นักวิชาการป.ธ.9 ต้านประชาพิจารณ์ ตั้งสังฆราช ชี้ ไม่เหมาะสม

ตามที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้เชิญคณะนักวิชาเปรียญธรรม(ป.ธ.) 9 ประโยค มาหารือถึงแนวทางปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา รวมถึงหาทางออกปัญหาการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20  นั้น วันนี้ (24 ก.พ.) ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ นักวิชาการเปรียญธรรม(ป.ธ.) 9 ประโยค กล่าวว่า คณะนักวิชาการป.ธ.9  ยืนยันกับรัฐบาลว่า การปฏิรูปคณะสงฆ์ต้องทำตามพระธรรมวินัย กฎหมาย และจารีต ส่วนกรณีการทูลเกล้าฯรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น  ต้องเป็นไปตามจารีตประเพณีที่มีอยู่ ต้องเคารพมติมหาเถรสมาคม(มส.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์  หากจะท้วงติงอะไรก็ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร    

เมื่อถามว่า มีกระแสว่ารัฐบาลและบางกลุ่ม ต้องการให้ประชาพิจารณ์เรื่องนี้ ผศ.ร.ท.ดร.บรรจบ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ถ้าหากจะทำประชาพิจารณ์ หรือประชามติลงคะแนนเสียงเรื่องตั้งสมเด็จพระสังฆราช เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติ จะทำให้เกิดปัญหา และส่วนตัวเชื่อว่า หากรัฐบาลทำประชาพิจารณ์หรือประชามติ เสียงผู้สนับสนุนสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็น สมเด็จพระสังฆราช ต้องชนะแน่นอน แต่ไม่อยากให้ใช้วิธีนี้

นายรักสยาม นามานุภาพ นายกสมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค กล่าวว่า การทำประชาพิจารณ์การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตราย ทำไม่ได้ ถ้านำเรื่องของพระศีล 227 ไปให้คนศีล 5 ตัดสิน สังคมจะพินาศ แต่หากจะทำจริง ๆ ก็ขอแค่เสียงพระสงฆ์เท่านั้น ทั้งนี้ดูเหมือนว่า เมื่อคณะนักวิชาการป.ธ.9 พูดอะไรออกไป ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็จะไม่ชอบ เพราะคณะนักวิชาการป.ธ.9 พูดความจริง คู่ขัดแย้งจะไม่ชอบ

ด้านพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องการทำประชาพิจารณ์ หรือประชามติเกี่ยวกับคณะสงฆ์ในขณะนี้  มีการพูดถึงมากขึ้น  ถ้าจะนำมาใช้กับการตั้งสมเด็จพระสังฆราช ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นตำแหน่งสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย  และไม่มีประเทศใด ศาสนาใดในโลกทำกัน อย่างไรก็ตามช่วงหลังจะเห็นว่า ข้อเสนอใด ๆ ของรัฐบาลที่มีต่อคณะสงฆ์ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อเสนอที่ไม่ให้เกียรติคณะสงฆ์แทบทั้งสิ้น

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวด้วยว่า จากกรณีที่พระสงฆ์ส่วนใหญ่แสดงเจตจำนงมาจำนวนมากว่า หากตำรวจมีหมายเรียกมาวันไหนจะไปรวมตัวกันที่ สภ.พุทธมณฑล เพื่อให้ดำเนินคดีด้วยกัน นั้น มีบางคน บางท่าน กล่าวหาว่าเป็นการ ข่มขู่ ปลุกระดม และในต่างจังหวัดพบว่าพระหลายวัดที่ไปเจริญพระพุทธมนต์จะมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปประกบสอบถามถึงวัด ว่า ได้ไปร่วมชุมนุมไหม และได้นำพาพระเณรไปร่วมด้วยหรือไม่  ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้พระถูกคุกคามในหลายรูปแบบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายท้องที่ก็เริ่มทยอยออกหมายเรียก เป็นรายคน ที่ผ่านมาคณะสงฆ์เดินตามกรอบ ตามระเบียบแบบแผน ตามกฎหมายบ้านเมืองทุกประการ แต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหา ถูกมองด้วยอคติ มองว่าเป็นนักเลงท้าทายอำนาจรัฐ วันนี้เราไม่ได้รับความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย จึงต้องแสวงหาความเป็นธรรมในบ้านเมืองนี้ต่อไป แม้จะริบหรี่เต็มทีก็ตาม

ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวว่า  สนพ.และองค์กรเครือข่ายกำลังรวบรวมข้อมูลของกลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วง ดูหมิ่น คณะสงฆ์  มส.และสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เพื่อดูว่ามีการกระทำใดบ้างที่เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คณะ สงฆ์ พ.ศ.2505 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.2535  โดยทางสนพ.จะศึกษาอย่างละเอียดว่า การกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหรือไม่ และ สนพ.จะสามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้หรือไม่

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่วัดราชบุรณะ อ.หลังสวน จ.ชุมพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตถวายผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธีพระราชทานสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนใต้ โดยมีพระสงฆ์เข้าร่วมพิธี 200 รูป ภายหลังเสร็จพิธี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวให้โอวาทว่า พระสังฆาธิการที่ได้รับพระราชทานเลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ เป็นเพราะความดีที่ท่านได้ทำแก่พระ ศาสนาและประเทศชาติ ดังนั้นจงทำความดีต่อไป เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมรักษาศีลาจารวัตร ให้เป็นที่ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน รวมทั้งช่วยกันส่งเสริมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 สู่การปฏิบัติของประชาชน ให้สังคมมีศีล มีสุข สร้างความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ ตามนโยบายของรัฐบาลด้วย

ืที่มา http://www.dailynews.co.th/education/381777
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่