เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงนะคะ จริงๆเกิดขึ้นหลายปีแล้วค่ะ แต่ช่วงนี้ชอบมีเหุตการณ์หลายๆอย่างที่ทําให้คิดถึง เลยอยากมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
สำหรับลูกๆทุกคน
คุณรู้ไหม ว่าแม่จะอยู่กับคุณไปอีกนานแค่ไหน ปลาเดาว่า คุณคงจะบอกว่า “ ไม่รู้สิ“
ปลาก็ไม่รู้เหมือนกับพวกคุณเนี่ยแหละ ปลาอยู่กับแม่มาตลอดชีวิต อยู่ด้วยกัน คุยกัน หัวเราะกัน แม่ดูแลปลามาอย่างดี ปลารักแม่นะ แต่ไม่เคยแสดงออกเลย คิดเองว่าแม่คงรู้แหละว่าเรารัก แล้วก็มีทะเลาะกันบ้าง เถียงแม่บ้างตามประสาของเด็ก โดยไม่คิดว่าเวลาแม่ฟังแล้วแม่จะรู้สึกยังไง( แต่ตอนนี้หนูเป็นแม่คนแล้ว หนูรู้ซึ้งดีเลยค่ะ เวลาที่หนูเถียงแม่ แม่รู้สึกยังไง หนูขอโทษนะคะ )
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปลาก็เห็นแม่ไม่สบายบ้าง กินยาอะไรของแกไป หลบไปนอนบ้าง แต่ปลาก็ไม่ได้สนใจว่าแกเจ็บแค่ไหน เพราะว่าแม่ไม่แสดงออก แม่ยังเดินได้ ทำความสะอาดบ้านไหว ดูแลพ่อกับปลาได้ตามปกติ แม่เก่งที่สุด
จนมาวันนึง พ่อก็ไปทำงานตอนเช้าตามปกติ แม่ก็เตรียมอาหาร เตรียมกาแฟให้พ่อเหมือนทุกวัน เดินไปเปิดประตูให้พ่อ บอกลากันตามปกติ พอตอนบ่ายวันเดียวกันแม่โทรไปหาพ่อ
ถามว่า “ พ่ออยู่ไหน แม่เดินตามหาทั่วบ้านเลย “
พ่อก็บอกกลับไปว่า “ อ้าว พ่อก็มาทำงานไง เมื่อเช้าแม่ยังเปิดประตูให้อยู่เลย “
แม่บอกว่า “ แม่จำไม่ได้ “
วินาทีนั้น หัวใจของเราสองคนพ่อลูกได้ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เราคิดว่าแม่ต้องเป็นอะไรแน่ๆ หรือว่าแม่จะเป็น อัลไซเมอร์
อย่ามัวแต่เดาอยู่เลยรีบพาแม่ไปหาหมอดีกว่า พอแม่ไปถึงโรงบาลก็เล่าอาการให้หมอฟัง หมอสั่งเข้าเครื่องแสกนด่วน แล้วผลก็ออกมาว่า แม่เป็นเนื้องอกในสมอง อยู่หลายจุด มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก บางจุดก็ไม่สามารถจะผ่าเอาออกได้ เพราะว่ามันอันตรายเกินไปต้องฉายแสงแทน แต่หมอก็ตัดสินใจจะผ่าในส่วนที่พอจะเอาออกได้
แม่ก็เข้ารับการผ่าตัดในวันหลายวันต่อมา วันนั้นแม่เข้าห้องผ่าตัดไปตั้งแต่เช้า ปลาก็ไปนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด ในขณะที่มีญาติของผู้ป่วยคนอื่นมานั่งรอด้วยเช่นกัน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หมอก็เริ่มทยอยเข็นคนไข้ที่ผ่าตัดเสร็จออกมาทีละคน ญาติคนไข้ก็ค่อยๆหายไป
