มนุษย์ยุง

กระทู้สนทนา
============
มนุษย์ยุง
============
Psycho G.


             จิตแพทย์วัยกลางคนตบฝ่ามือเข้าบริเวณต้นคอตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ยุงตัวหนึ่งบินวนอยู่รอบศีรษะ มันก็ไม่แปลกอะไรเพราะไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ถูกยุงกัดและมีโอกาสตบสั่งสอนมันได้  บันทึกของคนป่วยทางจิตข้างหน้า เป็นของคนบ้าผู้พยายามบุกเข้าไปในห้องส่งวิทยุกระจายเสียงของสถานีวิทยุแห่งหนึ่งพร้อมด้วยเทป และแผ่นซีดี พอเปิดดูพบว่าเต็มไปด้วยสัญญาณเสียงความถี่แปลกประหลาดไม่รู้เรื่อง  ดีว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจับตัวไว้ได้ก่อนจะก่อความวุ่นวายไปมากกว่านั้น

             และหลังการสอบเครียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาก็จัดการส่งหนุ่มสติแตกคนนั้นมายังสถาบันวิเคราะห์โรคทางจิต

             เสียงหึ่งๆ ดังข้างหู จิตแพทย์ไม่สนใจ เริ่มเปิดบันทึกในมือและอ่านอย่างช้าๆ




             หลังจากพยายามทำให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “ยุง” เข้ามาอยู่กึ่งตรงในพิกัดตำแหน่งพอดีทั้งมุมและระยะทาง ผมก็จัดการประกบฝ่ามือเช้าหากันโดยแรงราวกับเป็นฝ่ามือประกบดาบของซามูไรด้วยความเร็วสุดชีวิต  หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าพอพลิกฝ่ามือดู จะเห็นเจ้าตัวร้ายร่างแหลกเหลวเลอะเลือน แขนขาตับไตไส้พุงกระจัดกระจายบนคราบเลือดแดงฉานให้หัวเราะใส่หน้ามันอย่างสาสม

             แต่เมื่อพลิกฝ่ามือขึ้นมาดู ผมก็แผดร้องคร่ำครวญหวนไห้ในใจอย่างสิ้นหวัง  

             ฝ่ามือทั้งสองข้างสะอาดหมดจรดราวมือผู้ดี ไม่มีร่องรอยคราบสังขารของเจ้าตัวร้าย

             เสียงของมันดังวิ๊งๆอยู่ข้างหูด้านขวา ผมตบเปรี้ยงไปยังตำแหน่งนั้นเต็มแรง แต่กลายเป็นว่าผมถูกตบด้วยฝ่ามือตัวเองจนหัวทิ่มลงมาจากเตียง  ดูเหมือนมันจะส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยมาจากมุมมืดที่ไหนสักแห่ง

             ด้วยตาพร่าพราย ภาพนาฬิกาข้างผนังยังพอมองเห็นว่ามันเป็นเวลาตีสี่แล้ว หกชั่วโมงเป็นอย่างน้อยกับการต้องมานั่งทำสงครามกับไอ้พวกตัวร้ายอย่างไม่ได้หลับไม่ได้นอน พวกมันต้องการให้ผมประสาทเสียหรือไม่ก็ให้อดนอนจนบ้าตายทั้งเป็น

             หลายวันมาผ่านมาพวกมันโจมตี และเล่นสงครามทางจิตวิทยาแบบชนิดไม่เลิกรา พวกยุงนรกต้องการปิดปากผมเนื่องจากว่าบังเอิญไปรู้ความลับของพวกมันเข้า เพียงแต่มันเหมือนยังต้องการเล่นสงครามประสาทกับผมเหมือนหนูหยอกแมวให้สาสมใจก่อนเท่านั้น

             ผู้คนทั่วไปนึกว่ายุงเป็นเพียงแมลงเล็กๆ ธรรมดาชนิดหนึ่งไม่มีความฉลาดรอบรู้ แต่ความจริงแล้วพวกมันเป็นอะไรมากกว่าที่ผู้คนคิด อาจเป็นเพราะคนเราไม่สนใจและพวกมันปกปิดถึงแผนร้ายของพวกมันได้ดี มนุษยชาติจึงไม่ตระหนักถึงภัยร้ายแรงที่กำลังคืบคลานเข้ามาในอนาคตอันใกล้นี้เลยสักนิด

             พฤติกรรมดูดเลือดของมันไม่ต่างจากพวกแวมไพร์เลย  แต่ทำไมคนมองข้ามไปก็ไม่รู้  พวกยุงความจริงเป็นผีดูดเลือดชนิดหนึ่ง ดังนั้นกลางวันมักจะหลบแสงแดด อาจยกเว้นบางพวกที่มีภูมิคุ้มกันแสงได้บ้างก็ออกล่าเหยื่อตอนกลางวันพร้อมด้วยเชื้อร้ายน่าสะพรึงกลัว

