
ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนนะค่ะ
เมื่อ 24/2/59 ประมาณ 0.30 น.ได้ ที่เกิดเหตุ ม.ต้นเกตุ จ.ประจวบคีรีขันธ์
มีกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งน่าจะเป็นเยาวชน ยกพวกมาก่อเหตุที่บ้านซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถ ที่อู่ติดกับบ้านของพ่อแม่
น่าจะมีกัน 10++ คนได้ ฟังจากน้องชาย และพ่อแม่ที่อยุ่ในเหตุการณ์ ซึ่งเสียขวัญและหวาดกลัว
เนื่องจากที่บ้านเป็นเกษตรกร ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยหาเรื่อง และไม่เคยมีปากเสียงกับใคร

เล่าเลยละกัน เค้ายกพวกกันมา โวยวายทุบทำลายประตูอู่ของน้องชายซึ่งตอนนั้นปิดไปแล้ว
และมีรถกะบะของน้องชายจอดอยู่ที่ข้างอู่ติดกับบ้าน มาถึงก็ทุบกระจกรถรอบคัน ตีไฟท้ายแตก ทุบบ้าน
น้องชายได้ยินเสียง แต่ไม่ได้ออกมา ส่วนน้องสะใภ้กลัวพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านติดกันจะเกิดอันตราย
จึงโทรไปบอก ห้ามออกมาข้างนอก พ่อตื่นมารับโทรศัพท์ ประกอบกับได้ยินเสียงดังนอกบ้านจึงเปิดไฟที่ห้องนอนชั้นล่าง
เมื่อเห็นไฟเปิดกลุ่มวัยรุ่นก็พากันมาทุบกระจกหน้าต่างห้องนอนของพ่อกับแม่แตก แต่เค้าไม่มีอาวุธ และแก่กันมากแล้วก็ไม่ได้ออกจากบ้าน
เมื่อพวกกลุ่มวัยรุ่น ทุบทำลายรถและบ้านจนสาแก่ใจก็ยกพวกกลับกันไป
น้องชายก็แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาดูเหตุการณ์
ตำรวจมาสอบปากคำและถ่ายรูปที่เกิดเหตุ น้องชายก็ได้เล่าให้ฟังว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากช่วง 4 ทุ่ม

มีเด็กจากเทคนิค มาขอฝึกงานที่อู่
ช่วงว่างน้องที่มาฝึกงานก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อขนมกินที่ เซเว่นแถวบ้าน ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นดื่มสุราอยู่แถวนั้น อาจเขม่นที่ขับมอเตอร์ไซค์เสียงดังรึเปล่าอันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ แล้วน้องที่ฝึกงานก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่อู่ จากนั้นพวกนั้นก็ขับรถตามมา
แล้วเข้ามาต่อยน้องฝึกงาน น้องชายเราก็เข้าไปห้าม ก็ถูกลูกหลงเลยต่อยกลับไป ส่วนเด็กฝึกงานถูกลุมเลยหยิบมีดที่วางอยู่แถวนั้นตวัดไปโดนหน้าเด็กคนนึงในกลุ่ม
หลังจากนั้นก็กลับกันไป แล้วก็มาเกิดเรื่องตอนช่วงเที่ยงคืนขึ้น
ซึ่งพ่อเราก็บอกว่าในกลุ่มวัยรุ่นที่ยกมามีอาวุธทั้งมีดยาว ทั้งขวานและอื่นๆ ที่สำคัญมีผู้ใหญ่มาด้วย ไม่ได้มากันแต่เด็กๆ และสำคัญกว่านั้น
