สวัสดีค่ะทุกท่าน ชาวพันทิป
นี่คือกระทู้รีวิวครั้งแรกของเรา หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ในส่วนของภาพถ่าย ก็เป็นมือใหม่หัดถ่ายเช่นกัน อาจสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง แต่ใช้ใจถ่ายทุกรูปน้า

เมื่อวันหยุดมาถึง ใจก็เรียกร้องอยากออกไปท่องโลกกว้าง
ช่วงเดือนที่ผ่านมาเห็นรีวิว ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี เต็มไปหมด บวกกับความอยากส่วนตัวของตัวเอง ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา
ตัดสินใจเช้าวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 59 เราจะไปกางเต้นท์กันที่นั่น "ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี"

จริงๆแล้วที่เรียกกันติดปากว่า "ปางอุ๋ง สุพรรณ" นั้นมีชื่อจริงว่า "อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง" ซึ่งตั้งอยู่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ค่ะ
หลังจากเก็บเสื้อผ้าและของใช้เสร็จ ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เลยหาข้าวเที่ยงกินและซื้อเสบียงตุนก่อนจะออกเดินทาง
เริ่มออกจากกรุงเทพประมาณเที่ยงนิดๆ โดยมุ่งหน้าไปทางเส้นบางบัวทอง - สุพรรณบุรี - ด่านช้าง
ใครมี Google Map หรือมี GPS พิมพ์ว่า โรงเรียนบ้านพุน้ำร้อน
เพราะเราจะต้องเข้าไปทางประตูของโรงเรียนนี้เพื่อไปถึงอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงกัน
จากกรุงเทพ ขับไปเรื่อยๆแวะพักปั้มบ้างนิดหน่อย ถึงโรงเรียนประมาณ บ่าย3
พอถึงโรงเรียนบ้านพุน้ำร้อนก็ขับเข้าไปทางประตูเลยค่ะ เมื่อขับออกจากประตูโรงเรียนจะมีแยกซ้าย-ขวา ให้ขับมาทางซ้ายแล้วก็ขับตามทางมาเรื่อยๆเลย
ถนนจากกรุงเทพ-โรงเรียนบ้านพุน้ำร้อนจะเป็นถนนลาดยางปกติ แต่พอเลยตัวโรงเรียนออกมาจะเป็นทางลูกรังดินแดงประมาณ 8-9 กม. (ชาวBiker ทั้งหลาย ควรมีผ้าปิดปากปิดจมูกนะคะเพราะมีฝุ่นมาก)
รถทุกชนิดสามารถขับเข้าไปได้ แต่ควรใช้ความระมัดระวังกันนิดนึงเพราะทางค่อนข้างแคบ แค่พอรถสวนกันได้
ตามข้างทางก็จะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นขายผัก ผลไม้ต่างๆในราคาย่อมเยาว์ แถมอร่อยด้วยค่ะ เราแวะซื้อข้าวโพดนึ่ง หวานอร่อยมาก ขอบอกๆ..
เมื่อขับเข้ามาถึงอ่างเก็บน้ำแล้วก็จะเป็นที่จอดรถ ห้องน้ำและตามด้วยลานกางเต้นท์ค่ะ

นี่จะเป็นที่จอดรถค่ะ
จะเห็นว่ารถค่อนข้างเยอะพอตัว เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 3 วัน

ส่วนห้องน้ำก็จะเป็นลักษณะนี้ค่ะ ปัจจุบันมีประมาณ 8 ห้องแล้ว สามารถทะยอยกันใช้ได้
ต่อมาก็จะเป็นส่วนของลานกางเต้นท์ค่ะ

ลานกางเต้นท์จะกางได้ประมาณ 40 หลัง
ใครมีเต้นท์มาก็สามารถเอามากางได้หรือใครต้องการมาเช่าก็มีบริการค่ะ แต่ควรโทรจองล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย

ถัดจากลานกางเต้นท์ก็จะเป็นระเบียงทอดยาวเลียบอ่างเก็บน้ำ กลางคืนก็ออกมานั่งเล่น ดูดาวกันตรงนี้

