
สุมาตราเหนือ - ธรรมชาติสวยงามและยิ่งใหญ่ในระยะไม่ไกลเกินเอื้อม
บินจากดอนเมืองเพียงแค่ 2 ชม. ได้เห็นภูเขาไฟสองลูก น้ำตกสองสีที่มีสีสันแปลกตาเหมือนหลุดออกมาจากหนังเรื่องอวตาร และยังมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกาะสุมาตราเหนือที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยนี่นะ แล้วจะรออะไรกันอีกล่ะ จองตั๋วไปเมดาน(Medan เมืองหลวงของสุมาตราเหนือ)โดยฉับพลัน
วันพฤหัสที่ 28 มกราคม 2016 พวกเราบินแอร์เอเชียจากสนามบินดอนเมืองรอบ 12.45 โดยใช้เวลาเพียง 2 ชม.ก็ถึงสนามบินกัวลานามู(Kualanamu)ที่เมดานโดยสวัสดิภาพ
ป.ล. ตั๋วเครื่องบินไปกลับต่อคน 4,385 บาท ครับ

Kualanamu Airport ยังใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งเปิดทำการเมื่อปี2013
แผนการท่องเที่ยวคร่าว ๆ ของพวกเราคือ พักที่เบอราสตากี้(Berastagi)สองคืน เกาะซาโมเซีย(Samosir Island)สองคืน และเมดานหนึ่งคืน รวมเป็นทริปห้าคืนหกวัน

แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวของเกาะสุมาตราเหนือ(รูปจากอินเตอร์เนต)
หลังจากที่พวกเราได้กระเป๋ากันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ออกมาเจอกับคนขับรถที่เราได้นัดแนะเอาไว้แล้วเพื่อพาพวกเราไปยังเมืองเบอราสตากี้ ราคาที่ตกลงเอาไว้ก็คือ 650,000 รูเปีย(ราว ๆ 1,690 บาท)
ป.ล. อัตราแลกเปลี่ยนที่พวกเราแลกไปคือ ราว ๆ 10,000 รูเปีย = 26บาท ครับ)
รถเช่าสำหรับนักท่องเที่ยวแถว ๆ นี้จะเป็นรถสไตล์ Toyota Innova ซึ่งจะนั่งได้(รวมคนขับ) 7 คน ทริปนี้พวกเราจึงมารวมกันได้แค่ 6 คน

โตโยต้า อินโนว่า
ระยะทางจากสนามบินกัวลานามูจนถึงเบอราสตากี้ราว ๆ 91 กิโลเมตร แต่เพราะหลากหลายปัจจัย(แวะกินข้าว,รถติดช่วงคนเมดานเลิกงาน, ฝนตก, ถนนแคบและทางไปเบอราสตากี้คดเคี้ยวขึ้นเขา) ดังนั้นกว่าพวกเราจะไปถึงที่พักก็ฟ้ามืดพอดี

ระยะทางจากสนามบินกัวลานามู - เบอราสตากี้

แวะทานร้านไก่ทอด (อะยัมโกเร็ง ayam goreng อะยัมแปลว่าไก่ โกเร็งแปลว่าทอดหรือผัด)

เสริฟพร้อมข้าวขาว(นาซี ปูตีห์ nasi putih, นาซีแปลว่าข้าว ปูตีห์แปลว่าสีขาว)
ที่พักของเราชื่อว่า นาเชล โฮมสเตย์ (Nachelle Homestay) เป็นบ้านห้องแถวแต่ไม่คับแคบเลย กว้างขวางมาก สภาพใหม่เอี่ยม กลิ่นสียังใหม่ ๆ อยู่เลย (เจ้าของบอกว่าพึ่งย้ายมาได้แค่ 5 เดือน)
ป.ล. ติดต่อนาเชล โฮมสเตย์ได้ ผ่านFB
https://m.facebook.com/NachelleHomeStay/ หรือ Whatapp หมายเลข +62-82165382957