คือเป็นกลุ่มคนเบ่งอิทธิพลในท้องที่ แม่ของเด็กที่มามีเรื่องกันตอน 4 ทุ่มพามา
หนักกว่านั้นคือ หลังจากนั้นได้ทราบว่า กลุ่มนี้ได้ยกพวกไปก่อเรื่องที่บ้าน อีก 2 หลัง คือบ้านเด็กที่ฝึกงาน กับน้องที่เคยมาทำงานที่อู่อีกคน
ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง แต่ผ่านหลังเค้าเลิกงานจากที่อื่น แล้วเห็นตอนเกิดเหตุที่อู่ จึงจอดดูอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม แล้วขี่รถกลับบ้านไป กลุ่มอันธพาลก็ขับตามไปเคาะประตูบ้านแล้วฟันเข้าที่หน้า แล้วทำร้ายภรรยาของน้องคนนั้นด้วย
แต่ที่บ้านเราไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร มีแต่ข้าวของเสียหาย
แต่พ่อแม่เรายังตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะรู้สึกเสียใจที่คุ้มครองคนในบ้านไม่ได้
จึงถูกข่มเหงเช่นนี้ และที่บ้านเราก็ไม่มีกล้องวงจรปิด หรืออาวุธอื่นที่จะป้องกันตัว
ถึงจะโทรแจ้งตำรวจตอนที่เกิดเรื่อง แต่กว่าคุณตำรวจจะมา มันก็ไปกันถึงไหนๆแล้ว
ส่วนน้องชาย น้องสะใภ้ กับหลาน 4 ขวบ อยู่ในอู่ที่ต่อเติมเป็นห้องนอน ไม่มีช่องให้ถ่ายรูปพวกมันได้
พ่อกับแม่เราอย่าว่าแต่ถ่ายรูปเลย มือถือทำได้แค่โทรเข้าออก แก่ๆกันแล้ว แถมทุพพลภาพอีก
จะต่อกรอะไรได้ เราเองก็ทำงานต่างจังหวัด กว่าจะรู้เรื่องก็เช้าอีกวัน
เครียด ห่วงมาก งานก็ทิ้งไม่ได้ ได้แต่โทรติดต่อเพื่อนที่อยู่ใกล้ช่วยดูๆให้
กลัวมันจะมาทำร้ายกันอีก
แม้จะรู้ตัวคนทำ แต่ก็มีคนบอกว่า มันทำกันบ่อย ไม่มีใครทำอะไรได้ ไม่พอใจใครก็ทำอย่างนี้
เยาวชน แต่ใหญ่กันมาก แบคเค้าคงดี เราเองก็ไม่เคยคิดว่าที่บ้านจะเจอเรื่องแบบนี้เลย
อิทธิพลมืดแบบนี้ไม่มีใครจัดการเลยเหรอ จะมีใครทำอะไรได้บ้าง
บอกเลย น้องเราเอง ไม่ใช่นักเลง ไม่เคยมีเรื่อง ทำงานเปิดอู่ซ่อมรถกับขายผ้าไปวันๆ
ส่วนพ่อกับแม่ก็ทำไร่ กับเลี้ยงวัวจะไปมีเรื่องอะไรกับใครได้
เราโทรคุยกับพ่อก็สงสารมาก พูดไปเสียงเครือ เจ็บแค้น คนทำมาหากินดีๆ
อันธพาลมาหาเรื่องเช่นนี้ อยากให้มีคนจัดการได้ ถ้ามีทางที่จะทำได้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
เราเองก็เป็นข้าราชการเล็กๆ ที่หากินไปวันๆ ไม่ได้มีเส้นสายอะไร กลัวนานไปเรื่องจะเงียบ
แล้วกลุ่มอันธพาลก็ยังผยองต่อไป แล้วไปก่อเรื่องอยู่เรื่อยๆ รู้สึกแย่มากๆ อยากดูแลและคุ้มครองครอบครัวได้
แต่เราแค่ผู้หญิงคนนึง ถ้าทำอะไรได้มากกว่านี้เราจะทำ