ถ้าเราหันหน้าเข้าอ่างเก็บน้ำ จะสังเกตเห็นว่าทางซ้ายมือ มีแพที่พักลอยอยู่บนน้ำให้บริการค่ะ
เมื่อเราได้ที่กางเต้นท์และกางเสร็จก็ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว ก็ไปหาอะไรกินกัน
อาหารจะมีทั้งแบบเป็นชุดขันโตก และส้มตำไก่ทอด/ไก่ย่าง ราคาไม่แพงด้วย
เราเลือกกินส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ทอด ทั้งหมดนี้ในราคา100 บาทเท่านั้น ไม่ต่างจากกินแถวบ้านเราเลยค่ะ
หลังจากกินเสร็จ ก็ไปเดินเล่นแถวอ่างเก็บน้ำ เก็บภาพกันซักเล็กน้อย

เด็กน้อย เล่นน้ำกันอย่างมีความสุขเลยทีเดียว

ใครอยากเล่นน้ำแต่ว่ายน้ำไม่เป็นหรือพ่อแม่ที่ลูกๆอยากเล่นน้ำ ก็มีเสื้อชูชีพให้บริการค่ะ

นางแบบตัวน้อยๆของเรา โดยมีฉากหลังเป็นอ่างเก็บน้ำ

และสุดท้ายก่อนที่จะมืดค่ำ อ่านหนังสือที่หยิบมาจากบ้าน ภายใต้ท้องฟ้า ริมอ่างเก็บน้ำ อยากเก็บโมเม้นต์นี้ไว้นานๆ
จากนั้นก็เป็นเวลามืดค่ำที่ไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย มัวแต่นั่งคุยกับคนอื่นๆที่มากางเต้นท์และนั่งดูดาวจนผลอยหลับไป zzZZ...
เช้าวันอาทิตย์ 21 ก.พ. 59 ตื่นมาพบอากาศเย็น สดชื่น มีหมอกอ่อนๆ

บรรยากาศยามเช้าก็งดงามไม่แพ้บรรยากาศยามเย็นเลย

หลังจากกินอาหารเช้า เก็บของเสร็จก็เตรียมเดินทางไปจุดหมายต่อไป
กลับก่อนนะ "อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง" ถ้ามีโอกาสจะไปอีกครั้ง
จุดหมายต่อไปคือ "พระบรมราชานุสรณ์ ดอนเจดีย์" ตั้งอยู่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี

ประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระคชาธารออกศึก และด้านหลังที่เป็นเจดีย์สีขาว คือ องค์เจดีย์ยุทธหัตถี ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างเจดีย์ขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะในสงครามยุทธหัตถี
ทางเข้าหน้าเจดีย์สีขาว จะมีต้นโพธิ์ใหญ่ ตั้งตะหง่านอยู่กลางทางเดิน

สวยและช่างเข้ากับสถานที่จริงๆ
ต่อมาจะเป็นด้านในของเจดีย์

ภายในเจดีย์ จัดแสดงประวัติศาสตร์ ทั้งภาพ,แสง,สี,เสียง และมีหุ่นจำลองต่างๆเกี่ยวกับการทำสงครามตอนนั้น
ด้านหลังจะเห็นองค์เจดีย์เดิม ที่สร้างขึ้นในสมัยนั้น ซึ่งถูกครอบด้วยเจดีย์ใหม่ ที่เราเห็นเป็นเจดีย์สีขาว ภายนอกนั่นเอง
เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ได้ทั้งความเพลิดเพลินและความรู้
หลังจากเที่ยวชมเสร็จก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี เลยขับรถมุ่งหน้าไปยัง "สามชุก ตลาดร้อยปี"

ตัวตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี

ถ่ายป้ายทางเข้าซักหน่อย จะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว
เราเคยมาสามชุกครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นได้กินลูกชิ้นยักษ์ กลับมาอีกครั้งก็อยากจะกินอีก

ต้องการยักษ์ขนาดไหน เลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า กินไม้เดียวอิ่มยันเย็น

บรรยากาศภายในตลาดก็ยังคงความเป็นสามชุก

เดินไป กินไป (ไม่ดีเลย) ก็ไปหยุดกินข้างๆร้านขายหมวก คุณลุงใจดีบอก ถ่ายเลยๆ คนมาเที่ยวถ่ายกันทุกคน ดาราก็มาถ่าย งั้นก็จัดให้คุณลุงซักภาพ

