สวัสดีทุกคนครับ เจอกันอีกแล้วนะครับ คราวนี้ผมได้พา Infinite Prime ไปร่วมงานปั่นขึ้นดอยอินทนนท์
จะว่าไปดอยสูง ๆ อย่างอินทนนท์เนี่ย ผมเองก็ไม่เคยคิดจะไปสักเท่าไรหรอก แต่มีคนเปรียบเทียบว่า การร่วมงานปั่นขึ้นดอยอินทนนท์ถือเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่ในชีวิตนักปั่นต้องไปร่วม วันเวลาปีนี้ว่างอยู่พอดี เลยลงชื่อสมัครไว้ตั้งแต่แรกเลย (เป็นงานสมัครที่คนเต็มเร็วมาก ถ้าผมตัดสินใจช้าก็อาจลงชื่อไม่ทัน)
ทำไมดอยอินทนนท์มันถึงควรไป คำตอบนี้ผมอาจจะยังสรุปเองไม่ได้ เหตุผลของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่ที่แน่ ๆ ดอยอินทนนท์คือ บอสใหญ่สุดสำหรับสายภูเขาของประเทศไทย ไม่มีที่ไหนสูงกว่าที่นี่แล้ว
มันถูกนับเกรดเป็น Hors catégorie ซึ่งคือหนึ่งในระดับยากของการปั่นจักรยานขึ้นเขาซึ่งเริ่มมีการจัดระดับมาตั้งแต่ 1933 ในการแข่งขัน Tour de France โดยระดับทั้งหมดจะเริ่มจาก Category 4 (ง่ายที่สุด) ไปถึง Category 1 (ยากที่สุด) โดยประเมินจากความชันและระยะทาง
ทั้งนี้...มีภูเขาบางลูกที่มีความยากเกินกว่านั้น จึงถูกจัดระดับให้เป็น Hors catégorie (Beyond categorization)
กราฟเปรียบเทียบความชันของภูเขาในไทย
พอเห็นความชันระดับนี้ ผมเองที่เคยผ่านมาแค่อุโมงค์ต้นไม้กับเขาใหญ่สามด่าน แทบต้องประเมินตัวเองใหม่ ชันต่างกันมากเลย ซึ่งส่วนใหญ่นักปั่นที่จะไปจะมีการเตรียมตัวก่อนหลายเดือนเพื่อไปปั่นงานนี้เลยทีเดียว
ถามว่าผมมีการเตรียมตัวไหม ก็มีนะ แต่ก็ไม่มาก (ละเลยเอง) จึงพอประเมินตั้งเป้าหมายตัวเองแค่ปั่นจบ จะปั่นอย่างไรก็ปั่นไป ผมเรียกการปั่นอินทนนท์ของผมครั้งนี้ว่าเป็นสไตล์ต๊ะต่อนยอน ก็คือ การปั่นเบา ๆ ไม่เร่งไม่รีบนั่นแหละ เนิบ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ทำเวลา จะได้ไม่ฝืนให้ตัวเองเจ็บปวดมาก ชุดเฟืองเบาสุดก็ 34-28 คงปั่นให้คุมแรงและหัวใจตัวเองได้ เติมอาหารเป็นช่วง ถ้าช่วงไหนปั่นไม่ไหวก็ยอมเข็น เพราะเตรียมแผ่นครอบคลีตติดตัวไว้ด้วย
มาถึงก่อนหนึ่งวัน ผมก็ไม่ได้ซ้อมอะไรสักเท่าไร ประมาทอีก เพื่อนที่พักในตัวเมืองก็มีไปซ้อมดอยสุเทพ หรือพวกที่พักจอมทองมีซ้อมขึ้นอินทนนท์ไปถึงเนินคัดตัว ผมเองอย่างมากก็แค่หาข้อมูล ซึ่งได้โพยมาดูไว้เปรียบเทียบความชันในแต่ละช่วง จะได้วางแผนตัวเองว่าจะปั่นอย่างไร
โดยเส้นทางที่เราต้องปั่นเป็นแบบนี้ครับ ระยะประมาณ 50 กิโลเมตร
มาถึงวันงานคนเยอะมากเลยครับ จากข้อมูลการสมัครมีถึง 5000 คน (แต่น่าจะมีเพิ่มจากผู้ที่สมัครไม่ทันแต่ร่วมปั่นด้วยอีกเป็นพัน) โดยจุดสตาร์ทนั้นมีการแบ่งเพซให้ด้วย ผมเลือกอยู่ที่ 4 ชั่วโมงเสียเลย ไม่กล้าประเมินตัวเองสูงสักเท่าไร
แอบติดโพยไว้ที่เฟรม
เปิดฉากปล่อยตัว หน้าเส้นสตาร์ทจะเป็นพวกมืออาชีพอย่าง Singha Infinite ตัวทีมชาติ หรือขาแรงสายเขาทีมต่าง ๆ ซึ่งผมมิอาจไปยุ่งกับพวกพี่
จากนั้นเพซถัดมาก็ถูกปล่อยตามลำดับ
หวานหวานมาด้วย
กลุ่มหน้าค่อนข้างปั่นกันโหด ทีม Singha Infinite ช่วยกันลากส่งเพื่อให้ Peter Pouly ทำลายสถิติตัวเอง จากเดิมที่ 2 ชั่วโมง 7 นาที