ส่วนอีก 2 บ้านที่โดนเหมือนกันก็ได้แจ้งความเอาเรื่องเหมือนกัน คงต้องรอกันต่อไป ขั้นตอนก้าวหน้าเมื่อไหร่จะมาอัพอีกนะค่ะ

29/2/59 วันนี้ขอมาอัพเดตข้อมูลกันนิดนึงค่ะ หลังเกิดเรื่องวันที่ 5
จากที่เครียดกันมาหลายวัน เล่นเอาผู้สูงอายุความดันขึ้นเลยทีเดียว
และต้องขอบคุณผู้ใหญ่หลายท่าน ที่ให้กำลังใจและเป็นที่ปรึกษา
รวมถึงเพื่อนดีๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความเป็นเพื่อนก็ยังคงช่วยเหลือกันเสมอ
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้คือคุณตำรวจ ที่ช่วยติดตามงานแม้จะยังไม่เรียบร้อยแต่ก็เริ่มเห็นความก้าวหน้า ตามระบบราชการ
เมื่อวานนี้ คือหลังเกิดเรื่องวันที่ 4 มีการเรียกพ่อและน้องชายเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมจากสน. ซึ่งคิดว่าน่าจะคืบหน้าไปในทางที่ถูกต้อง
แต่เข้าใจว่างานราชการอาจมีหลายเรื่องราวต้องรีบจัดการ เรื่องของเราอาจไม่เร่งด่วนนัก
แต่การกำจัดคนที่เบ่งอำนาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ที่ประกอบอาชีพสุจริต เป็นสิ่งที่ควรทำ
และคิดว่าทางเจ้าหน้าที่คง ปฎิบัติงานตามหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นอุทาหรณ์แก่บรรดาผู้มีอำนาจที่ใช้ในทางที่ผิด ให้กลับตัวและอยู่ในสังคมอย่างสงบ อย่าได้ระรานคนอื่นอีกต่อไป
ตั้งใจทำมาหากินเลี้ยงดูพ่อแม่ ที่รักและห่วงเราให้มากที่สุด ไม่ใช่ก่อแต่ความเดือดร้อนให้ท่านต้องทุกข์ใจ



ถ้าช่วยแชร์ก็ขอบคุณมากๆค่ะ เผื่ออะไรๆ จะเร็วขึ้น
ยุคอิทธิพลมืด ประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่หมดเหรอ ควรทำยังไงเมื่อเกิดปัญหา
เมื่อ 24/2/59 ประมาณ 0.30 น.ได้ ที่เกิดเหตุ ม.ต้นเกตุ จ.ประจวบคีรีขันธ์
มีกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งน่าจะเป็นเยาวชน ยกพวกมาก่อเหตุที่บ้านซึ่งเป็นอู่ซ่อมรถ ที่อู่ติดกับบ้านของพ่อแม่
น่าจะมีกัน 10++ คนได้ ฟังจากน้องชาย และพ่อแม่ที่อยุ่ในเหตุการณ์ ซึ่งเสียขวัญและหวาดกลัว
เนื่องจากที่บ้านเป็นเกษตรกร ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่เคยหาเรื่อง และไม่เคยมีปากเสียงกับใคร
และมีรถกะบะของน้องชายจอดอยู่ที่ข้างอู่ติดกับบ้าน มาถึงก็ทุบกระจกรถรอบคัน ตีไฟท้ายแตก ทุบบ้าน
น้องชายได้ยินเสียง แต่ไม่ได้ออกมา ส่วนน้องสะใภ้กลัวพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านติดกันจะเกิดอันตราย
จึงโทรไปบอก ห้ามออกมาข้างนอก พ่อตื่นมารับโทรศัพท์ ประกอบกับได้ยินเสียงดังนอกบ้านจึงเปิดไฟที่ห้องนอนชั้นล่าง