หน้าบ้านของนาเชล โฮมสเตย์

ป้ายชื่อที่ประตูบ้าน

เจ้าบ้านแสนใจดี อั๊บดี(Abdi)และแมรี่ ส่วนเจ้าตัวเล็กคือนาเชล ที่มาของชื่อที่พัก ^^
พวกเราจองไว้สามห้อง สำหรับ 6 คน ในราคา 780,000 รูเปีย (ราว 2028 บาท) ต่อหนึ่งคืน
นอกจากนี้ ผมยังให้ทางโฮมสเตย์เป็นธุระเรื่องการหารถและพาเที่ยวตลอดสองวันที่อยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งแมรี่ก็คิดออกมาให้เสร็จสรรพดังนี้:
– วันแรก ไปน้ำตกสองสีและบ่อน้ำพุร้อน 1,200,000 รูเปีย (ราว 3,120 บาท)
– วันต่อมา ปีนภูเขาไฟซิบายัค และแวะจุดชมวิวกุนดาลิง 1,080,000 รูเปีย (ราว 2,808 บาท)
– ค่าเหมารถไปปาราปัต 750,000 รูเปีย (1,950 บาท)
รวมทั้งหมดที่ผมต้องจ่ายให้แมรี่คือ (2028×2)+3120+2808+1950 = 11,934 บาท หาร 6 คนก็ราว ๆ คนละสองพันบาท

แผนที่ของเส้นทางการเที่ยวในเบอราสตากี้
พอตกลงค่าใช้จ่ายกับแมรี่เรียบร้อย พวกเราส่วนหนึ่งก็ออกไปหามื้อดึกรองท้องกัน แถว ๆ โฮมสเตย์จะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เราเลยต้องจ้างสามล้อ(เบอจัค becak) ไปแถวกลางเมืองแทน ซึ่งก็คือบริเวณอนุสาวรีย์สงคราม(war monument) คนที่นี่จะเรียกว่าตูกู(tugu แปลว่าอนุสาวรีย์) ราคาไปกลับ(บอกให้เขารอรับกลับ)คือ 80,000 รูเปีย(208 บาท)

บริเวณอนุสาวรีย์สงครามในตอนกลางวัน
รอบ ๆ อนุสาวรีย์ฯจะมีร้านข้างทางอยู่เต็มไปหมด โดยจะเริ่มตั้งขายตอนเย็น ๆ มีของกินเล่นและอาหารตามสั่งทั่วไป พวกผมเลือกซื้อขนมนิดหน่อยกลับไปกินที่โฮมสเตย์

ร้านขายขนมปังปิ้ง(โรตีบากา roti bakar)และแฮมเบอร์เกอร์

ขนมปังปิ้ง มาเป็นแท่งแบบนี้เลย สาว ๆ บอกว่าอร่อยมาก

จบคืนนี้ด้วยเบียร์บินตัง(bintang แปลว่าดาว) ก่อนนอน
วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2016
ผมตื่นค่อนข้างเช้าเลยลงไปเดินเล่นแถว ๆ โฮมสเตย์ก่อน ดูบรรยากาศบ้านเมืองและผู้คนยามเช้า

Indomaret เซเว่นฯของประเทศอินโดฯ

นักเรียนขึ้นรถอังกอต(angkot)ไปโรงเรียน

ร้านอาหารแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมด
พอกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ เพื่อน ๆ ของผมก็ตื่นกันแล้ว ทั้งหมดไปออกันอยู่บนดาดฟ้าตึกเพื่อชมวิวภูเขาไฟซินาบุง(Sinabung)

เช้านี้ซินาบุงยังขี้อายอยู่ เห็นยังไม่ค่อยชัด

บรรยากาศยามเช้าของเบอราสตากี้จากดาดฟ้าโฮมสเตย์
พอ 7 โมงครึ่ง พวกเราก็ลงมากินแพนเค้กของที่โฮมสเตย์เป็นอาหารเช้า สั่งไป 4 จาน ราคา 100,000 รูเปีย (260 บาท)

จานใหญ่มาก ขนาดผมว่ากินเก่งแล้ว ยังกินไม่หมด
เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินทางไปน้ำตกสองสี โดยอั๊บดีเป็นคนขับพาพวกเราไปเองเลย(เป็นทั้งเจ้าของโฮมสเตย์ คนขับ ไกด์ เหมาหมด)
อั๊บดีขับรถราว ๆ 1 ชม. ก็พาพวกเรามาถึง Sibolangit camp site จากที่นี่ พวกเราจะต้องเดินเข้าป่าไปอีกราว 2 ชม.ครึ่ง เพื่อที่จะไปถึงตัวน้ำตกสองสี

คนนำทางก็คืออั๊บดี(อีกแล้ว)

เส้นทางไม่ยากนัก เดินเรื่อย ๆ

ไม่ต้องปีนป่ายอะไรมากนัก

เริ่มต้องลุยน้ำบ้างแล้ว ทางไม่ยากลำบากอะไร ใส่แตะมาลุยก็พอไหว

เริ่มเห็นน้ำเป็นสีฟ้าแล้วววว
หลังจากที่พวกเราเดินมาได้สองชม.กว่า และแล้วพวกเราก็มาถึง……

