กรมควบคุมโรค เสนอ 3 มาตรการเตรียมชุมชนให้สงกรานต์นี้เดินทางปลอดภัย เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนที่มีความยั่งยืน
http://goo.gl/SXl9kg
กรมควบคุมโรค เสนอ 3 มาตรการเตรียมชุมชน ให้สงกรานต์นี้เดินทางปลอดภัย ผลดีดีซีโพล ชี้คนไทยร้อยละ 17.2 เคยขับรถ หลังจากดื่มเหล้า แล้วเกิดอุบัติเหตุ
(23 กุมภาพันธ์ 2559) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย พ.อ.สุพล จันทร์ผ่อง ผู้แทนกองทัพบก, พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผอ.กองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นายสันติ รัตนพันธุ์ ผู้แทนผู้ใหญ่บ้าน และผู้แทนเยาวชน ร่วมเสวนาวิชาการดีดีซีฟอรั่ม (DDC Forum) เรื่อง การป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจร “เตรียมชุมชนรับสงกรานต์ ไร้เจ็บไร้ตาย ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้” พร้อมผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ดีดีซีโพล (DDC Poll) เรื่อง อุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://pe1.isanook.com/ns/0/rp/r/w620/ya0xa0m1w0/aHR0cDovL3BlMS5pc2Fub29rLmNvbS9ucy8wL3VkLzM1Ni8xNzgxMzUwL2dnZy5qcGc=.jpg
นายแพทย์อำนวย กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนทั่วโลก และเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดให้ประเทศไทยมีอัตราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย ซึ่งในช่วงเทศกาลจะเป็นช่วงหนึ่งที่มีการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากการการจราจรสูง และเทศกาลที่จะมาถึงเร็วๆนี้คือ เทศกาลสงกรานต์ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2554 - 2558) พบว่าในช่วงสงกรานต์ 7 วัน มีผู้เสียชีวิต 1,986 คน บาดเจ็บ 134,591 คน หากคิดเป็นรายวันจะมีผู้เสียชีวิตวันละ 57 คน บาดเจ็บวันละ 3,845 คน หรือประมาณ 2 เท่าในช่วงปกติ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าช่วงเวลา 14.00–20.00 น. เป็นช่วงเวลาที่มีการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยเฉพาะวันที่ 13 เมษายนของทุกปีมีการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงที่สุด
ในถนนชนบทจักรยานยนต์เสียชีวิตมากที่สุด โดยเกิดจากล้มเองไม่มีคู่กรณี ร้อยละ 40 และชนกับปิคอัพร้อยละ 23 ส่วนในถนนทางหลวงจักรยานยนต์เสียชีวิตมากสุดเช่นกัน แต่เป็นการชนกับปิคอัพ ร้อยละ 38 ชนกับรถเก๋ง ร้อยละ 18 ในกลุ่มผู้บาดเจ็บจะส่วนใหญ่พบบนถนนชนบท ร้อยละ 53.4 ส่วนผู้เสียชีวิตจะพบบทถนนทางหลวง ร้อยละ 52.4
สำหรับประเด็นปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่พบในช่วงเทศกาลสงกรานต์คือ การดื่มแล้วขับ จากข้อมูลพบว่า ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นผู้ขับขี่และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 36,285 คน คิดเป็นร้อยละ 40.3 ของผู้ขับขี่ทั้งหมด กลุ่มอายุที่พบว่ามีการดื่มและเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 20–24 ปี ร้อยละ17.9 รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 15–19 ปี ร้อยละ 17.5 ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สำหรับช่วงเวลาที่เกิดการบาดเจ็บ การดื่มแล้วขับ และส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์บนถนนชนบท/อบต.หมู่บ้าน ถึงร้อยละ 65
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการสำรวจทัศนคติความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโรคและภัยสุขภาพ หรือดีดีซีโพล(DDC Poll) เรื่อง “อุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว” ในพื้นที่ 25 จังหวัดทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมาย 3,276 ตัวอย่าง ช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผลการสำรวจพบว่าประชาชนร้อยละ 17.2 เคยขับรถหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพศชายร้อยละ 32, ประชาชนร้อยละ 21.1 เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะเดินทางบนรถ ทั้งเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร, ประชาชนร้อยละ 25.8 เคยใช้โทรศัพท์ขณะขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ, ประชาชนร้อยละ 19.4 เคยขับรถขณะง่วงนอนแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ, ประชาชนร้อยละ 18.5 ยังเห็นว่าการดื่มสุราแล้วขับรถเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เป็นเพศชายถึงร้อยละ 44.5, ประชาชนร้อยละ 17.2 เห็นว่าการเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ในระยะทางสั้นๆขับช้าๆ ไม่จำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง และประชาชนร้อยละ 26.2 เห็นว่าการโดยสารรถยนต์เบาะหลัง ไม่จำเป็นต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่สำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ เมา ง่วง และใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ พบว่ากลุ่มตัวอย่างเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะเดินทางบนรถทั้งเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 45-54 ปี ส่วนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 25-34 ปี ขณะที่การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และขับรถขณะง่วงนอนแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ พบว่าเพศชายและเพศหญิงใกล้เคียงกัน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 25-34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิตอันดับต้นๆทุกปี
