[CR] True Relaxing Trip 4 จันทบุรี 18-20/02/16

สวัสดีทริปแรกของปีนี้  ทริปนี้เกิดจากความศรัทธาที่จะไปยังเขาคิชฌกูฏทุกปี  ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 แล้ว  ปีนี้เตรียมของไหว้ไปเองเช่นเคย  ไม่อยากไปซื้อตรงเขา  มันแพง  เคยซื้อที่เขาปีแรกปีเดียว  พอเลย  ดอกไม้โรยระหว่างทางก็ไม่เอา  โรยแล้วจะทำให้ทางเดินลื่น  และลำบากคนมาเก็บกวาด  มีแค่พวงมาลัยและธูปเทียนก็พอ  เริ่มออกเดินทางในวันที่ 18/2/59 เวลา 17.00 น  เดินทางโดยใช้เส้นทางด่วนไปบางนา-ตราด  มื้อเย็นจากเซเว่นช่วยชีวิตในช่วงเวลาที่เร่งรีบ  เนื่องจากตั้งเป้าไว้ว่าอยากไปถึงที่พักให้ไวที่สุดก่อน 4 ทุ่มเป็นดี  

ที่พักที่จองไว้คือที่ชบารีสอร์ท  เป็นบ้านพักชื่อบ้านเรนโบว์  ราคาคืนละ 500 บาท  ใช้เวลา 4.30 น ก็มาถึงยังรีสอร์ทในเวลา 21.30 น  รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทประจำที่จะมาพักในทุกปี  ไม่เปลี่ยนเนื่องจากห้องพักราคาไม่แพง  ห้องใหญ่ใช้ได้  บริการดี  ห้องพักสะอาด   อาหารก็โอเคไม่น่าเกลียด   และที่พักไม่ไกลจากวัดกะทิง  ที่นี่มีห้องพักหลายประเภทหลายราคา  เริ่มต้นที่ 350 บาทเท่านั้น  ถ้าห้องติดๆกันก็ 350 บาท  แต่ถ้าบ้านเป็นหลังก็ 500 บาท

19/2/16  เช้าวันใหม่พร้อมอาหารเช้าจากรีสอร์ท สั่งเป็นชุดอาหารเช้า  ชุดไข่กระทะ  และข้าวต้มไก่  ราคาถือว่าไม่แพง  รสชาติก็ใช้ได้  ห้องอาหารของที่นี่เปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า สนนราคามื้อนี้ที่ 170 บาท

ก่อนขึ้นวัดก็ต้องตุนเสบียงกันหน่อย  ก็ซื้อมันที่เซเว่นกับตลาด  โชคดีเจอตลาดเลยได้ข้าวเหนียวไก่ทอดมา  รวมราคาเสบียง 130 บาท  จริงๆข้างบนก็มีขายของ แต่ราคาจะแพงกว่าปกติ  เลยซื้อจากข้างล่างไปดีกว่า

เมื่อพร้อมแล้วก็มุ่งหน้าออกเดินทางสู่วัดกะทิง  ที่ที่เราจะไปขึ้นรถไปยังเขาคิชฌกูฏ  ราคาค่ารถคนละ 100 บาท  ต่อเดียวถึง  ถ้าไปขึ้นที่วัดพลวงจะต้องขึ้นรถ 2 ต่อ  ต่อละ 50 บาท  โดยรวมก็ไม่ต่างกัน  

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเขา  เนื่องจากเป็นวันธรรมดาและเขาเพิ่งเปิดได้ไม่นานคนจึงไม่มากนัก  ทางขึ้นเขาก็ยังทำไม่เสร็จเรียบร้อย  ทางเดินขึ้นเขาก็อยู่ระหว่างปรับปรุง  ร้านค้าก็ยังไม่มี  แต่ทั้งหมดไม่เป็นอุปสรรคในวันนี้เลย  คนน้อยยิ่งดี  แถมอากาศข้างบนก็เย็นสบาย  ในวันที่คนน้อยๆแบบนี้  เดินแค่ครึ่ง  ชม ก็มาถึงแล้ว  บรรยากาศข้างบนเหมือนทุกๆปีที่คุ้นเคย  ผู้คนจากที่ต่างๆพากันมายังสถานที่ศักดิ์สิทธ์แห่งนี้เพื่อขอพร 1 ประการ  เคยอ่านเจอว่าพรที่จะขอควรเป็นพรที่เป็นไปได้  กล่าวคือไม่ใช่เรื่องโอเวอร์เกินไป  และที่สำคัญ  พรนั้นจะเป็นจริงไดหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลบุญที่เรามีด้วย