สวยหลุดโลก !
น้ำตกสองสี อะอิล-เตอจุน-ดูอา-วานา ( Air น้ำ Terjun ตก Dua สอง Warna สี) ได้ชื่อตามสภาพของมันที่มีสองสี ฟ้าและขาว น้ำสีฟ้ามาจากภูเขาไฟซิบายัค การที่มันเป็นสีฟ้าก็เพราะได้ซัลเฟอร์และฟอสฟอรัสจากภูเขาไฟนั่นเอง ส่วนน้ำสีขาวเป็นน้ำที่เกิดขึ้นในป่า น้ำสีฟ้าจะมีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น(หนาวเลยล่ะ)ส่วนน้ำสีขาวจะออกอุ่น ๆ

สูงราว 75 เมตร

รูปนี้อั๊บดีเป็นคนถ่าย ถ่ายสวยมาก

เล่นน้ำได้ แต่ห้ามกิน เพราะมีซัลเฟอร์(กำมะถัน)อยู่
ถือว่าคุ้มค่าที่พวกเราบุกป่าฝ่าดงเข้ามา ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนน้ำตกไหน ๆ ที่ผมเคยไปมาก่อน
หลังจากที่พวกเราชื่นชมความงามกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเดินถึกกันอีกรอบ ถึงทางเดินจะไม่ยากลำบากอะไร แต่การเดินไปกลับร่วมเกือบห้าชม.ก็ทำเอาแข้งขาพาลตะคริวจะขึ้น
แต่ไม่เป็นไร พวกเรามีตัวช่วย >.<
เพราะโปรแกรมต่อไปของพวกเราก็คือ ไปแช่บ่อน้ำพุร้อน อั๊บดีขับอีกราวครึ่งชม.ก็พาเราไปถึงบ่อซึ่งอยู่บริเวณตีนภูเขาไฟซิบายัค
ถึงแม้ภูเขาไฟซิบายัคจะสงบมาร้อยกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีพลังงานความร้อนพวยพุ่งออกมาอีกมหาศาลในรูปแบบไอน้ำร้อนและน้ำพุร้อน

ตึกสีส้มใต้ภูเขาไฟคือโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อน

ควันโขมงแบบนี้ ร้อนฝุด ๆ แหง

น้ำสีแบบนี้ แน่นอนว่ามีซัลเฟอร์ กลิ่นกำมะถันมาเต็ม

คลายเมื่อยขาดีนัก

วิวรอบข้างก็เพลินตาดี
หลังแช่น้ำร้อนกันจนตัวเปื่อยก็เป็นอันว่า จบโปรแกรมสำหรับวันนี้ อั๊บดีจึงพาพวกเรากลับโฮมสเตย์ แต่พวกเราขอให้อั๊บดีพาไปตลาดผลไม้ของที่นี่ก่อน เพราะเราได้ยินมาว่า ที่นี่ปลูกผลไม้ได้ดี เพราะว่ามีอากาศหนาวเย็นตลอดปี

ซื้อตุนไว้กินตลอดทริป
และเพราะว่าพวกเราเหนื่อยกันมาก เลยตกลงกันว่าจะหาซื้อของเข้าไปกินเป็นอาหารเย็นเลย และก็พอดีว่าตลาดผลไม้ก็อยู่แถว ๆ อนุสาวรีย์ฯแหล่งของกินนี่เอง