เมื่อเห็นไฟเปิดกลุ่มวัยรุ่นก็พากันมาทุบกระจกหน้าต่างห้องนอนของพ่อกับแม่แตก แต่เค้าไม่มีอาวุธ และแก่กันมากแล้วก็ไม่ได้ออกจากบ้าน
เมื่อพวกกลุ่มวัยรุ่น ทุบทำลายรถและบ้านจนสาแก่ใจก็ยกพวกกลับกันไป
น้องชายก็แจ้งตำรวจท้องที่ให้มาดูเหตุการณ์
ตำรวจมาสอบปากคำและถ่ายรูปที่เกิดเหตุ น้องชายก็ได้เล่าให้ฟังว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากช่วง 4 ทุ่ม
ช่วงว่างน้องที่มาฝึกงานก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปซื้อขนมกินที่ เซเว่นแถวบ้าน ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นดื่มสุราอยู่แถวนั้น อาจเขม่นที่ขับมอเตอร์ไซค์เสียงดังรึเปล่าอันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ แล้วน้องที่ฝึกงานก็ขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่อู่ จากนั้นพวกนั้นก็ขับรถตามมา
แล้วเข้ามาต่อยน้องฝึกงาน น้องชายเราก็เข้าไปห้าม ก็ถูกลูกหลงเลยต่อยกลับไป ส่วนเด็กฝึกงานถูกลุมเลยหยิบมีดที่วางอยู่แถวนั้นตวัดไปโดนหน้าเด็กคนนึงในกลุ่ม
หลังจากนั้นก็กลับกันไป แล้วก็มาเกิดเรื่องตอนช่วงเที่ยงคืนขึ้น
ซึ่งพ่อเราก็บอกว่าในกลุ่มวัยรุ่นที่ยกมามีอาวุธทั้งมีดยาว ทั้งขวานและอื่นๆ ที่สำคัญมีผู้ใหญ่มาด้วย ไม่ได้มากันแต่เด็กๆ และสำคัญกว่านั้น
คือเป็นกลุ่มคนเบ่งอิทธิพลในท้องที่ แม่ของเด็กที่มามีเรื่องกันตอน 4 ทุ่มพามา
หนักกว่านั้นคือ หลังจากนั้นได้ทราบว่า กลุ่มนี้ได้ยกพวกไปก่อเรื่องที่บ้าน อีก 2 หลัง คือบ้านเด็กที่ฝึกงาน กับน้องที่เคยมาทำงานที่อู่อีกคน
ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง แต่ผ่านหลังเค้าเลิกงานจากที่อื่น แล้วเห็นตอนเกิดเหตุที่อู่ จึงจอดดูอยู่ที่ถนนฝั่งตรงข้าม แล้วขี่รถกลับบ้านไป กลุ่มอันธพาลก็ขับตามไปเคาะประตูบ้านแล้วฟันเข้าที่หน้า แล้วทำร้ายภรรยาของน้องคนนั้นด้วย
แต่ที่บ้านเราไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร มีแต่ข้าวของเสียหาย
แต่พ่อแม่เรายังตกใจ และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะรู้สึกเสียใจที่คุ้มครองคนในบ้านไม่ได้
จึงถูกข่มเหงเช่นนี้ และที่บ้านเราก็ไม่มีกล้องวงจรปิด หรืออาวุธอื่นที่จะป้องกันตัว
ถึงจะโทรแจ้งตำรวจตอนที่เกิดเรื่อง แต่กว่าคุณตำรวจจะมา มันก็ไปกันถึงไหนๆแล้ว
ส่วนน้องชาย น้องสะใภ้ กับหลาน 4 ขวบ อยู่ในอู่ที่ต่อเติมเป็นห้องนอน ไม่มีช่องให้ถ่ายรูปพวกมันได้
พ่อกับแม่เราอย่าว่าแต่ถ่ายรูปเลย มือถือทำได้แค่โทรเข้าออก แก่ๆกันแล้ว แถมทุพพลภาพอีก