ขอพรเป็นอันเรียบร้อยก็ได้เวลาจัดการกับเสบียงที่เตรียมมา  บรรยากาศการทานอาหารข้างบนมันช่างดี๊ดี  กินไปมองคนเดินไปมา  มีคนอุ้มลูกเทพมาด้วย  สงสัยมาส่งลูกเทพขึ้นสวรรค์  ลงจากเขามายังจุดขึ้นรถเพิ่อกลับไปที่วัดกะทิง ค่ารถเท่าเดิม 100 บาทต่อคน  กลับมาถึงวัดกะทิงเมื่อบ่ายสอง ก็ขอซัดน้ำมะพร้าวให้ชื่นใจสักหน่อย  ลูกละ 30 บาท  หวานไม่มาก  แต่ใช้ได้

ยังมีเวลาลันล้าอยู่  ออกจากวัดมุ่งหน้าสู่น้ำตกกะทิง  อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ   ค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 40 บาท  ถ้าเด็ก 20 บาท  ค่ารถ 4 ล้อคันละ 30 บาท  ที่นี่มีน้ำตกทั้งสิ้น 13 ชั้น  แต่เดินไปแค่ 6 ชั้นเท่านั้น  ชั้นที่ 5-6 ไม่ค่อยมีพื้นที่ให้เล่นมากมาย  ถ้าอยากเล่นจริงๆแค่ชั้นที่ 3-4 ก็พอแล้ว  ในวันที่ไปไม่ค่อยมีคน  เรียกได้ว่าเป็นน้ำตกส่วนตัวเลยก็ได้  นั่งแช่เท่าทำสปาปลากันไป  คลายเมื่อขา   ดื่มด่ำกับธรรมชาติจนหนำใจก็ได้เวลากลับมาพักผ่อนยังที่พัก

เย็นแล้วๆ  หิวๆ  ได้เวลาออกหาแหล่งอาหาร  ร้านอาหารที่เลือกสำหรับมื้อนี่คือร้านอาหารบางมะนาว  เป็นร้านใหญ่ตกแต่งสวยงาม  ราคาไม่แพง  บริการเป็นเลิศ  มีทั้งโซนข้างนอกและข้างใน  ไปมื้อเย็นแบบนี้แนะนำนั่งข้างในดีกว่า  เพราะยุงเยอะมากกกกกกกถึงมากกกกกที่สุด  แม้แต่ยากันยุงก็เอาไม่อยู่  ขนาดพนักงานเดินถือไม้ช๊อตยุงเดินไปเดินมาให้ก็ยังเอาไม่อยู่  ตอนนี้เป็นค่าร้านอาหาร  อนาคตจะทำเป็นที่พัก  เห็นอยุ่ระหว่างตกแต่ง  ไม่รุ้จะเสร็จเมื่อไหร่ อาหารที่นี่ราคาไม่แพงมาก  รับได้  แถมอร่อยเด็ดจัดจ้านได้ใจด้วย  มาตามรีวิววงในสำหรับสมาชิกมีส่วนลดให้ 5%  อาหารที่สั่งมี  ยำบางมะนาว  ปลากะพงผัดฉ่า  และกุ้งคั่วพริกเกลือ  จานหลังนี่แนะนำ  เด็ดจริงๆ  สนนมื้อนี่แค่ 525 บาท  อิ่มอร่อยชมวิวป่าชายเลนไปพร้อมโดนยุงกัดไปก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนสักที

20/2/59  ตื่นเช้ามาก็สั่งอาหารจากที่พักอีกคราวนี้สั่งสลัดไก่ทอด  ข้าวผัดกุ้ง  และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ  ขอติข้าวผัดกุ้งนิดนึง  มีกุ้ง 2 ตัวพอให้รู้ว่าเป็นข้าวผัดกุ้ง  สนนมื้อนี้ไป 210 บาท

