กพท.ลุยตรวจฐานะการบิน 50 สายการบิน เจอ 4 สายวิกฤติหนัก ประเดิมเซ็นคำสั่ง “ซิตี้ แอร์เวย์”หยุดบินชั่วคราว ส่วนเอเชียนแอร์ ถูกศาลสั่งหยุดบิน ขณะที่อีก 2 สายการบิน “กานต์แอร์ -เจ็ทเอเซีย แอร์เวย์”อยู่ในอาการร่อแร่ เผยข้อมูล”ซิตี้ แอร์เวย์”โอด ภาครัฐสองมาตรฐาน ถูกกพท.สั่งระงับการบินกะทันหันเมื่อ12 ก.พ. ทำผู้โดยสารตกค้างทั้งดอนเมือง และฮ่องกง ไร้ผู้ใหญ่เหลียวแลเหมือนนกแอร์
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงนามสั่งให้สายการบินซิตี้ แอร์เวย์ หยุดทำการบินเป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากหลังตรวจสอบสถานะทางเศรษฐกิจ มีความเสี่ยงความเสี่ยงมาก และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายกเลิกเที่ยวบินจนทำให้ผู้โดยสารตกค้างที่สนามบินเหมือนที่ผ่านมา ส่วนสายการบินเอเชียนแอร์ ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว โดยศาลมีคำสั่งให้หยุดทำการบินไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำทรัพย์สินของบริษัทออกจำหน่ายเพื่อใช้หนี้ นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สายการบินคือ สายการบินกานต์แอร์ และเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ ที่ กพท.ต้องติดตามฐานะทางการเงินอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จากที่ กพท.ได้ตรวจสอบสถานะทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศที่ได้ รับอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าในการเดินอากาศในไทย ในปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 50 บริษัท โดยพิจารณาจากฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2558 พบว่ามีผู้ประกอบการสายการบิน 4 แห่ง กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
ประกอบด้วย 1.บริษัทซิตี้ แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินซิตี้แอร์เวย์ 2.บริษัทกานต์นิธิ เอวิเอชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินกานต์ แอร์ 3.บริษัทสายการบินเอเชียน จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินเอเชียนแอร์ และ 4.บริษัทเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ โดยทั้ง 4 สายการบินดังกล่าว เปิดให้บริการแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight)
ซึ่งมีข้อมูลระบุว่า “เมื่อวันที่ 14 ก.พ. สื่อจีนประโคมข่าวผู้โดยสารชาวจีนตกค้างที่สนามบินดอนเมือง ภูเก็ต ฮ่องกง จากการยกเลิกเที่ยวบินของE8 หรือสายการบินซิตี้แอร์เวย์ อย่างกะทันหันและไม่มีการแจ้งว่าจะได้บินเมื่อไหร่ ลามเป็นลูกโซ่ไปตลอดสัปดาห์ เมื่อสอบถามจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.หรือ CAAT) ทราบว่า CAAT ได้ระงับการออก Operating Permit ตั้งแต่วันที่13ก.พ.เป็นต้นมา ทั้งที่ฮ่องกงได้อนุมัติการบินมาแล้ว!! และไม่เข้าใจว่าเรายกเลิกแบบไม่คำนึงถึงผู้โดยสาร มีผู้โดยสารตกค้างจะทำอย่างไร ผู้โดยสารจำนวนมากต้องต่อไฟลท์เข้าเมืองต่างๆ ในจีนจะทำอย่างไร!! เทศกาลตรุษจีนช่วงเวลามีความสุข คนจีนเชื่อถือโชคลาง ต้นปีเจอแบบนี้ โชคร้ายเริ่มตั้งแต่ต้นปี”
“ CAAT แจ้งระงับการบินในวันศุกร์ที่12 ก.พ. เวลา16.30 น. สายการบินมีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังเวลาหยุดทำการและติดเสาร์อาทิตย์ ของหน่วยงานราชการและเอกชน และเป็นวันหยุดยาวของสถานทูตจีน ผู้โดยสารไม่สามารถติดต่อใครช่วยเหลือได้ รออย่างไม่มีจุดหมายกว่าพันคนต่อวัน”
นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างของนกแอร์กับซิตี้แอร์เวย์!!!คือ เจ้าของไม่ใช่ตระกูลดัง ไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีนักรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาช่วยพูดกับผู้โดยสาร ส่วนการดูแลผู้โดยสารของสายการบินไม่มีเส้นสายที่ต่างกันของคนไม่มีเส้นสาย มีการจัดอาหารให้ผู้โดยสารระหว่างรอ , รับผู้โดยสารทั้งหมดเข้าโรงแรม4 ดาว , จัดอาหารโรงแรมและรถรับส่งของโรงแรม
“เราวิ่งหาความช่วยเหลือจากพันธมิตรเองไม่มีใครสนใจผู้โดยสารของเรา เวลาตรุษจีนไม่มีที่นั่งว่างสำหรับผู้โดยสารวันละเกือบ1พันคน ไม่สามารถเช่าเหมาลำได้เนื่องจากปัญหา ICAO เครื่องสัญชาติไทยไม่สามารถขอเพิ่มเที่ยวบินเข้าฮ่องกงได้”
ในที่สุดCAAT อนุมัติให้บินได้ถึงวันที่19 ก.พ. ซึ่งล่าช้าไป18 ชม. ทุกเที่ยวบินจนถึงวันสุดท้ายที่ได้บินมูลค่าความเสียหายที่นับไม่ถ้วน เวลามีเรื่องเงียบสนิทเราแก้ปัญหาไปเรียบร้อย
เรื่องจบ แต่ข่าวออกมาในวันที่14 ก.พ. หลังจากที่เครื่องบินได้แล้ว สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับสายการบิน ลูกค้าที่จองล่วงหน้าไว้, ลูกค้าทีไม่มั่นใจจากข่าวยกเลิก ,พนักงาน ร่วม200 คน ขวัญเสีย ธุรกิจที่ต้องแบกรับหนี้สินเพิ่มกว่า50 ล้านบาท !! สร้างปัญหาให้กับบริษัทฯซึ่งมีปัญหาทางด้านการเงินอยู่แล้ว นี่หรือคือทางแก้ปัญหาของCAAT !!!! คำกล่าวอ้างว่านักบินชั่วโมงเกินไม่เป็นความจริง หนี้สินมีกันทุกที่ อะไรที่ทำให้ CAAT ตัดสินใจสร้างปัญหาให้ผู้โดยสารและสายการบิน
เราจะต้องปิดกิจการ เราจะต้องตกงาน ชื่อเสียงประเทศชาติเราด้านการท่องเที่ยว เครดิตของเรากับICAO สายการบินของไทยไม่ได้มาตรฐานหรือเรามีสองมาตรฐาน!!!!!!!!!!
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000019362
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สั่ง”ซิตี้ แอร์เวย์”หยุดบิน ชั่วคราว เอกชนโอด รัฐสองมาตรฐาน
กพท.ลุยตรวจฐานะการบิน 50 สายการบิน เจอ 4 สายวิกฤติหนัก ประเดิมเซ็นคำสั่ง “ซิตี้ แอร์เวย์”หยุดบินชั่วคราว ส่วนเอเชียนแอร์ ถูกศาลสั่งหยุดบิน ขณะที่อีก 2 สายการบิน “กานต์แอร์ -เจ็ทเอเซีย แอร์เวย์”อยู่ในอาการร่อแร่ เผยข้อมูล”ซิตี้ แอร์เวย์”โอด ภาครัฐสองมาตรฐาน ถูกกพท.สั่งระงับการบินกะทันหันเมื่อ12 ก.พ. ทำผู้โดยสารตกค้างทั้งดอนเมือง และฮ่องกง ไร้ผู้ใหญ่เหลียวแลเหมือนนกแอร์
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงนามสั่งให้สายการบินซิตี้ แอร์เวย์ หยุดทำการบินเป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากหลังตรวจสอบสถานะทางเศรษฐกิจ มีความเสี่ยงความเสี่ยงมาก และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายกเลิกเที่ยวบินจนทำให้ผู้โดยสารตกค้างที่สนามบินเหมือนที่ผ่านมา ส่วนสายการบินเอเชียนแอร์ ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว โดยศาลมีคำสั่งให้หยุดทำการบินไปแล้วตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำทรัพย์สินของบริษัทออกจำหน่ายเพื่อใช้หนี้ นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สายการบินคือ สายการบินกานต์แอร์ และเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ ที่ กพท.ต้องติดตามฐานะทางการเงินอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จากที่ กพท.ได้ตรวจสอบสถานะทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศที่ได้ รับอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าในการเดินอากาศในไทย ในปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 50 บริษัท โดยพิจารณาจากฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2558 พบว่ามีผู้ประกอบการสายการบิน 4 แห่ง กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
