกก่อนเนอะ เดินเท้าต่อไปไม่ไกลจากที่รถจอด ก็จะมีป้ายบอก น้ำตกนี่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มนะคะ ไม่สามารถใช้ All Nikko pass ได้
เดินไปเรื่อยๆจะเจอป้ายบอก
หน้าหนาวอาจไม่มีสีสัน แต่มีสีขาวของหิมะ มันก็สวยไปอีกแบบนะ ในรูปอาจไม่ตะลึงสักเท่าไหร่แต่ของจริงมันดี๊ดี น้ำสีฟ้าสวยมากกกก
เดินออกมา ฟ้าเริ่มเปิด หิมะก็หยุดตก รีบเดินไปทะเลาสาบ
เรามุ่งหน้าไปที่ ทะเลสาบชูเซนจิ เราก็เดินย้อนกลับไปจากทางที่รถมาไม่ไกล เดินไปตามทางเลยค่ะ จะเห็นประตู โทริ สีแดง
พอเดิอนมาถึง จขกท. ตื่นเต้นอีกแล้ว สวยอีกแล้ว ทำไมสวยแบบเน้ๆๆๆๆๆ
พวกเป็ดน้อยได้หยุดพักผ่อน
เดินได้แปบเดียว ฟ้าเริ่มปิด
เห้ยๆๆ เธอเห็นความรักของฉันมั้ย
เดินมารอรถเพื่อกลับไปที่พักกลัวรถหมดมาก เพราะตรงนั้นก็มีแค่เราอีกเช่นกันด้วยสภาพอากาศนี่หนาวเหน็บแบบนี้ คนที่จะเที่ยวก็ไม่ค่อยมี คนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเห็น ร้านค้าก็ปิดเงียบ รู้สึกว่านิกโก้เป็นของเรา 55555 (เวอร์อีกแล้ว) ได้เที่ยวแค่2ที่ 55555
ถ้าเอาจริงๆเป็นอะไรที่ไม่คุ้มเลยสำหรับ all nikko pass แต่เรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึง มันมีค่าทางจิตใจมากกว่า คุ้มตั้งแต่ลงไปถ่ายรูปสถานีที่แยกขบวนแล้ว 5555555 การมานิกโก้ครั้งนี้ ไม่ผิดหวังเลยจริงซึ่งสามารถเดินทางได้ง่ายๆและ ไม่ไกลจากโตเกียว
แต่ตอนเช้า ก็แอบแวะไปสะพานชินเคียว 55555 เพราะว่ามันใกล้สุด
แล้วเจอกันใหม่
[CR] "์NIKKO"ในวันที่พายุหิมะถล่ม
เรามาเริ่มกันเลย จขกท. เริ่มเดินทางวันที่17 มกราคม 2559 มาถึงนาริตะ ก็ประมาณ1ทุ่ม รีบตรงไปที่พัก เพื่อพักเอาเเรงลุยกับนิกโก้พรุ่งนี้เช้า ที่พักเราพักกันที่ "เวียร์ อินน์ อะซากุสะ" ซึ่งใกล้กับตึก"MATSUYA" ซึ่งเราจะต้องตื่นเช้าไปซื้อตั๋วเพื่อไปนิกโก้ ให้ทันรอบ8โมง (ตึกเปิด7.45)
เช้าวันที่18 ด้วยความรีบเร่งกลัวไปไม่ทันรถไฟเที่ยว8.10 ไม่มีโอกาสที่จะลีลา หรือแม่กระทั่งเปิดหน้าต่างแต่อย่างใด แต่งตัวเสร็จ ก็รีบเช็คเอาท์ พอได้ออกมาจากโรงแรมเท่านั้นแหละ โอ้วววว!! พระเจ้า ไหนโตเกียวไม่มีหิมะ และอากาศหนาวกว่าที่คิด พายุหิมะถล่มโตเกียวสะแล้ว
ถ้าเอาจริงๆเป็นอะไรที่ไม่คุ้มเลยสำหรับ all nikko pass แต่เรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึง มันมีค่าทางจิตใจมากกว่า คุ้มตั้งแต่ลงไปถ่ายรูปสถานีที่แยกขบวนแล้ว 5555555 การมานิกโก้ครั้งนี้ ไม่ผิดหวังเลยจริงซึ่งสามารถเดินทางได้ง่ายๆและ ไม่ไกลจากโตเกียว