ติดใจขนมปังปิ้ง ขออีกซักชิ้นสั่งลา

อะไรแปลก ๆ ซื้อลองกินมันให้หมด

เบอร์เกอร์อีกซักชิ้นสองชิ้น

ถึงโฮมสเตย์ก็จัดเต็ม
หลังจากจัดการกับอาหารเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน วันนี้ต้องนอนกันเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าเพื่อไปปีนภูเขาไฟซิบายัคกัน
เซอลามัต ติดัว (Selamat tidur ราตรีสวัสดิ์)
ไปปีนภูเขาไฟซิบายัคด้วยกันในตอนหน้านะครับ ^^
สุมาตราเหนือ ตอนที่ 2 – ซิบายัค & ซินาบุง คู่กันตลอดไป
http://pantip.com/topic/34835327
สุมาตราเหนือ ตอนที่ 1 – ดั่งต้องมนต์ที่น้ำตกสองสี
สุมาตราเหนือ - ธรรมชาติสวยงามและยิ่งใหญ่ในระยะไม่ไกลเกินเอื้อม
บินจากดอนเมืองเพียงแค่ 2 ชม. ได้เห็นภูเขาไฟสองลูก น้ำตกสองสีที่มีสีสันแปลกตาเหมือนหลุดออกมาจากหนังเรื่องอวตาร และยังมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกาะสุมาตราเหนือที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยนี่นะ แล้วจะรออะไรกันอีกล่ะ จองตั๋วไปเมดาน(Medan เมืองหลวงของสุมาตราเหนือ)โดยฉับพลัน
วันพฤหัสที่ 28 มกราคม 2016 พวกเราบินแอร์เอเชียจากสนามบินดอนเมืองรอบ 12.45 โดยใช้เวลาเพียง 2 ชม.ก็ถึงสนามบินกัวลานามู(Kualanamu)ที่เมดานโดยสวัสดิภาพ
ป.ล. ตั๋วเครื่องบินไปกลับต่อคน 4,385 บาท ครับ
Kualanamu Airport ยังใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งเปิดทำการเมื่อปี2013
แผนการท่องเที่ยวคร่าว ๆ ของพวกเราคือ พักที่เบอราสตากี้(Berastagi)สองคืน เกาะซาโมเซีย(Samosir Island)สองคืน และเมดานหนึ่งคืน รวมเป็นทริปห้าคืนหกวัน
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวของเกาะสุมาตราเหนือ(รูปจากอินเตอร์เนต)
หลังจากที่พวกเราได้กระเป๋ากันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ออกมาเจอกับคนขับรถที่เราได้นัดแนะเอาไว้แล้วเพื่อพาพวกเราไปยังเมืองเบอราสตากี้ ราคาที่ตกลงเอาไว้ก็คือ 650,000 รูเปีย(ราว ๆ 1,690 บาท)
ป.ล. อัตราแลกเปลี่ยนที่พวกเราแลกไปคือ ราว ๆ 10,000 รูเปีย = 26บาท ครับ)
รถเช่าสำหรับนักท่องเที่ยวแถว ๆ นี้จะเป็นรถสไตล์ Toyota Innova ซึ่งจะนั่งได้(รวมคนขับ) 7 คน ทริปนี้พวกเราจึงมารวมกันได้แค่ 6 คน
โตโยต้า อินโนว่า
ระยะทางจากสนามบินกัวลานามูจนถึงเบอราสตากี้ราว ๆ 91 กิโลเมตร แต่เพราะหลากหลายปัจจัย(แวะกินข้าว,รถติดช่วงคนเมดานเลิกงาน, ฝนตก, ถนนแคบและทางไปเบอราสตากี้คดเคี้ยวขึ้นเขา) ดังนั้นกว่าพวกเราจะไปถึงที่พักก็ฟ้ามืดพอดี
ระยะทางจากสนามบินกัวลานามู - เบอราสตากี้
แวะทานร้านไก่ทอด (อะยัมโกเร็ง ayam goreng อะยัมแปลว่าไก่ โกเร็งแปลว่าทอดหรือผัด)
เสริฟพร้อมข้าวขาว(นาซี ปูตีห์ nasi putih, นาซีแปลว่าข้าว ปูตีห์แปลว่าสีขาว)
ที่พักของเราชื่อว่า นาเชล โฮมสเตย์ (Nachelle Homestay) เป็นบ้านห้องแถวแต่ไม่คับแคบเลย กว้างขวางมาก สภาพใหม่เอี่ยม กลิ่นสียังใหม่ ๆ อยู่เลย (เจ้าของบอกว่าพึ่งย้ายมาได้แค่ 5 เดือน)
