เรื่องยุบพรรค ปชป.
อันเนื่องจากรับเงินบริจาคจากทีพีไอ 258 ล้าน เงินอุดหนุนพรรคการเมืองของ กกต. 29 ล้าน
ไม่มีการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่าผิดหรือไม่ผิด
ตัดตอนด้วยการอ้างว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องเกินกว่า 15 วัน ยกคำร้อง
ทั้งที่กรอบ 15 วัน คือบทเร่งรัด ไม่ใช่บทบังคับที่จะมีผลทางกฎหมายให้ขาดอายุความ
เรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.
ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ยอมวินิจฉัย อ้างว่าผู้ถูกร้องได้ยื่นค้านคำสั่งปลดออกจากราชการในศาลปกครองอยู่
ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง เป็นคนละเขตอำนาจ ไม่มีผลผูกพันใด ๆ กันเลย
เรื่อง 99 ศพ
ศาลอาญาก็ไม่รับฟ้อง ด้วยการบอกว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการสั่งการตามอำนาจหน้าที่
เป็นเรื่องควาผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
ทั้งที่อัยการฟ้องในเรื่องฆ่าคนตาย อันเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจหน้าที่ นอกเหนือการปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่ง
ซึ่งควรมีการรับคดีไว้พิจารณา สืบพยานโจทก์ จำเลย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
ว่าการสั่งการอยู่ในอำนาจหน้าที่ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่
แต่ยังไม่มีอะไรเลย ไม่มีการสืบข้อเท็จจริงใด ๆ เลย ศาลชี้แล้วว่าเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่
บริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่คดียังไม่ขึ้นศาล
เรื่องหนีทหาร ถอดยศ เรียกเบี้ยหวัดบำนาญคืน
เรื่องก็เงียบหายไปเฉย ๆ ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งที่คำสั่งกลาโหมที่ 1163/2555
สั่งปลดออกจากราชการมีผลทางกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต่อ ไม่เกรงว่าจะผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตรวจสอบไม่ได้
การร่างรัฐธรรมนูญ ก็ร่างเพื่อโอบอุ้มช่วยเหลือ
จากถ้อยคำที่ว่า ผู้ที่ไม่สามารถสมัคร ส.ส. ได้ คือเคยถูกปลดออกจากราชการ
ก็เปลี่ยนเป็น เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ อันอาจตีความได้ว่า การถูกปลดออกย้อนหลังไม่มีผลทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังร่างบทบัญญัติกันไว้อีกชั้นหนึ่งว่า
ผู้ที่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หากมีการร้องค้านต่อศาล ต้องรอจนถึงคดีถึงที่สุดก่อน จึงจะมีผลต่อคุณสมบัติการสมัคร ส.ส.
แม้กระทั่งเรื่องพระ
พระนักเลงรูปหนึ่ง ทำอะไรก็ได้ในบ้านเมืองนี้ ไม่มีผิด แถมมีกองกำลังปกป้อง
ถึงขนาดก่อม็อบ ยึดสถานที่ราชการ ปิดถนน ทำร้ายประชาชน ฆ่าประชาชน
ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ คดีความไม่เดินหน้า นิ่งสนิท
แต่พระอีกฝ่าย ที่แค่แสดงสังฆามติ โดนหลายข้อหา จะมีหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหา
ม็อบก่อกบฏ ประกาศตนเป็นรัฐาธิปัตย์ ยึดสถานที่ราชการ ผิดกฎหมายสารพัดมาตรา หลายกรรมหลายวาระ หลายกระทง
จนป่านนี้ คดีไม่ถึงไหน ไม่มีการสั่งฟ้อง ไม่มีอะไรเลย มีแค่การรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็เงียบหายไป
แถมได้รับความคุ้มครองจากคำสั่งศาลแพ่ง ได้รับการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญว่าชุมนุมโดยสงบ
อีกมากมายหลายเรื่อง
ล้วนเป็นเรื่องของคนไม่ดี เป็นเรื่องผิดธรรม ผิดโลกย์ ผิดกฎหมาย
แต่ก็โอบอุ้มปกป้องกัน
แล้วยังมีหน้ามาพูดว่า อย่าให้คนไม่ดีมีที่ยืน
มีแต่เรื่องเลือกปฏิบัติ เรื่องโอบอุ้มปกป้องคนทำผิด แล้ว "คนดี" ยังมีหน้ามาพูดว่า อย่าให้คนไม่ดีมีที่ยืน
อันเนื่องจากรับเงินบริจาคจากทีพีไอ 258 ล้าน เงินอุดหนุนพรรคการเมืองของ กกต. 29 ล้าน
ไม่มีการวินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่าผิดหรือไม่ผิด
ตัดตอนด้วยการอ้างว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องเกินกว่า 15 วัน ยกคำร้อง
ทั้งที่กรอบ 15 วัน คือบทเร่งรัด ไม่ใช่บทบังคับที่จะมีผลทางกฎหมายให้ขาดอายุความ
เรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.
ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ยอมวินิจฉัย อ้างว่าผู้ถูกร้องได้ยื่นค้านคำสั่งปลดออกจากราชการในศาลปกครองอยู่
ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง เป็นคนละเขตอำนาจ ไม่มีผลผูกพันใด ๆ กันเลย
เรื่อง 99 ศพ
ศาลอาญาก็ไม่รับฟ้อง ด้วยการบอกว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการสั่งการตามอำนาจหน้าที่
เป็นเรื่องควาผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
ทั้งที่อัยการฟ้องในเรื่องฆ่าคนตาย อันเป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจหน้าที่ นอกเหนือการปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่ง
ซึ่งควรมีการรับคดีไว้พิจารณา สืบพยานโจทก์ จำเลย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
ว่าการสั่งการอยู่ในอำนาจหน้าที่ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่
แต่ยังไม่มีอะไรเลย ไม่มีการสืบข้อเท็จจริงใด ๆ เลย ศาลชี้แล้วว่าเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่
บริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่คดียังไม่ขึ้นศาล
เรื่องหนีทหาร ถอดยศ เรียกเบี้ยหวัดบำนาญคืน
เรื่องก็เงียบหายไปเฉย ๆ ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งที่คำสั่งกลาโหมที่ 1163/2555
สั่งปลดออกจากราชการมีผลทางกฎหมายโดยสมบูรณ์ทุกประการ
แต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต่อ ไม่เกรงว่าจะผิดข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตรวจสอบไม่ได้
การร่างรัฐธรรมนูญ ก็ร่างเพื่อโอบอุ้มช่วยเหลือ
จากถ้อยคำที่ว่า ผู้ที่ไม่สามารถสมัคร ส.ส. ได้ คือเคยถูกปลดออกจากราชการ
ก็เปลี่ยนเป็น เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ อันอาจตีความได้ว่า การถูกปลดออกย้อนหลังไม่มีผลทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังร่างบทบัญญัติกันไว้อีกชั้นหนึ่งว่า
ผู้ที่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หากมีการร้องค้านต่อศาล ต้องรอจนถึงคดีถึงที่สุดก่อน จึงจะมีผลต่อคุณสมบัติการสมัคร ส.ส.
แม้กระทั่งเรื่องพระ
พระนักเลงรูปหนึ่ง ทำอะไรก็ได้ในบ้านเมืองนี้ ไม่มีผิด แถมมีกองกำลังปกป้อง
ถึงขนาดก่อม็อบ ยึดสถานที่ราชการ ปิดถนน ทำร้ายประชาชน ฆ่าประชาชน
ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ คดีความไม่เดินหน้า นิ่งสนิท
แต่พระอีกฝ่าย ที่แค่แสดงสังฆามติ โดนหลายข้อหา จะมีหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหา
ม็อบก่อกบฏ ประกาศตนเป็นรัฐาธิปัตย์ ยึดสถานที่ราชการ ผิดกฎหมายสารพัดมาตรา หลายกรรมหลายวาระ หลายกระทง
จนป่านนี้ คดีไม่ถึงไหน ไม่มีการสั่งฟ้อง ไม่มีอะไรเลย มีแค่การรับทราบข้อกล่าวหาแล้วก็เงียบหายไป
แถมได้รับความคุ้มครองจากคำสั่งศาลแพ่ง ได้รับการวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญว่าชุมนุมโดยสงบ
อีกมากมายหลายเรื่อง
ล้วนเป็นเรื่องของคนไม่ดี เป็นเรื่องผิดธรรม ผิดโลกย์ ผิดกฎหมาย
แต่ก็โอบอุ้มปกป้องกัน
แล้วยังมีหน้ามาพูดว่า อย่าให้คนไม่ดีมีที่ยืน