จนเย็นแล้ว แม่ก็ยังไม่ออกมา เหลือปลาแค่คนเดียว ตอนนั้นคิดว่า แม่ต้องไม่เป็นอะไร แม่แข็งแรงจะตาย แม่ต้องหาย แล้วถ้าแม่เป็นอะไรไปหละ ไม่เอา ไม่จริง น้าตาก็ไหลออกมาไม่หยุด คุณเชื่อไหมว่า ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต มันวิ่งเข้ามาไม่หยุด เรื่องที่เราไปไหนมาไหนก็แม่ เรื่องที่แม่ดูแลคอยช่วยเหลือเรา เรื่องที่แม่ตีเรา เรื่องที่เราดื้อกับแม่ เรื่องที่เราเคยเถียงแม่ ปลาก็เริ่มสะอึกสะอื้นแล้ว ใจคอไม่ดีเลย หนูยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณแม่เลย แม่อย่าเพิ่งตายนะ ฮือ ฮือ ฮือ
นั่งรอไปร้องไห้ไปจนเกือบสามทุ่ม หมอก็พาคนไข้คนสุดท้ายออกมา ปลาก็วิ่งไปดู ใช่แม่จริงด้วย พอเห็นสภาพแม่แล้ว มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สงสารแม่จับหัวใจ สายอะไรก็ไม่รู้โยงเต็มไปหมด
หมอบอกว่า “ การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี แต่ว่ายังเยี่ยมไม่ได้นะ ต้องดูแลใกล้ชิด ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ “
วันรุ่งขึ้นพ่อกับปลาก็รีบไปเยี่ยมแม่แต่เช้า เจอแม่นอนอยู่บนเตียงซึ่งสภาพดีกว่าเมื่อวานมาก หมอถอดสายพะรุงพะรังออกจากแม่หมดแล้ว แม่ฟื้นแล้วด้วย แต่ยังพูดอะไรไม่ได้ ปลาก็พุ่งเข้าไปเลย ยิ้มให้แม่ แต่ข้างในนี้ร้องไห้ไปเรียบร้อยแล้ว
“ แม่ แม่ แม่จำหนูได้ไหม “ แม่ยิ้มด้วยสายตา แล้วก็พยักหน้า
แค่นั้นแหละ น้าตาปลาก็ร่วงแบบหยุดไม่อยู่ คือโล่งอกไปเยอะเลย อย่างน้อยสมองของแม่ก็ยังทำงานดีอยู่ ส่วนอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แล้วอาการแม่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดได้ กินได้ ขยับตัวได้ ยิ้มอารมรณ์ดี แม่อยากกินนู่นกินนี่ ปลาก็รีบไปจัดหามาให้ คุยไปกินไป เห็นแม่เริ่มดีขึ้นแล้วหัวใจมันมีความสุขมาก พอหมดเวลาเยี่ยมปลาก็ออกมานั่งรอข้างนอกบ้าง ไปเดินเล่นบ้าง พอถึงเวลาเยี่ยมก็กลับเข้าไปใหม่ จะเป็นอยู่แบบนี้ทุกวัน
วันนี้ก็เหมือนเดิม ไปซื้อของกินมาให้แม่เยอะแยะเลย พอเข้าไปเจอแม่ แม่ก็ยิ้มให้ แต่มันดูแปลกๆ
"แม่เป็นอะไรหรือป่าว หนูซื้อของกินมาให้เพียบเลยนะ " ปากพูดไป มือก็วางของลงบนโต๊ะ
แม่บอกว่าเมื้อกี้หมอมา หมอบอกว่า แล้วแม่ก็เงียบ
“ แล้วหมอบอกว่าอะไรแม่ “
หมอบอกว่า “เนื้องอกที่ผ่าออกมา มันเป็นเนื้อร้าย คือ มะเร็ง และแม่จะอยู่ได้อีกแค่ปีเดียว ”
พอปลาได้ยินแล้ว รู้สึกว่า หูมันอื้อ ตามันลาย ใจมันวูบไปเลย พอรู้สึกตัวอีกทีน้าตาก็ไหลไปแล้ว ปลาก็ไปจับมือแม่ไว้ ไม่เป็นไรนะแม่ ใครจะไปรู้แม่อาจจะอยู่ได้อีกสิบปียี่สิบปีก็ได้เนอะ สู้ๆนะแม่ ปลาพยามจะยิ้มให้แม่ พยามจะเป็นกำลังใจให้แม่ แต่ข้างในเริ่มชักจะไม่ไหวแล้ว
“ แม่หนูไปเข้าห้องน้าก่อนนะ ” พอเดินออกมาจากห้องเท่านั้นแหละ หยุดไม่อยู่แล้ว “ ฮือ ฮือ ฮือ “
นั่งรอข้างนอกจนพ่อมา แล้วก็เล่าให้พ่อฟัง ดุรู้ว่าพ่อตกใจแต่พ่อต้องเข้มแข็ง พ่อก็ลูบหัวปลา แล้วก็พูดแต่ว่า “ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะลูก “
หลังจากนั้นแม่ก็อยู่โรงพยาบาลอีกซักพัก ก็ได้กลับมาอยู่บ้าน แม่พยามจะทำทุกอย่างให้เป็นปกติ พยามจะช่วยเหลือตัวเอง ทั้งที่แม่เจ็บมาก บางทีแม่ยังทำกับข้าวให้ปลากับพ่อเลย แม่บอกว่าไหวให้แม่ทำเถอะ แม่หนูเก่งที่สุดในโลกเลย
แม่เข้าออกโรงพยาบาลเพื่อทำคีโมกับฉายแสงอยู่พักใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แม่ดีขึ้น แม่เริ่มเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น เริ่มขยับตัวไม่ได้ แล้วก็พูดไม่ได้ สุดท้ายแม่ต้องนอนนิ่งๆอย่างเดียว ไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกเราต้องให้อาหารแม่ทางสายยาง แล้วก็คอยเช็ดตัว เช็ดล้างให้แม่เวลาขับถ่าย
ตอนนี้ปลาคิดว่าแม่อาจจะพอมองเห็นอยู่บ้าง แต่ปลาไม่รู้ว่าแม่ได้ยินไหม แต่ปลาก็พยามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแม่ แล้วก็จะคุยกับแก เล่านู่นเล่านี่ให้แม่ฟังตลอด อยากให้แม่รู้ว่าพวกเราไม่ได้ทิ้งแม่ไปไหนนะ แล้วก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น กอดแม่ หอมแม่ จูบแม่ แล้วก็ บอกรักแม่ ปลาก็พูดว่า ” หนูรักแม่นะ ” บ่อยมากๆๆๆ แทบจะทุกนาทีเลย อยากให้แม่ได้รู้ว่า หนูรักแม่มากแค่ไหน
มาถึงตอนนี้ ปลารู้สึกเสียใจมากที่สุดในชีวิต ที่สุดจริงๆ ว่าทำไมถึงรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างสบายไปแบบนี้ แล้วค่อยบอกแสดงความรักกับแม่ ทำไมไม่บอกรักแม่ตอนที่แกยังได้ยิน ตอนทีแม่สามารถตอบโต้กับเราได้ แล้วอีกอย่างที่มันตอกย้าอยู่ในหัวแล้วปลาจะพูดกับแม่บ่อยๆ ก็คือ
“ แม่หนูรักแม่มากที่สุดเลย บุญคุณที่แม่เลี้ยงดูหนูมาในชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ตอบแทน หนูขอตอบแทนแม่ในชาติหน้านะ” แล้วก็ยกมือไหว้แม่
แม่นอนอยู่ในสภาพผักแบบนี้เกือบสองปี จนมีอยู่ช่วงนึงที่อาการแม่เริ่มทรุดลง พวกเราเริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นสัญญาณว่าแม่กำลังจะจากพวกเราไปย่างไม่มีวันกลับ
ปลายขาแม่เริ่มเหลือง เล็บเริ่มดำ เริ่มมีการหยุดหายใจเป็นระยะ จนในที่สุดแม่ก็จากไปอย่างสงบ ปลารู้ว่าแม่ต้องได้ไปสวรรค์แน่ เพราะว่าแม่เป็นคนดีมาก จิตใจดีโอบอ้อมอารี ไม่เคยคิดร้ายใคร เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดให้กับปลา “ ขอบคุณแม่มากเลยนะคะ “
สุดท้ายนี้ปลาก็อยากจะบอกทุกคนว่า เราไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าวันนี้แม่ยังอยู่กับเรา ขอให้ใช้เวลานั้นให้คุ้มค่ามากที่สุด ดูแลแม่ ทำให้แม่มีความสุข รักแม่ให้มากๆ
อย่ารอ ….เพราะคุณอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
คุณรู้ไหมว่า แม่จะอยู่กับคุณไปอีกนานแค่ไหน ...??