กินกันเรียบร้อยแล้ว  พักผ่อนกันจุใจแล้ว  เวลาเที่ยงตรงก็ได้เวลา check out ออกจากที่พัก  บ๊ายบายชบา  ปีหน้าอาจได้พบกันใหม่  ขับรถมาประมาณครึ่ง ชม ก็จะถึงวัดเขาสุกิม  เป็นวัดที่ใหญ่มากกกกกกกกกกกกกกกกกก  พี่พื้นกว้างขวางจริงๆ  การจะขึ้นไปไหว้พระมีให้เลือก 2 ทาง  เดินขึ้นบันไดเอง  หรือ  รถลาก  แน่นอนว่าวัยรุ่นใสๆอย่างเราต้องใช้  รถลาก  เป็นแน่แท้  เมื่อขึ้นไปอันดับแรกที่เห็นคือ  ลานแจกอาหารฟรี  หรือที่เรียกว่าโรงทานนั้นเอง  วันที่ไปให้เลือก 2 อย่าวคือก๋วยเตี๋ยวน้ำ  หรือข้าวต้ม  จัดก๋วยเตี๋ยวไปเลย  ไหว้พระด้านนอกเสร็จก็ตรงดิ่งไปกินเลย  เป็นชามเล็กๆ  ไม่อิ่มก็เติม  ก็บริจาคไป 110 บาท  กินไป 5 ชามได้  โฮะๆ  อิ่มมากกกกกกกกกกกกกกก  อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก  ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยได้ขนาดนี้  

อิ่มกันแล้วก็ต้องเดินย่อย  ด้านบนจะมีพิพิธพัณฑ์สะสมของโบราณเอาไว้ให้เดินชม  มีหลายชั้น  มีของหลายสิ่ง  ทั้งเฟอร์นิเจอร์  เครื่องใช้ไฟฟ้า  พระโบราณ  เหรียญโบราณ  ข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน  อาวุธโบราณ  และอีกเพียบเลย ถ้าดูทุกอย่างคงใช้เวลาทั้งวัน  (รูปเยอะมากกกกกกกกกกกก)  เดินให้หายอิ่มไปเลยทีเดียว  ด้านบนก็จะมีจุดชมวิวรอบวัด  มองลงมาเห็นแต่สีเขียว  ต่างกับ กทม สิ้นเชิงที่มองลงมาจะมีแต่  ตึกๆๆๆๆ  

เดินเล่นจนหนำใจมองเวลาอีกที  บ่ายสองครี่งแล้วหรอเนี่ย  ไม่เคยอยู่วัดนานขนาดนี้มาก่อน  ได้เวลากลับ กทม แล้ว  ขากลับก็อย่าลืมแวะซื้อของฝาก  แต่คราวนี้มาแวะซื้อของฝากที่จุดแวะซื้อที่ระยอง  ก็มีของให้เลือกเยอะแยะ  แต่ก็เหมือนๆกันทุกร้านนะแหละ  เข้าๆมันสักร้านก็พอ

18.30 น  ขับมาจนถึง กทม ด้วยสภาพท้องร้อง  แวะหน่อยละกัน  ปิดท้ายทริปนี้ด้วยมื้อเย็นที่ศูนย์อาหารที่เมกะบางนา  ห้างใหญ่มากกกกกกกกก  เพิ่งเคยมาหนแรกนี่แหละ  เดินละก็งงๆ  ศูนย์อาหารที่นี่จัดโซนไว้สวยงาม  มีอาหารให้เลือกหลากหลาย  แอร์งี้เย็นเจี๊ยบเลย  หมดไปอีก 226 บาท    

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้
ค่าแก๊ส 773 บาท
ค่าที่พัก 2 คืน คืนละ 500 บาท เป็น 1,000 บาท
ค่าขึ้น-ลงรถไปเขา 400 บาท
ค่าของไหว้  ธูป 36 ดอก + เทียน 8 เล่ม + ดอกดาวเรืองพวงใหญ่ 4 พวง เป็น 124 บาท
ค่าทางด่วน 50 บาท
ค่าอาหารของกิน 1,478 บาท
ค่าขึ้นน้ำตก 110 บาท
รวมทั้งสิ้น 3,935 บาท  (ตกคนละ 1,967.5 บาท)  
จบทริปนี้ไปแล้วอย่างสบายใจสบายกาย  ทริปหน้าพบกันใหม่  บ๊ายบาย
ชื่อสินค้า:   จันทบุรี คิชฌกูฏ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่