             พวกมันมีแผนการจะครองโลก

             คุณฟังไม่ผิดหรอก และผมก็ไม่ได้บ้า พวกมันปล่อยให้มนุษย์ครองโลกมานานแล้ว  หลังการเตรียมการณ์มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี พวกมันก็เข้มแข็งพอจะเริ่มปฏิบัติการจู่โจมชาวโลกและเป็นจ้าวแห่งปฐพีนี้แทน

             และผมเป็นคนแรกที่รู้ถึงแผนนั้น และแน่นอนว่าจะต้องถูกปิดปาก

             ผมศึกษาเรื่องของพวกมันมานานแล้ว ศึกษาถึงความถี่ของการกระพือปีกน้อยๆของพวกมัน ศึกษาถึงรูปแบบของการบินในอากาศ ศึกษาถึงพฤติกรรมของพวกมันทุกอย่างในการทำวิทยานิพนธ์เพื่อให้ผ่านการเรียนไปโดยไม่มีปัญหา และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมบังเอิญไปอ่านสัญญาณที่พวกมันใช้ติดต่อกัน  ผมสามารถอ่านรูปแบบการเคลื่อนไหว การบิน เสียงบินของพวกมัน และแปลออกมาราวกับเป็นคำพูดของคนเราทั่วไปได้

             ความจริงคนเราน่าจะตระหนักถึงความร้ายกาจเจ้าเล่ห์ของพวกมันกว่านี้

             ถ้าคุณเดินจะเข้าประตูบ้าน ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าพวกมันมักจะบินนำหน้าไปก่อน และไปรออยู่ตรงประตูก่อนหน้าเราเสียด้วยซ้ำ ถ้าเรานอนหันไปทางขวาพวกมันจะบินมากัดทางด้านซ้าย ถ้าคุณเตรียมพร้อมจะเล่นงานมัน มันจะบินเยาะเย้ยคุณอยู่สูงชิดเพดาน และตรงเข้ามาดูดเลือดเราในมุมและตำแหน่งอันยากต่อการตบ

             ขณะมันกำลังเกาะหลังมือคุณ ดูดเลือดจนตัวโป่ง เมื่อคุณค่อยพลิกหลังมือมาดู  มันยังคงเกาะอยู่อย่างเย้ยหยัน แต่เมื่อคุณเงื้อมืออีกข้างหนึ่งตบ มันจะหลบหายไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอย แต่พอดับไฟ มันจะบินกวนประสาทคุณอยู่ข้างหูและทันทีเมื่อคุณลุกขึ้นเปิดไฟ มันจะหลบหายไปราวเป็นภูตผีปีศาจ

             พวกมันกำลังเริ่มแผนการของพวกมันแล้ว ผมต้องหยุดพวกมันให้ได้ โดยใช้คลื่นความถี่พิเศษที่คิดค้นขึ้นมา

             หลังจากคืนแห่งความเลวร้ายผ่านไปโดยไม่มีการหลับนอน ผมจัดเตรียมอุปกรณ์บางอย่างและออกเดินทางในสภาพคนอดหลับอดนอน แต่ไม่มีเวลาในการเสียเวลาให้มากไปกว่านี้แล้ว



             คนไข้วัยหนุ่มคนนั้นดูสงบและเต็มไปด้วยความฉลาดเกินกว่าจะเป็นคนไข้โรคจิต ขณะจิตแพทย์เข้าไปพบเป็นการส่วนตัวในห้อง


             “ผมอ่านบันทึกของคุณแล้ว”

             คุณหมอเริ่มต้นพูดขึ้นก่อน ในขณะคนไข้นั่งนิ่งเงียบอยู่บนเตียงอย่างดูทีท่า

             “และคิดว่ามันน่าสนใจมากทีเดียว ยุงกำลังจะโจมตีพวกมนุษย์ ซึ่งไม่ว่าพวกมันจะมีเหตุใดประการใดก็ตาม และการที่คุณพยายามบุกไปยังสถานีวิทยุก็เพื่อเข้าไปปรับคลื่นความถี่ของสถานีในการจัดการกับพวกยุงใช่ไหม”

             “คุณหมอก็ฉลาดดีนี่”  

             คนไข้ทางจิตตอบเสียงเนือยๆ ไม่ยินดียินร้าย

             “ผมพยายามเต็มที่แล้ว แต่ไม่ใครเชื่อผม หาว่าผมบ้า แล้วคุณคอยดูผลร้ายจะเกิดตามมาก็แล้วกัน”

             “ผมเชื่อคุณ”    คุณหมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจ

             “ผมอยากทราบว่าต้นแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าพิเศษที่มีในม้วนเทปและซีดีนั่นอยู่ที่ไหน มันน่าสนใจมาก ผมคิดว่าบางทีเราอาจจะนำมันมาทดลองใช้ดูในห้องเล็กๆก่อนเพื่อพิสูจน์ถึงความเป็นไปได้ คุณเล่นบุกไปดื้อๆ แบบนั้นใครจะเชื่อคุณล่ะ แม้แต่งานวิจัยของคุณก็ยังไม่ผ่าน มันแย่จริงๆ”

             “ต้นแบบมันหายไปแล้ว พวกมันทำลายจนหมดสิ้น ไอ้พวกยุงนรกนั่น”

             “แย่จริงๆ นะ แบบนี้ก็ไม่มีโอกาสศึกษาค้นคว้าต่อแล้ว”

             “คุณหมอไม่ต้องมาทำเป็นเชื่อหรอก ผมรู้ว่าหมอไม่เชื่อที่ผมพูด เหมือนพวกตำรวจนั่น พวกเขาไม่พยายามเข้าใจหรือเปิดใจกว้างเลย อะไรๆก็หาว่าคนอื่นบ้าประสาท พวกเขาและคนทั้งโลกต้องเสียใจภายหลัง”

             “เชื่อสิ ผมเชื่อคุณมากเลยล่ะ”

             จิตแพทย์พูดด้วยเสียงราบเรียบขณะปากค่อยๆแสยะยิ้มและกว้างออกจนสุดล้าผิดธรรมชาติท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของคนไข้  และในทันใดนั้นกลุ่มยุงจำนวนมหาศาลพลันพุ่งทะลักออกมาจากทางปาก จมูก นัยน์ตา และทางหู อย่างไม่ขาดสายราวสายน้ำทะลักจากเขื่อนซึ่งพังทลาย จนดำมืดไปหมดทั้งห้อง  ยุงจำนวนมากมายมหาศาลพวกนั้นดูท่าทางเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและมีความประสงค์อย่างแรงกล้าในการกำจัดผู้รู้ความลับของพวกมันในการเข้ายึดครองโลก

             แล้วหมอกสีเลือดพลันกระจายเต็มห้องนั้นเมื่อสิ้นสุดเสียงร้องโหยหวน เหลือเพียงและเสียงหึ่งๆอื้ออึงของพวกยุงมรณะอย่างยินดีปรีดาและอิ่มเอม



             อากาศช่วงเย็นร้อนและอบอ้าว นักศึกษาหนุ่มผู้กำลังเดินทางกลับบ้านคลำดูในกระเป๋ากางเกงอย่างให้แน่ใจว่าม้วนเทปและบันทึกฉบับเล็กๆของเพื่อนร่วมงานวิจัยยังอยู่ ไม่ตกหล่นไปไหน เสียดายว่าต่อไปนี้เขาต้องทำงานวิจัยเพียงลำพังแล้ว เพราะเพื่อนร่วมงานโดนจับฐานบุกรุกเข้าไปในสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง

             แต่เขาต้องสานต่องานให้สำเร็จ ต้องแก้ไขบางอย่าง ทำให้สังคมยอมรับให้ได้ และงานวิจัยต้องผ่าน

             ไฟฟ้าตามอาคารบ้านเรือนเริ่มเปิดขับไล่ความมืด  ผู้คนแต่ละคนซึ่งยืนหรือเดินอยู่ตามท้องถนนมีฝูงยุงฝูงใหญ่เกาะกลุ่มกันบินวนเป็นก้อนมืดดำเหนือศีรษะดูน่ากลัวและสยดสยอง  ผู้คนเหล่านั้นไม่รู้ตัวเองแม้แต่น้อยว่ากำลังถูกหมายหัว   คงคิดว่าเป็นธรรมชาติของยุงที่ทำเช่นนั้นเหมือนอาจไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำไป

             นักศึกษาหนุ่มคล้ายได้ยินเสียงฟ้าร้องสะเทือนเลื่อนลั่นมาแต่ไกลจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่ตั้งใจ เมฆฝนตั้งเค้ามืดทะมึนมาแล้ว อีกไม่นานคงโปรยปรายสายฝนลงมาให้น้ำขังตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งหลายแห่งเหมาะเหลือเกินกับการเพาะพันธุ์ยุง  เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นให้กลับถึงบ้านก่อนจะมืดสนิท

             แต่ถ้าเขาสังเกตดูจะพบว่าเมฆก้อนหนึ่งลอยทวนกระแสลม และมันกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเขาอย่างช้าๆแต่เต็มไปด้วยพลานุภาพแห่งการมุ่งร้ายหมายขวัญ

             เขาไม่ทันสังเกตคนหลายคนยืนนิ่งอยู่ตามข้างถนนหนทางเพราะความรีบร้อน จึงไม่ทันเห็นคนเหล่านั้นบางครั้งพากันแหงนหน้าอ้าปากกว้าง มีกลุ่มก้อนของบรรดาฝูงยุงพวยพุ่งเป็นลำออกมาจากปากและจมูกอย่างสยดสยอง

             
              ยุงเต็มไปหมด มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันพร้อมแล้ว









จบแล้วครับ
ขอบคุณทุกท่านที่มาเยือนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่