นายแพทย์อำนวย กล่าวอีกว่า ผลลการถอดบทเรียนในพื้นที่ 40 อำเภอ พบว่า อำเภอ/ด่านชุมชน ที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ขั้นตอนที่สำคัญ คือ การเตรียมชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ถ้ามีการเตรียมชุมชนที่ดี จะทำให้การดำเนินงานขั้นตอนอื่นๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระบวนการเตรียมที่สำคัญ ดังนี้ 1) การประกบกลุ่มเสี่ยง สื่อสาร/เตือนไปยังกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่น (Teen Driver), คนดื่มแล้วเมา,คนขับรถเร็ว และร้านขายสุรา 2) การทำธรรมนูญอุบัติเหตุชุมชนหรือประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชน ใช้แนวทางประชารัฐสร้างข้อตกลงร่วมกัน โดยผู้นำชุมชนและเครือข่าย 3) ด่านชุมชนเชิงรุก เตรียมทีมผู้ปฏิบัติประจำด่านชุมชน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแกนนำ อาสาสมัครต่างๆ อบรมให้เข้าใจในวิธีปฏิบัติ วิธีการเรียกตรวจเตือน
ในช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ ขอให้ทุกท่านใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากจะมีประชาชนเดินทางกลับยังภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงขอความร่วมมือผู้นำชุมชนในการตั้งด่านชุมชนที่ปากทางเข้าหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีการจัดงาน เตรียมชุมชนให้พร้อมรับมือ หากชุมชนมีความเข้มแข็ง ไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่จะช่วยส่งผลในระยะยาว ที่สำคัญหากมีข้อตกลงหรือประชาคมร่วมกัน และพร้อมใจกันปฏิบัติ ถือว่าสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนที่มีความยั่งยืนต่อไป หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 หรือขอความช่วยเหลือฉุกฉิน โทรสายด่วน 1669
เสนอ 3 มาตรการเตรียมชุมชน ให้สงกรานต์นี้ เดินทางปลอดภัย / สถิติ คนขับจักรยานยนต์ เสียชีวิตมากที่สุด
http://goo.gl/SXl9kg
กรมควบคุมโรค เสนอ 3 มาตรการเตรียมชุมชน ให้สงกรานต์นี้เดินทางปลอดภัย ผลดีดีซีโพล ชี้คนไทยร้อยละ 17.2 เคยขับรถ หลังจากดื่มเหล้า แล้วเกิดอุบัติเหตุ
(23 กุมภาพันธ์ 2559) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย พ.อ.สุพล จันทร์ผ่อง ผู้แทนกองทัพบก, พ.ต.อ.ธวัชชัย นาคฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผอ.กองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, นายสันติ รัตนพันธุ์ ผู้แทนผู้ใหญ่บ้าน และผู้แทนเยาวชน ร่วมเสวนาวิชาการดีดีซีฟอรั่ม (DDC Forum) เรื่อง การป้องกันการบาดเจ็บจากการจราจร “เตรียมชุมชนรับสงกรานต์ ไร้เจ็บไร้ตาย ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้” พร้อมผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ดีดีซีโพล (DDC Poll) เรื่อง อุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นายแพทย์อำนวย กล่าวว่า ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนทั่วโลก และเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดให้ประเทศไทยมีอัตราเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นอันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย ซึ่งในช่วงเทศกาลจะเป็นช่วงหนึ่งที่มีการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากการการจราจรสูง และเทศกาลที่จะมาถึงเร็วๆนี้คือ เทศกาลสงกรานต์ จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ย้อนหลัง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2554 - 2558) พบว่าในช่วงสงกรานต์ 7 วัน มีผู้เสียชีวิต 1,986 คน บาดเจ็บ 134,591 คน หากคิดเป็นรายวันจะมีผู้เสียชีวิตวันละ 57 คน บาดเจ็บวันละ 3,845 คน หรือประมาณ 2 เท่าในช่วงปกติ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าช่วงเวลา 14.00–20.00 น. เป็นช่วงเวลาที่มีการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยเฉพาะวันที่ 13 เมษายนของทุกปีมีการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงที่สุด
ในถนนชนบทจักรยานยนต์เสียชีวิตมากที่สุด โดยเกิดจากล้มเองไม่มีคู่กรณี ร้อยละ 40 และชนกับปิคอัพร้อยละ 23 ส่วนในถนนทางหลวงจักรยานยนต์เสียชีวิตมากสุดเช่นกัน แต่เป็นการชนกับปิคอัพ ร้อยละ 38 ชนกับรถเก๋ง ร้อยละ 18 ในกลุ่มผู้บาดเจ็บจะส่วนใหญ่พบบนถนนชนบท ร้อยละ 53.4 ส่วนผู้เสียชีวิตจะพบบทถนนทางหลวง ร้อยละ 52.4
สำหรับประเด็นปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่พบในช่วงเทศกาลสงกรานต์คือ การดื่มแล้วขับ จากข้อมูลพบว่า ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นผู้ขับขี่และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 36,285 คน คิดเป็นร้อยละ 40.3 ของผู้ขับขี่ทั้งหมด กลุ่มอายุที่พบว่ามีการดื่มและเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 20–24 ปี ร้อยละ17.9 รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 15–19 ปี ร้อยละ 17.5 ซึ่งในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สำหรับช่วงเวลาที่เกิดการบาดเจ็บ การดื่มแล้วขับ และส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์บนถนนชนบท/อบต.หมู่บ้าน ถึงร้อยละ 65
นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรค ได้ดำเนินการสำรวจทัศนคติความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับโรคและภัยสุขภาพ หรือดีดีซีโพล(DDC Poll) เรื่อง “อุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว” ในพื้นที่ 25 จังหวัดทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมาย 3,276 ตัวอย่าง ช่วงอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผลการสำรวจพบว่าประชาชนร้อยละ 17.2 เคยขับรถหลังจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ เป็นเพศชายร้อยละ 32, ประชาชนร้อยละ 21.1 เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะเดินทางบนรถ ทั้งเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร, ประชาชนร้อยละ 25.8 เคยใช้โทรศัพท์ขณะขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ, ประชาชนร้อยละ 19.4 เคยขับรถขณะง่วงนอนแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ, ประชาชนร้อยละ 18.5 ยังเห็นว่าการดื่มสุราแล้วขับรถเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เป็นเพศชายถึงร้อยละ 44.5, ประชาชนร้อยละ 17.2 เห็นว่าการเดินทางโดยรถจักรยานยนต์ในระยะทางสั้นๆขับช้าๆ ไม่จำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง และประชาชนร้อยละ 26.2 เห็นว่าการโดยสารรถยนต์เบาะหลัง ไม่จำเป็นต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่สำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ เมา ง่วง และใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ พบว่ากลุ่มตัวอย่างเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะเดินทางบนรถทั้งเป็นผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 45-54 ปี ส่วนดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 25-34 ปี ขณะที่การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และขับรถขณะง่วงนอนแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกือบเกิดอุบัติเหตุ พบว่าเพศชายและเพศหญิงใกล้เคียงกัน และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 25-34 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่บาดเจ็บและเสียชีวิตอันดับต้นๆทุกปี
นายแพทย์อำนวย กล่าวอีกว่า ผลลการถอดบทเรียนในพื้นที่ 40 อำเภอ พบว่า อำเภอ/ด่านชุมชน ที่ประสบความสำเร็จในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ขั้นตอนที่สำคัญ คือ การเตรียมชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ถ้ามีการเตรียมชุมชนที่ดี จะทำให้การดำเนินงานขั้นตอนอื่นๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระบวนการเตรียมที่สำคัญ ดังนี้ 1) การประกบกลุ่มเสี่ยง สื่อสาร/เตือนไปยังกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่น (Teen Driver), คนดื่มแล้วเมา,คนขับรถเร็ว และร้านขายสุรา 2) การทำธรรมนูญอุบัติเหตุชุมชนหรือประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชน ใช้แนวทางประชารัฐสร้างข้อตกลงร่วมกัน โดยผู้นำชุมชนและเครือข่าย 3) ด่านชุมชนเชิงรุก เตรียมทีมผู้ปฏิบัติประจำด่านชุมชน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแกนนำ อาสาสมัครต่างๆ อบรมให้เข้าใจในวิธีปฏิบัติ วิธีการเรียกตรวจเตือน
ในช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ ขอให้ทุกท่านใช้รถใช้ถนนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากจะมีประชาชนเดินทางกลับยังภูมิลำเนาและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงขอความร่วมมือผู้นำชุมชนในการตั้งด่านชุมชนที่ปากทางเข้าหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีการจัดงาน เตรียมชุมชนให้พร้อมรับมือ หากชุมชนมีความเข้มแข็ง ไม่เพียงแต่เป็นการป้องกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่จะช่วยส่งผลในระยะยาว ที่สำคัญหากมีข้อตกลงหรือประชาคมร่วมกัน และพร้อมใจกันปฏิบัติ ถือว่าสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนที่มีความยั่งยืนต่อไป หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422 หรือขอความช่วยเหลือฉุกฉิน โทรสายด่วน 1669