อากาศค่อนข้างร้อน แวะกินกาแฟซักหน่อย

บ้านโค้ก เก็บค่าเข้าชม คนละ 20 บาท แต่เราไม่ได้เข้าไป
เมื่อท้องอิ่มและช๊อปของกินไปพอประมาณ ก็ถึงเวลาไปยังจุดหมายต่อไป
นั่นก็คือ "อุทยานมังกรสวรรค์และศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี" ตั้งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี
เริ่มต้นด้วย หมู่บ้านมังกรสวรรค์

จะมีร้านอาหาร ร้านขายของ และมี 7-11 ด้วยนะจ๊ะ

มีผู้คนมาเที่ยวจำนวนมากเช่นเดิม

หอชมวิว สามารถขึ้นไปชมวิวได้ มีลิฟท์บริการด้วย แต่ใครอยากเดินขึ้นก็ไม่ว่ากัน

วิวที่มองลงมาค่ะ จะเป็นแบบนี้ เห็นภาพในมุมกว้าง
จากนั้นก็เดินเข้าไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
แล้วก็เดินชมบรรยากาศรอบๆ

ตัวเต็มๆของมังกรในระยะใกล้ๆ ยิ่งใหญ่ อลังการ ดาวล้านดวง
คือจะบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ ที่กว้างมากๆ มีมุมถ่ายภาพสวยๆหลายมุม มีมุมให้นั่งพักหลบแดด ได้ทั้งความสนุก เพลิดเพลินและความรู้จริงๆ

ขอพรแล้วตีระฆังจะได้สมหวังไวๆ อิๆ สาธุ

จากรูปนี้ เดี๋ยวเราจะเดินไปขึ้นอาคารทรงจีนที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั่น

รอบๆอาคารจะเป็นสระน้ำ มีปลาเต็มเลยยย

อาคารสูง 7 ชั้น มองลงมาจะเป็นวิวแบบนี้ค่ะ
หลังจากเดินเล่นที่นี่เสร็จ ก็เหนื่อยกันไปตามระเบียบ แต่เรายังมีจุดหมายต่อไป
มาสุพรรณทั้งที น่าจะขาดสิ่งนี้ไม่ได้ (รึป่าวนะ?) "หอคอยบรรหาร-แจ่มใส"

ค่าเข้าชม คนละ 40 บาท

ความสูงประมาณตึก 23 ชั้น นี่คือวิวที่มองลงมาจากหอคอย

หอคอยจะอยู่ติดกับสวนเฉลิมภัทรราชินี เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมต่างๆ
อีกซักรูปก่อนไปจุดหมายสุดท้าย
จุดหมายสุดท้ายคือ "วัดป่าเลไลย์" นั่นเอง
มีปรากฎอยู่ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ด้วยนะ จำกันได้ไหมเอ่ย
ที่นี่เป็นอีกจุดนึงที่ขาดไม่ได้ถ้ามาสุพรรณ ต้องมากราบหลวงพ่อโต

สวยงามและยิ่งใหญ่
เป็นการจบทริปที่อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มท้อง อิ่มความรู้และอิ่มบุญมากค่ะ
โดยส่วนตัว ไม่คิดว่าสุพรรณจะมีที่ท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ (ยังมีอีกหลายที่มากแต่เรายังไปไม่หมด)
ตอนแรกเวลาคิดถึงสุพรรณ จะคิดถึงขนมสาลี่ (เพราะเพื่อนเอาขนมมาฝากบ่อยๆ

)
แต่พอมาถึงสุพรรณ กลับลืมซื้อขนมสาลี่ซะงั้น !! เซ็งเป็ด
สุพรรณบุรี มีทั้งหมด 10 อำเภอ เรามีเวลา 2 วัน 1 คืน เที่ยวได้ตั้ง 4 อำเภอ สุดยอดมากค่ะ ปรบมือ เย่ๆๆๆๆๆๆ
บอกแล้วว่าสุพรรณ มีของดีมากกว่าที่คิด...