พา Infinite Prime ไปทรมานบันเทิงบนดอยอินทนนท์
จะว่าไปดอยสูง ๆ อย่างอินทนนท์เนี่ย ผมเองก็ไม่เคยคิดจะไปสักเท่าไรหรอก แต่มีคนเปรียบเทียบว่า การร่วมงานปั่นขึ้นดอยอินทนนท์ถือเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่ในชีวิตนักปั่นต้องไปร่วม วันเวลาปีนี้ว่างอยู่พอดี เลยลงชื่อสมัครไว้ตั้งแต่แรกเลย (เป็นงานสมัครที่คนเต็มเร็วมาก ถ้าผมตัดสินใจช้าก็อาจลงชื่อไม่ทัน)
ทำไมดอยอินทนนท์มันถึงควรไป คำตอบนี้ผมอาจจะยังสรุปเองไม่ได้ เหตุผลของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน แต่ที่แน่ ๆ ดอยอินทนนท์คือ บอสใหญ่สุดสำหรับสายภูเขาของประเทศไทย ไม่มีที่ไหนสูงกว่าที่นี่แล้ว
มันถูกนับเกรดเป็น Hors catégorie ซึ่งคือหนึ่งในระดับยากของการปั่นจักรยานขึ้นเขาซึ่งเริ่มมีการจัดระดับมาตั้งแต่ 1933 ในการแข่งขัน Tour de France โดยระดับทั้งหมดจะเริ่มจาก Category 4 (ง่ายที่สุด) ไปถึง Category 1 (ยากที่สุด) โดยประเมินจากความชันและระยะทาง
ทั้งนี้...มีภูเขาบางลูกที่มีความยากเกินกว่านั้น จึงถูกจัดระดับให้เป็น Hors catégorie (Beyond categorization)
กราฟเปรียบเทียบความชันของภูเขาในไทย
พอเห็นความชันระดับนี้ ผมเองที่เคยผ่านมาแค่อุโมงค์ต้นไม้กับเขาใหญ่สามด่าน แทบต้องประเมินตัวเองใหม่ ชันต่างกันมากเลย ซึ่งส่วนใหญ่นักปั่นที่จะไปจะมีการเตรียมตัวก่อนหลายเดือนเพื่อไปปั่นงานนี้เลยทีเดียว
ถามว่าผมมีการเตรียมตัวไหม ก็มีนะ แต่ก็ไม่มาก (ละเลยเอง) จึงพอประเมินตั้งเป้าหมายตัวเองแค่ปั่นจบ จะปั่นอย่างไรก็ปั่นไป ผมเรียกการปั่นอินทนนท์ของผมครั้งนี้ว่าเป็นสไตล์ต๊ะต่อนยอน ก็คือ การปั่นเบา ๆ ไม่เร่งไม่รีบนั่นแหละ เนิบ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ทำเวลา จะได้ไม่ฝืนให้ตัวเองเจ็บปวดมาก ชุดเฟืองเบาสุดก็ 34-28 คงปั่นให้คุมแรงและหัวใจตัวเองได้ เติมอาหารเป็นช่วง ถ้าช่วงไหนปั่นไม่ไหวก็ยอมเข็น เพราะเตรียมแผ่นครอบคลีตติดตัวไว้ด้วย
มาถึงก่อนหนึ่งวัน ผมก็ไม่ได้ซ้อมอะไรสักเท่าไร ประมาทอีก เพื่อนที่พักในตัวเมืองก็มีไปซ้อมดอยสุเทพ หรือพวกที่พักจอมทองมีซ้อมขึ้นอินทนนท์ไปถึงเนินคัดตัว ผมเองอย่างมากก็แค่หาข้อมูล ซึ่งได้โพยมาดูไว้เปรียบเทียบความชันในแต่ละช่วง จะได้วางแผนตัวเองว่าจะปั่นอย่างไร
โดยเส้นทางที่เราต้องปั่นเป็นแบบนี้ครับ ระยะประมาณ 50 กิโลเมตร
มาถึงวันงานคนเยอะมากเลยครับ จากข้อมูลการสมัครมีถึง 5000 คน (แต่น่าจะมีเพิ่มจากผู้ที่สมัครไม่ทันแต่ร่วมปั่นด้วยอีกเป็นพัน) โดยจุดสตาร์ทนั้นมีการแบ่งเพซให้ด้วย ผมเลือกอยู่ที่ 4 ชั่วโมงเสียเลย ไม่กล้าประเมินตัวเองสูงสักเท่าไร
แอบติดโพยไว้ที่เฟรม
เปิดฉากปล่อยตัว หน้าเส้นสตาร์ทจะเป็นพวกมืออาชีพอย่าง Singha Infinite ตัวทีมชาติ หรือขาแรงสายเขาทีมต่าง ๆ ซึ่งผมมิอาจไปยุ่งกับพวกพี่
จากนั้นเพซถัดมาก็ถูกปล่อยตามลำดับ
หวานหวานมาด้วย
กลุ่มหน้าค่อนข้างปั่นกันโหด ทีม Singha Infinite ช่วยกันลากส่งเพื่อให้ Peter Pouly ทำลายสถิติตัวเอง จากเดิมที่ 2 ชั่วโมง 7 นาที