สำหรับลูกๆทุกคน
คุณรู้ไหม ว่าแม่จะอยู่กับคุณไปอีกนานแค่ไหน ปลาเดาว่า คุณคงจะบอกว่า “ ไม่รู้สิ“
ปลาก็ไม่รู้เหมือนกับพวกคุณเนี่ยแหละ ปลาอยู่กับแม่มาตลอดชีวิต อยู่ด้วยกัน คุยกัน หัวเราะกัน แม่ดูแลปลามาอย่างดี ปลารักแม่นะ แต่ไม่เคยแสดงออกเลย คิดเองว่าแม่คงรู้แหละว่าเรารัก แล้วก็มีทะเลาะกันบ้าง เถียงแม่บ้างตามประสาของเด็ก โดยไม่คิดว่าเวลาแม่ฟังแล้วแม่จะรู้สึกยังไง( แต่ตอนนี้หนูเป็นแม่คนแล้ว หนูรู้ซึ้งดีเลยค่ะ เวลาที่หนูเถียงแม่ แม่รู้สึกยังไง หนูขอโทษนะคะ )
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ปลาก็เห็นแม่ไม่สบายบ้าง กินยาอะไรของแกไป หลบไปนอนบ้าง แต่ปลาก็ไม่ได้สนใจว่าแกเจ็บแค่ไหน เพราะว่าแม่ไม่แสดงออก แม่ยังเดินได้ ทำความสะอาดบ้านไหว ดูแลพ่อกับปลาได้ตามปกติ แม่เก่งที่สุด
จนมาวันนึง พ่อก็ไปทำงานตอนเช้าตามปกติ แม่ก็เตรียมอาหาร เตรียมกาแฟให้พ่อเหมือนทุกวัน เดินไปเปิดประตูให้พ่อ บอกลากันตามปกติ พอตอนบ่ายวันเดียวกันแม่โทรไปหาพ่อ
ถามว่า “ พ่ออยู่ไหน แม่เดินตามหาทั่วบ้านเลย “
พ่อก็บอกกลับไปว่า “ อ้าว พ่อก็มาทำงานไง เมื่อเช้าแม่ยังเปิดประตูให้อยู่เลย “
แม่บอกว่า “ แม่จำไม่ได้ “
วินาทีนั้น หัวใจของเราสองคนพ่อลูกได้ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เราคิดว่าแม่ต้องเป็นอะไรแน่ๆ หรือว่าแม่จะเป็น อัลไซเมอร์
อย่ามัวแต่เดาอยู่เลยรีบพาแม่ไปหาหมอดีกว่า พอแม่ไปถึงโรงบาลก็เล่าอาการให้หมอฟัง หมอสั่งเข้าเครื่องแสกนด่วน แล้วผลก็ออกมาว่า แม่เป็นเนื้องอกในสมอง อยู่หลายจุด มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก บางจุดก็ไม่สามารถจะผ่าเอาออกได้ เพราะว่ามันอันตรายเกินไปต้องฉายแสงแทน แต่หมอก็ตัดสินใจจะผ่าในส่วนที่พอจะเอาออกได้
แม่ก็เข้ารับการผ่าตัดในวันหลายวันต่อมา วันนั้นแม่เข้าห้องผ่าตัดไปตั้งแต่เช้า ปลาก็ไปนั่งรอที่หน้าห้องผ่าตัด ในขณะที่มีญาติของผู้ป่วยคนอื่นมานั่งรอด้วยเช่นกัน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หมอก็เริ่มทยอยเข็นคนไข้ที่ผ่าตัดเสร็จออกมาทีละคน ญาติคนไข้ก็ค่อยๆหายไป
จนเย็นแล้ว แม่ก็ยังไม่ออกมา เหลือปลาแค่คนเดียว ตอนนั้นคิดว่า แม่ต้องไม่เป็นอะไร แม่แข็งแรงจะตาย แม่ต้องหาย แล้วถ้าแม่เป็นอะไรไปหละ ไม่เอา ไม่จริง น้าตาก็ไหลออกมาไม่หยุด คุณเชื่อไหมว่า ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต มันวิ่งเข้ามาไม่หยุด เรื่องที่เราไปไหนมาไหนก็แม่ เรื่องที่แม่ดูแลคอยช่วยเหลือเรา เรื่องที่แม่ตีเรา เรื่องที่เราดื้อกับแม่ เรื่องที่เราเคยเถียงแม่ ปลาก็เริ่มสะอึกสะอื้นแล้ว ใจคอไม่ดีเลย หนูยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณแม่เลย แม่อย่าเพิ่งตายนะ ฮือ ฮือ ฮือ