ป.ล. ติดต่อนาเชล โฮมสเตย์ได้ ผ่านFB https://m.facebook.com/NachelleHomeStay/ หรือ Whatapp หมายเลข +62-82165382957
หน้าบ้านของนาเชล โฮมสเตย์
ป้ายชื่อที่ประตูบ้าน
เจ้าบ้านแสนใจดี อั๊บดี(Abdi)และแมรี่ ส่วนเจ้าตัวเล็กคือนาเชล ที่มาของชื่อที่พัก ^^
พวกเราจองไว้สามห้อง สำหรับ 6 คน ในราคา 780,000 รูเปีย (ราว 2028 บาท) ต่อหนึ่งคืน
นอกจากนี้ ผมยังให้ทางโฮมสเตย์เป็นธุระเรื่องการหารถและพาเที่ยวตลอดสองวันที่อยู่ที่นี่ด้วย ซึ่งแมรี่ก็คิดออกมาให้เสร็จสรรพดังนี้:
– วันแรก ไปน้ำตกสองสีและบ่อน้ำพุร้อน 1,200,000 รูเปีย (ราว 3,120 บาท)
– วันต่อมา ปีนภูเขาไฟซิบายัค และแวะจุดชมวิวกุนดาลิง 1,080,000 รูเปีย (ราว 2,808 บาท)
– ค่าเหมารถไปปาราปัต 750,000 รูเปีย (1,950 บาท)
รวมทั้งหมดที่ผมต้องจ่ายให้แมรี่คือ (2028×2)+3120+2808+1950 = 11,934 บาท หาร 6 คนก็ราว ๆ คนละสองพันบาท
แผนที่ของเส้นทางการเที่ยวในเบอราสตากี้
พอตกลงค่าใช้จ่ายกับแมรี่เรียบร้อย พวกเราส่วนหนึ่งก็ออกไปหามื้อดึกรองท้องกัน แถว ๆ โฮมสเตย์จะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เราเลยต้องจ้างสามล้อ(เบอจัค becak) ไปแถวกลางเมืองแทน ซึ่งก็คือบริเวณอนุสาวรีย์สงคราม(war monument) คนที่นี่จะเรียกว่าตูกู(tugu แปลว่าอนุสาวรีย์) ราคาไปกลับ(บอกให้เขารอรับกลับ)คือ 80,000 รูเปีย(208 บาท)
บริเวณอนุสาวรีย์สงครามในตอนกลางวัน
รอบ ๆ อนุสาวรีย์ฯจะมีร้านข้างทางอยู่เต็มไปหมด โดยจะเริ่มตั้งขายตอนเย็น ๆ มีของกินเล่นและอาหารตามสั่งทั่วไป พวกผมเลือกซื้อขนมนิดหน่อยกลับไปกินที่โฮมสเตย์
ร้านขายขนมปังปิ้ง(โรตีบากา roti bakar)และแฮมเบอร์เกอร์
ขนมปังปิ้ง มาเป็นแท่งแบบนี้เลย สาว ๆ บอกว่าอร่อยมาก
จบคืนนี้ด้วยเบียร์บินตัง(bintang แปลว่าดาว) ก่อนนอน
วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2016
ผมตื่นค่อนข้างเช้าเลยลงไปเดินเล่นแถว ๆ โฮมสเตย์ก่อน ดูบรรยากาศบ้านเมืองและผู้คนยามเช้า
Indomaret เซเว่นฯของประเทศอินโดฯ
นักเรียนขึ้นรถอังกอต(angkot)ไปโรงเรียน
ร้านอาหารแบบนี้มีอยู่เต็มไปหมด
พอกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ เพื่อน ๆ ของผมก็ตื่นกันแล้ว ทั้งหมดไปออกันอยู่บนดาดฟ้าตึกเพื่อชมวิวภูเขาไฟซินาบุง(Sinabung)
เช้านี้ซินาบุงยังขี้อายอยู่ เห็นยังไม่ค่อยชัด
บรรยากาศยามเช้าของเบอราสตากี้จากดาดฟ้าโฮมสเตย์
พอ 7 โมงครึ่ง พวกเราก็ลงมากินแพนเค้กของที่โฮมสเตย์เป็นอาหารเช้า สั่งไป 4 จาน ราคา 100,000 รูเปีย (260 บาท)
จานใหญ่มาก ขนาดผมว่ากินเก่งแล้ว ยังกินไม่หมด
เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินทางไปน้ำตกสองสี โดยอั๊บดีเป็นคนขับพาพวกเราไปเองเลย(เป็นทั้งเจ้าของโฮมสเตย์ คนขับ ไกด์ เหมาหมด)