จะต่อกรอะไรได้ เราเองก็ทำงานต่างจังหวัด กว่าจะรู้เรื่องก็เช้าอีกวัน
เครียด ห่วงมาก งานก็ทิ้งไม่ได้ ได้แต่โทรติดต่อเพื่อนที่อยู่ใกล้ช่วยดูๆให้
กลัวมันจะมาทำร้ายกันอีก
แม้จะรู้ตัวคนทำ แต่ก็มีคนบอกว่า มันทำกันบ่อย ไม่มีใครทำอะไรได้ ไม่พอใจใครก็ทำอย่างนี้
เยาวชน แต่ใหญ่กันมาก แบคเค้าคงดี เราเองก็ไม่เคยคิดว่าที่บ้านจะเจอเรื่องแบบนี้เลย
อิทธิพลมืดแบบนี้ไม่มีใครจัดการเลยเหรอ จะมีใครทำอะไรได้บ้าง
บอกเลย น้องเราเอง ไม่ใช่นักเลง ไม่เคยมีเรื่อง ทำงานเปิดอู่ซ่อมรถกับขายผ้าไปวันๆ
ส่วนพ่อกับแม่ก็ทำไร่ กับเลี้ยงวัวจะไปมีเรื่องอะไรกับใครได้
เราโทรคุยกับพ่อก็สงสารมาก พูดไปเสียงเครือ เจ็บแค้น คนทำมาหากินดีๆ
อันธพาลมาหาเรื่องเช่นนี้ อยากให้มีคนจัดการได้ ถ้ามีทางที่จะทำได้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
เราเองก็เป็นข้าราชการเล็กๆ ที่หากินไปวันๆ ไม่ได้มีเส้นสายอะไร กลัวนานไปเรื่องจะเงียบ
แล้วกลุ่มอันธพาลก็ยังผยองต่อไป แล้วไปก่อเรื่องอยู่เรื่อยๆ รู้สึกแย่มากๆ อยากดูแลและคุ้มครองครอบครัวได้
แต่เราแค่ผู้หญิงคนนึง ถ้าทำอะไรได้มากกว่านี้เราจะทำ
ส่วนอีก 2 บ้านที่โดนเหมือนกันก็ได้แจ้งความเอาเรื่องเหมือนกัน คงต้องรอกันต่อไป ขั้นตอนก้าวหน้าเมื่อไหร่จะมาอัพอีกนะค่ะ
จากที่เครียดกันมาหลายวัน เล่นเอาผู้สูงอายุความดันขึ้นเลยทีเดียว
และต้องขอบคุณผู้ใหญ่หลายท่าน ที่ให้กำลังใจและเป็นที่ปรึกษา
รวมถึงเพื่อนดีๆ แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความเป็นเพื่อนก็ยังคงช่วยเหลือกันเสมอ
อีกส่วนที่ขาดไม่ได้คือคุณตำรวจ ที่ช่วยติดตามงานแม้จะยังไม่เรียบร้อยแต่ก็เริ่มเห็นความก้าวหน้า ตามระบบราชการ
เมื่อวานนี้ คือหลังเกิดเรื่องวันที่ 4 มีการเรียกพ่อและน้องชายเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมจากสน. ซึ่งคิดว่าน่าจะคืบหน้าไปในทางที่ถูกต้อง
แต่เข้าใจว่างานราชการอาจมีหลายเรื่องราวต้องรีบจัดการ เรื่องของเราอาจไม่เร่งด่วนนัก
แต่การกำจัดคนที่เบ่งอำนาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ที่ประกอบอาชีพสุจริต เป็นสิ่งที่ควรทำ
และคิดว่าทางเจ้าหน้าที่คง ปฎิบัติงานตามหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
ตั้งใจทำมาหากินเลี้ยงดูพ่อแม่ ที่รักและห่วงเราให้มากที่สุด ไม่ใช่ก่อแต่ความเดือดร้อนให้ท่านต้องทุกข์ใจ
ถ้าช่วยแชร์ก็ขอบคุณมากๆค่ะ เผื่ออะไรๆ จะเร็วขึ้น