สุดท้ายแล้ว ลากันด้วยภาพระฆัง ข้างศาลเจ้าหลักเมือง คิดสิ่งใด ขอให้สมปรารถนากันทุกคนค่าาาาา
..."ชีวิตมีอะไรมากมายกว่าที่คิดไว้ ออกเดินทางไปตามหามันซะ"...
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
(ปล.ทั้ง 2 วันที่ไปเที่ยว ท้องฟ้าไม่สวยซักวันเลย ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า แดดไม่เปรี้ยง อึมครึมแต่อากาศร้อน อาจจะทำให้ได้ภาพออกมาไม่สวย เอ๊ะ!หรือเป็นแค่ข้ออ้าง)
[CR] ไปเที่ยวกัน สุพรรณบุรี มีของดีมากกว่าที่คิด [2 วัน 1 คืน]
เมื่อวันหยุดมาถึง ใจก็เรียกร้องอยากออกไปท่องโลกกว้าง
ช่วงเดือนที่ผ่านมาเห็นรีวิว ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี เต็มไปหมด บวกกับความอยากส่วนตัวของตัวเอง ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา
ตัดสินใจเช้าวันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 59 เราจะไปกางเต้นท์กันที่นั่น "ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี"
จริงๆแล้วที่เรียกกันติดปากว่า "ปางอุ๋ง สุพรรณ" นั้นมีชื่อจริงว่า "อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง" ซึ่งตั้งอยู่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ค่ะ
หลังจากเก็บเสื้อผ้าและของใช้เสร็จ ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เลยหาข้าวเที่ยงกินและซื้อเสบียงตุนก่อนจะออกเดินทาง
เริ่มออกจากกรุงเทพประมาณเที่ยงนิดๆ โดยมุ่งหน้าไปทางเส้นบางบัวทอง - สุพรรณบุรี - ด่านช้าง
ใครมี Google Map หรือมี GPS พิมพ์ว่า โรงเรียนบ้านพุน้ำร้อน
เพราะเราจะต้องเข้าไปทางประตูของโรงเรียนนี้เพื่อไปถึงอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงกัน
จากกรุงเทพ ขับไปเรื่อยๆแวะพักปั้มบ้างนิดหน่อย ถึงโรงเรียนประมาณ บ่าย3
พอถึงโรงเรียนบ้านพุน้ำร้อนก็ขับเข้าไปทางประตูเลยค่ะ เมื่อขับออกจากประตูโรงเรียนจะมีแยกซ้าย-ขวา ให้ขับมาทางซ้ายแล้วก็ขับตามทางมาเรื่อยๆเลย
ถนนจากกรุงเทพ-โรงเรียนบ้านพุน้ำร้อนจะเป็นถนนลาดยางปกติ แต่พอเลยตัวโรงเรียนออกมาจะเป็นทางลูกรังดินแดงประมาณ 8-9 กม. (ชาวBiker ทั้งหลาย ควรมีผ้าปิดปากปิดจมูกนะคะเพราะมีฝุ่นมาก)
รถทุกชนิดสามารถขับเข้าไปได้ แต่ควรใช้ความระมัดระวังกันนิดนึงเพราะทางค่อนข้างแคบ แค่พอรถสวนกันได้
ตามข้างทางก็จะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นขายผัก ผลไม้ต่างๆในราคาย่อมเยาว์ แถมอร่อยด้วยค่ะ เราแวะซื้อข้าวโพดนึ่ง หวานอร่อยมาก ขอบอกๆ..
เมื่อขับเข้ามาถึงอ่างเก็บน้ำแล้วก็จะเป็นที่จอดรถ ห้องน้ำและตามด้วยลานกางเต้นท์ค่ะ
นี่จะเป็นที่จอดรถค่ะ
จะเห็นว่ารถค่อนข้างเยอะพอตัว เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 3 วัน
ส่วนห้องน้ำก็จะเป็นลักษณะนี้ค่ะ ปัจจุบันมีประมาณ 8 ห้องแล้ว สามารถทะยอยกันใช้ได้
ต่อมาก็จะเป็นส่วนของลานกางเต้นท์ค่ะ
ลานกางเต้นท์จะกางได้ประมาณ 40 หลัง
ใครมีเต้นท์มาก็สามารถเอามากางได้หรือใครต้องการมาเช่าก็มีบริการค่ะ แต่ควรโทรจองล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย
ถัดจากลานกางเต้นท์ก็จะเป็นระเบียงทอดยาวเลียบอ่างเก็บน้ำ กลางคืนก็ออกมานั่งเล่น ดูดาวกันตรงนี้
ถ้าเราหันหน้าเข้าอ่างเก็บน้ำ จะสังเกตเห็นว่าทางซ้ายมือ มีแพที่พักลอยอยู่บนน้ำให้บริการค่ะ
เมื่อเราได้ที่กางเต้นท์และกางเสร็จก็ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว ก็ไปหาอะไรกินกัน
อาหารจะมีทั้งแบบเป็นชุดขันโตก และส้มตำไก่ทอด/ไก่ย่าง ราคาไม่แพงด้วย
เราเลือกกินส้มตำ ข้าวเหนียว ไก่ทอด ทั้งหมดนี้ในราคา100 บาทเท่านั้น ไม่ต่างจากกินแถวบ้านเราเลยค่ะ
หลังจากกินเสร็จ ก็ไปเดินเล่นแถวอ่างเก็บน้ำ เก็บภาพกันซักเล็กน้อย
เด็กน้อย เล่นน้ำกันอย่างมีความสุขเลยทีเดียว
นางแบบตัวน้อยๆของเรา โดยมีฉากหลังเป็นอ่างเก็บน้ำ
และสุดท้ายก่อนที่จะมืดค่ำ อ่านหนังสือที่หยิบมาจากบ้าน ภายใต้ท้องฟ้า ริมอ่างเก็บน้ำ อยากเก็บโมเม้นต์นี้ไว้นานๆ
จากนั้นก็เป็นเวลามืดค่ำที่ไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย มัวแต่นั่งคุยกับคนอื่นๆที่มากางเต้นท์และนั่งดูดาวจนผลอยหลับไป zzZZ...
เช้าวันอาทิตย์ 21 ก.พ. 59 ตื่นมาพบอากาศเย็น สดชื่น มีหมอกอ่อนๆ
บรรยากาศยามเช้าก็งดงามไม่แพ้บรรยากาศยามเย็นเลย
หลังจากกินอาหารเช้า เก็บของเสร็จก็เตรียมเดินทางไปจุดหมายต่อไป
กลับก่อนนะ "อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง" ถ้ามีโอกาสจะไปอีกครั้ง
จุดหมายต่อไปคือ "พระบรมราชานุสรณ์ ดอนเจดีย์" ตั้งอยู่ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
ประกอบด้วย พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงพระคชาธารออกศึก และด้านหลังที่เป็นเจดีย์สีขาว คือ องค์เจดีย์ยุทธหัตถี ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงสร้างเจดีย์ขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะในสงครามยุทธหัตถี
ทางเข้าหน้าเจดีย์สีขาว จะมีต้นโพธิ์ใหญ่ ตั้งตะหง่านอยู่กลางทางเดิน
สวยและช่างเข้ากับสถานที่จริงๆ
ต่อมาจะเป็นด้านในของเจดีย์
ภายในเจดีย์ จัดแสดงประวัติศาสตร์ ทั้งภาพ,แสง,สี,เสียง และมีหุ่นจำลองต่างๆเกี่ยวกับการทำสงครามตอนนั้น
ด้านหลังจะเห็นองค์เจดีย์เดิม ที่สร้างขึ้นในสมัยนั้น ซึ่งถูกครอบด้วยเจดีย์ใหม่ ที่เราเห็นเป็นเจดีย์สีขาว ภายนอกนั่นเอง
เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ได้ทั้งความเพลิดเพลินและความรู้
หลังจากเที่ยวชมเสร็จก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี เลยขับรถมุ่งหน้าไปยัง "สามชุก ตลาดร้อยปี"
ตัวตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี
ถ่ายป้ายทางเข้าซักหน่อย จะได้รู้ว่ามาถึงแล้ว
เราเคยมาสามชุกครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นได้กินลูกชิ้นยักษ์ กลับมาอีกครั้งก็อยากจะกินอีก
ต้องการยักษ์ขนาดไหน เลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า กินไม้เดียวอิ่มยันเย็น
บรรยากาศภายในตลาดก็ยังคงความเป็นสามชุก