ประกอบด้วย 1.บริษัทซิตี้ แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินซิตี้แอร์เวย์ 2.บริษัทกานต์นิธิ เอวิเอชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินกานต์ แอร์ 3.บริษัทสายการบินเอเชียน จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินเอเชียนแอร์ และ 4.บริษัทเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ จำกัด ผู้ให้บริการสายการบินเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ โดยทั้ง 4 สายการบินดังกล่าว เปิดให้บริการแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight)
ซึ่งมีข้อมูลระบุว่า “เมื่อวันที่ 14 ก.พ. สื่อจีนประโคมข่าวผู้โดยสารชาวจีนตกค้างที่สนามบินดอนเมือง ภูเก็ต ฮ่องกง จากการยกเลิกเที่ยวบินของE8 หรือสายการบินซิตี้แอร์เวย์ อย่างกะทันหันและไม่มีการแจ้งว่าจะได้บินเมื่อไหร่ ลามเป็นลูกโซ่ไปตลอดสัปดาห์ เมื่อสอบถามจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.หรือ CAAT) ทราบว่า CAAT ได้ระงับการออก Operating Permit ตั้งแต่วันที่13ก.พ.เป็นต้นมา ทั้งที่ฮ่องกงได้อนุมัติการบินมาแล้ว!! และไม่เข้าใจว่าเรายกเลิกแบบไม่คำนึงถึงผู้โดยสาร มีผู้โดยสารตกค้างจะทำอย่างไร ผู้โดยสารจำนวนมากต้องต่อไฟลท์เข้าเมืองต่างๆ ในจีนจะทำอย่างไร!! เทศกาลตรุษจีนช่วงเวลามีความสุข คนจีนเชื่อถือโชคลาง ต้นปีเจอแบบนี้ โชคร้ายเริ่มตั้งแต่ต้นปี”
“ CAAT แจ้งระงับการบินในวันศุกร์ที่12 ก.พ. เวลา16.30 น. สายการบินมีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังเวลาหยุดทำการและติดเสาร์อาทิตย์ ของหน่วยงานราชการและเอกชน และเป็นวันหยุดยาวของสถานทูตจีน ผู้โดยสารไม่สามารถติดต่อใครช่วยเหลือได้ รออย่างไม่มีจุดหมายกว่าพันคนต่อวัน”
นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างของนกแอร์กับซิตี้แอร์เวย์!!!คือ เจ้าของไม่ใช่ตระกูลดัง ไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีนักรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม มาช่วยพูดกับผู้โดยสาร ส่วนการดูแลผู้โดยสารของสายการบินไม่มีเส้นสายที่ต่างกันของคนไม่มีเส้นสาย มีการจัดอาหารให้ผู้โดยสารระหว่างรอ , รับผู้โดยสารทั้งหมดเข้าโรงแรม4 ดาว , จัดอาหารโรงแรมและรถรับส่งของโรงแรม
“เราวิ่งหาความช่วยเหลือจากพันธมิตรเองไม่มีใครสนใจผู้โดยสารของเรา เวลาตรุษจีนไม่มีที่นั่งว่างสำหรับผู้โดยสารวันละเกือบ1พันคน ไม่สามารถเช่าเหมาลำได้เนื่องจากปัญหา ICAO เครื่องสัญชาติไทยไม่สามารถขอเพิ่มเที่ยวบินเข้าฮ่องกงได้”
ในที่สุดCAAT อนุมัติให้บินได้ถึงวันที่19 ก.พ. ซึ่งล่าช้าไป18 ชม. ทุกเที่ยวบินจนถึงวันสุดท้ายที่ได้บินมูลค่าความเสียหายที่นับไม่ถ้วน เวลามีเรื่องเงียบสนิทเราแก้ปัญหาไปเรียบร้อย
เรื่องจบ แต่ข่าวออกมาในวันที่14 ก.พ. หลังจากที่เครื่องบินได้แล้ว สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับสายการบิน ลูกค้าที่จองล่วงหน้าไว้, ลูกค้าทีไม่มั่นใจจากข่าวยกเลิก ,พนักงาน ร่วม200 คน ขวัญเสีย ธุรกิจที่ต้องแบกรับหนี้สินเพิ่มกว่า50 ล้านบาท !! สร้างปัญหาให้กับบริษัทฯซึ่งมีปัญหาทางด้านการเงินอยู่แล้ว นี่หรือคือทางแก้ปัญหาของCAAT !!!! คำกล่าวอ้างว่านักบินชั่วโมงเกินไม่เป็นความจริง หนี้สินมีกันทุกที่ อะไรที่ทำให้ CAAT ตัดสินใจสร้างปัญหาให้ผู้โดยสารและสายการบิน
เราจะต้องปิดกิจการ เราจะต้องตกงาน ชื่อเสียงประเทศชาติเราด้านการท่องเที่ยว เครดิตของเรากับICAO สายการบินของไทยไม่ได้มาตรฐานหรือเรามีสองมาตรฐาน!!!!!!!!!!
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000019362