อั๊บดีขับรถราว ๆ 1 ชม. ก็พาพวกเรามาถึง Sibolangit camp site จากที่นี่ พวกเราจะต้องเดินเข้าป่าไปอีกราว 2 ชม.ครึ่ง เพื่อที่จะไปถึงตัวน้ำตกสองสี
คนนำทางก็คืออั๊บดี(อีกแล้ว)
เส้นทางไม่ยากนัก เดินเรื่อย ๆ
ไม่ต้องปีนป่ายอะไรมากนัก
เริ่มต้องลุยน้ำบ้างแล้ว ทางไม่ยากลำบากอะไร ใส่แตะมาลุยก็พอไหว
เริ่มเห็นน้ำเป็นสีฟ้าแล้วววว
หลังจากที่พวกเราเดินมาได้สองชม.กว่า และแล้วพวกเราก็มาถึง……
สวยหลุดโลก !
น้ำตกสองสี อะอิล-เตอจุน-ดูอา-วานา ( Air น้ำ Terjun ตก Dua สอง Warna สี) ได้ชื่อตามสภาพของมันที่มีสองสี ฟ้าและขาว น้ำสีฟ้ามาจากภูเขาไฟซิบายัค การที่มันเป็นสีฟ้าก็เพราะได้ซัลเฟอร์และฟอสฟอรัสจากภูเขาไฟนั่นเอง ส่วนน้ำสีขาวเป็นน้ำที่เกิดขึ้นในป่า น้ำสีฟ้าจะมีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น(หนาวเลยล่ะ)ส่วนน้ำสีขาวจะออกอุ่น ๆ
สูงราว 75 เมตร
รูปนี้อั๊บดีเป็นคนถ่าย ถ่ายสวยมาก
เล่นน้ำได้ แต่ห้ามกิน เพราะมีซัลเฟอร์(กำมะถัน)อยู่
ถือว่าคุ้มค่าที่พวกเราบุกป่าฝ่าดงเข้ามา ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนน้ำตกไหน ๆ ที่ผมเคยไปมาก่อน
หลังจากที่พวกเราชื่นชมความงามกันจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเดินถึกกันอีกรอบ ถึงทางเดินจะไม่ยากลำบากอะไร แต่การเดินไปกลับร่วมเกือบห้าชม.ก็ทำเอาแข้งขาพาลตะคริวจะขึ้น
แต่ไม่เป็นไร พวกเรามีตัวช่วย >.<
เพราะโปรแกรมต่อไปของพวกเราก็คือ ไปแช่บ่อน้ำพุร้อน อั๊บดีขับอีกราวครึ่งชม.ก็พาเราไปถึงบ่อซึ่งอยู่บริเวณตีนภูเขาไฟซิบายัค
ถึงแม้ภูเขาไฟซิบายัคจะสงบมาร้อยกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีพลังงานความร้อนพวยพุ่งออกมาอีกมหาศาลในรูปแบบไอน้ำร้อนและน้ำพุร้อน
ตึกสีส้มใต้ภูเขาไฟคือโรงงานไฟฟ้าพลังงานความร้อน
ควันโขมงแบบนี้ ร้อนฝุด ๆ แหง
น้ำสีแบบนี้ แน่นอนว่ามีซัลเฟอร์ กลิ่นกำมะถันมาเต็ม
คลายเมื่อยขาดีนัก
วิวรอบข้างก็เพลินตาดี
หลังแช่น้ำร้อนกันจนตัวเปื่อยก็เป็นอันว่า จบโปรแกรมสำหรับวันนี้ อั๊บดีจึงพาพวกเรากลับโฮมสเตย์ แต่พวกเราขอให้อั๊บดีพาไปตลาดผลไม้ของที่นี่ก่อน เพราะเราได้ยินมาว่า ที่นี่ปลูกผลไม้ได้ดี เพราะว่ามีอากาศหนาวเย็นตลอดปี
ซื้อตุนไว้กินตลอดทริป
และเพราะว่าพวกเราเหนื่อยกันมาก เลยตกลงกันว่าจะหาซื้อของเข้าไปกินเป็นอาหารเย็นเลย และก็พอดีว่าตลาดผลไม้ก็อยู่แถว ๆ อนุสาวรีย์ฯแหล่งของกินนี่เอง
ติดใจขนมปังปิ้ง ขออีกซักชิ้นสั่งลา
อะไรแปลก ๆ ซื้อลองกินมันให้หมด
เบอร์เกอร์อีกซักชิ้นสองชิ้น
ถึงโฮมสเตย์ก็จัดเต็ม
หลังจากจัดการกับอาหารเรียบร้อย พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน วันนี้ต้องนอนกันเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าเพื่อไปปีนภูเขาไฟซิบายัคกัน
เซอลามัต ติดัว (Selamat tidur ราตรีสวัสดิ์)
ไปปีนภูเขาไฟซิบายัคด้วยกันในตอนหน้านะครับ ^^
สุมาตราเหนือ ตอนที่ 2 – ซิบายัค & ซินาบุง คู่กันตลอดไป http://pantip.com/topic/34835327