เดินไป กินไป (ไม่ดีเลย) ก็ไปหยุดกินข้างๆร้านขายหมวก คุณลุงใจดีบอก ถ่ายเลยๆ คนมาเที่ยวถ่ายกันทุกคน ดาราก็มาถ่าย งั้นก็จัดให้คุณลุงซักภาพ
อากาศค่อนข้างร้อน แวะกินกาแฟซักหน่อย
บ้านโค้ก เก็บค่าเข้าชม คนละ 20 บาท แต่เราไม่ได้เข้าไป
เมื่อท้องอิ่มและช๊อปของกินไปพอประมาณ ก็ถึงเวลาไปยังจุดหมายต่อไป
นั่นก็คือ "อุทยานมังกรสวรรค์และศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี" ตั้งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี
เริ่มต้นด้วย หมู่บ้านมังกรสวรรค์
จะมีร้านอาหาร ร้านขายของ และมี 7-11 ด้วยนะจ๊ะ
มีผู้คนมาเที่ยวจำนวนมากเช่นเดิม
หอชมวิว สามารถขึ้นไปชมวิวได้ มีลิฟท์บริการด้วย แต่ใครอยากเดินขึ้นก็ไม่ว่ากัน
วิวที่มองลงมาค่ะ จะเป็นแบบนี้ เห็นภาพในมุมกว้าง
จากนั้นก็เดินเข้าไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
แล้วก็เดินชมบรรยากาศรอบๆ
ตัวเต็มๆของมังกรในระยะใกล้ๆ ยิ่งใหญ่ อลังการ ดาวล้านดวง
คือจะบอกว่าที่นี่เป็นสถานที่ ที่กว้างมากๆ มีมุมถ่ายภาพสวยๆหลายมุม มีมุมให้นั่งพักหลบแดด ได้ทั้งความสนุก เพลิดเพลินและความรู้จริงๆ
ขอพรแล้วตีระฆังจะได้สมหวังไวๆ อิๆ สาธุ
จากรูปนี้ เดี๋ยวเราจะเดินไปขึ้นอาคารทรงจีนที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั่น
รอบๆอาคารจะเป็นสระน้ำ มีปลาเต็มเลยยย
อาคารสูง 7 ชั้น มองลงมาจะเป็นวิวแบบนี้ค่ะ
หลังจากเดินเล่นที่นี่เสร็จ ก็เหนื่อยกันไปตามระเบียบ แต่เรายังมีจุดหมายต่อไป
มาสุพรรณทั้งที น่าจะขาดสิ่งนี้ไม่ได้ (รึป่าวนะ?) "หอคอยบรรหาร-แจ่มใส"
ค่าเข้าชม คนละ 40 บาท
ความสูงประมาณตึก 23 ชั้น นี่คือวิวที่มองลงมาจากหอคอย
หอคอยจะอยู่ติดกับสวนเฉลิมภัทรราชินี เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมต่างๆ
อีกซักรูปก่อนไปจุดหมายสุดท้าย
จุดหมายสุดท้ายคือ "วัดป่าเลไลย์" นั่นเอง
มีปรากฎอยู่ในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ด้วยนะ จำกันได้ไหมเอ่ย
ที่นี่เป็นอีกจุดนึงที่ขาดไม่ได้ถ้ามาสุพรรณ ต้องมากราบหลวงพ่อโต
สวยงามและยิ่งใหญ่
เป็นการจบทริปที่อิ่มอก อิ่มใจ อิ่มท้อง อิ่มความรู้และอิ่มบุญมากค่ะ
โดยส่วนตัว ไม่คิดว่าสุพรรณจะมีที่ท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ (ยังมีอีกหลายที่มากแต่เรายังไปไม่หมด)
ตอนแรกเวลาคิดถึงสุพรรณ จะคิดถึงขนมสาลี่ (เพราะเพื่อนเอาขนมมาฝากบ่อยๆ
แต่พอมาถึงสุพรรณ กลับลืมซื้อขนมสาลี่ซะงั้น !! เซ็งเป็ด
สุพรรณบุรี มีทั้งหมด 10 อำเภอ เรามีเวลา 2 วัน 1 คืน เที่ยวได้ตั้ง 4 อำเภอ สุดยอดมากค่ะ ปรบมือ เย่ๆๆๆๆๆๆ
บอกแล้วว่าสุพรรณ มีของดีมากกว่าที่คิด...
สุดท้ายแล้ว ลากันด้วยภาพระฆัง ข้างศาลเจ้าหลักเมือง คิดสิ่งใด ขอให้สมปรารถนากันทุกคนค่าาาาา
..."ชีวิตมีอะไรมากมายกว่าที่คิดไว้ ออกเดินทางไปตามหามันซะ"...
ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
(ปล.ทั้ง 2 วันที่ไปเที่ยว ท้องฟ้าไม่สวยซักวันเลย ท้องฟ้าไม่เป็นสีฟ้า แดดไม่เปรี้ยง อึมครึมแต่อากาศร้อน อาจจะทำให้ได้ภาพออกมาไม่สวย เอ๊ะ!หรือเป็นแค่ข้ออ้าง)