นั่งรอไปร้องไห้ไปจนเกือบสามทุ่ม หมอก็พาคนไข้คนสุดท้ายออกมา ปลาก็วิ่งไปดู ใช่แม่จริงด้วย พอเห็นสภาพแม่แล้ว มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก สงสารแม่จับหัวใจ สายอะไรก็ไม่รู้โยงเต็มไปหมด
หมอบอกว่า “ การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี แต่ว่ายังเยี่ยมไม่ได้นะ ต้องดูแลใกล้ชิด ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ “
วันรุ่งขึ้นพ่อกับปลาก็รีบไปเยี่ยมแม่แต่เช้า เจอแม่นอนอยู่บนเตียงซึ่งสภาพดีกว่าเมื่อวานมาก หมอถอดสายพะรุงพะรังออกจากแม่หมดแล้ว แม่ฟื้นแล้วด้วย แต่ยังพูดอะไรไม่ได้ ปลาก็พุ่งเข้าไปเลย ยิ้มให้แม่ แต่ข้างในนี้ร้องไห้ไปเรียบร้อยแล้ว
“ แม่ แม่ แม่จำหนูได้ไหม “ แม่ยิ้มด้วยสายตา แล้วก็พยักหน้า
แค่นั้นแหละ น้าตาปลาก็ร่วงแบบหยุดไม่อยู่ คือโล่งอกไปเยอะเลย อย่างน้อยสมองของแม่ก็ยังทำงานดีอยู่ ส่วนอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แล้วอาการแม่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มพูดได้ กินได้ ขยับตัวได้ ยิ้มอารมรณ์ดี แม่อยากกินนู่นกินนี่ ปลาก็รีบไปจัดหามาให้ คุยไปกินไป เห็นแม่เริ่มดีขึ้นแล้วหัวใจมันมีความสุขมาก พอหมดเวลาเยี่ยมปลาก็ออกมานั่งรอข้างนอกบ้าง ไปเดินเล่นบ้าง พอถึงเวลาเยี่ยมก็กลับเข้าไปใหม่ จะเป็นอยู่แบบนี้ทุกวัน
วันนี้ก็เหมือนเดิม ไปซื้อของกินมาให้แม่เยอะแยะเลย พอเข้าไปเจอแม่ แม่ก็ยิ้มให้ แต่มันดูแปลกๆ
"แม่เป็นอะไรหรือป่าว หนูซื้อของกินมาให้เพียบเลยนะ " ปากพูดไป มือก็วางของลงบนโต๊ะ
แม่บอกว่าเมื้อกี้หมอมา หมอบอกว่า แล้วแม่ก็เงียบ
“ แล้วหมอบอกว่าอะไรแม่ “
หมอบอกว่า “เนื้องอกที่ผ่าออกมา มันเป็นเนื้อร้าย คือ มะเร็ง และแม่จะอยู่ได้อีกแค่ปีเดียว ”
พอปลาได้ยินแล้ว รู้สึกว่า หูมันอื้อ ตามันลาย ใจมันวูบไปเลย พอรู้สึกตัวอีกทีน้าตาก็ไหลไปแล้ว ปลาก็ไปจับมือแม่ไว้ ไม่เป็นไรนะแม่ ใครจะไปรู้แม่อาจจะอยู่ได้อีกสิบปียี่สิบปีก็ได้เนอะ สู้ๆนะแม่ ปลาพยามจะยิ้มให้แม่ พยามจะเป็นกำลังใจให้แม่ แต่ข้างในเริ่มชักจะไม่ไหวแล้ว
“ แม่หนูไปเข้าห้องน้าก่อนนะ ” พอเดินออกมาจากห้องเท่านั้นแหละ หยุดไม่อยู่แล้ว “ ฮือ ฮือ ฮือ “
นั่งรอข้างนอกจนพ่อมา แล้วก็เล่าให้พ่อฟัง ดุรู้ว่าพ่อตกใจแต่พ่อต้องเข้มแข็ง พ่อก็ลูบหัวปลา แล้วก็พูดแต่ว่า “ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไรนะลูก “
หลังจากนั้นแม่ก็อยู่โรงพยาบาลอีกซักพัก ก็ได้กลับมาอยู่บ้าน แม่พยามจะทำทุกอย่างให้เป็นปกติ พยามจะช่วยเหลือตัวเอง ทั้งที่แม่เจ็บมาก บางทีแม่ยังทำกับข้าวให้ปลากับพ่อเลย แม่บอกว่าไหวให้แม่ทำเถอะ แม่หนูเก่งที่สุดในโลกเลย
แม่เข้าออกโรงพยาบาลเพื่อทำคีโมกับฉายแสงอยู่พักใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แม่ดีขึ้น แม่เริ่มเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น เริ่มขยับตัวไม่ได้ แล้วก็พูดไม่ได้ สุดท้ายแม่ต้องนอนนิ่งๆอย่างเดียว ไม่สามารถทำอะไรได้เลย พวกเราต้องให้อาหารแม่ทางสายยาง แล้วก็คอยเช็ดตัว เช็ดล้างให้แม่เวลาขับถ่าย
ตอนนี้ปลาคิดว่าแม่อาจจะพอมองเห็นอยู่บ้าง แต่ปลาไม่รู้ว่าแม่ได้ยินไหม แต่ปลาก็พยามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆแม่ แล้วก็จะคุยกับแก เล่านู่นเล่านี่ให้แม่ฟังตลอด อยากให้แม่รู้ว่าพวกเราไม่ได้ทิ้งแม่ไปไหนนะ แล้วก็ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น กอดแม่ หอมแม่ จูบแม่ แล้วก็ บอกรักแม่ ปลาก็พูดว่า ” หนูรักแม่นะ ” บ่อยมากๆๆๆ แทบจะทุกนาทีเลย อยากให้แม่ได้รู้ว่า หนูรักแม่มากแค่ไหน
มาถึงตอนนี้ ปลารู้สึกเสียใจมากที่สุดในชีวิต ที่สุดจริงๆ ว่าทำไมถึงรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างสบายไปแบบนี้ แล้วค่อยบอกแสดงความรักกับแม่ ทำไมไม่บอกรักแม่ตอนที่แกยังได้ยิน ตอนทีแม่สามารถตอบโต้กับเราได้ แล้วอีกอย่างที่มันตอกย้าอยู่ในหัวแล้วปลาจะพูดกับแม่บ่อยๆ ก็คือ
“ แม่หนูรักแม่มากที่สุดเลย บุญคุณที่แม่เลี้ยงดูหนูมาในชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ตอบแทน หนูขอตอบแทนแม่ในชาติหน้านะ” แล้วก็ยกมือไหว้แม่
แม่นอนอยู่ในสภาพผักแบบนี้เกือบสองปี จนมีอยู่ช่วงนึงที่อาการแม่เริ่มทรุดลง พวกเราเริ่มรู้แล้วว่ามันเป็นสัญญาณว่าแม่กำลังจะจากพวกเราไปย่างไม่มีวันกลับ
ปลายขาแม่เริ่มเหลือง เล็บเริ่มดำ เริ่มมีการหยุดหายใจเป็นระยะ จนในที่สุดแม่ก็จากไปอย่างสงบ ปลารู้ว่าแม่ต้องได้ไปสวรรค์แน่ เพราะว่าแม่เป็นคนดีมาก จิตใจดีโอบอ้อมอารี ไม่เคยคิดร้ายใคร เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่ดีที่สุดให้กับปลา “ ขอบคุณแม่มากเลยนะคะ “
สุดท้ายนี้ปลาก็อยากจะบอกทุกคนว่า เราไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าวันนี้แม่ยังอยู่กับเรา ขอให้ใช้เวลานั้นให้คุ้มค่ามากที่สุด ดูแลแม่ ทำให้แม่มีความสุข รักแม่ให้มากๆ
อย่ารอ ….เพราะคุณอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว