หลวงพ่อที่ผมเคารพนับถือได้เล่าให้ฟังว่า อย่าเพ่งโทษใคร
แม้แต่คำชมก็ไม่ควาร
ผมก็นึกสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อจึงสอนว่า
"แม้แต่คำชมก็ไม่ควร"
ทั้ง ๆที่คำชมเป็นสิ่งที่ดีใคร ๆ ก็ชื่นชอบ
ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่าธุดงค์ไปทางป่าเมืองกาญจน์เข้าเขตประเทศพม่า
ท่านไปเจอพระรูปหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าจึงเข้าไปกราบนมัสการ
ทันทีที่ได้พบเห็นรู้สึกสัมผัสได้ถึงกระแสความอ่อนโยนเยือกเย็นของท่าน
จึงนึกชมท่านอยู่ในใจว่า
"สงสัยเรามาเจอพระดีเข้าแล้ว"
ทันทีนั้นพระป่ารูปนั้นก็พูดสวนออกมาว่า
"อย่าเพียงแต่ชมว่าคนนั้นดี คนนี้ดี เราควรสำรวจตัวเองเพื่อทำความดีจะดีกว่า
อย่ามัวเพ่งมัวว่าคนโน้นดี คนนี้ชั่ว"
หลวงพ่อท่านบอกว่าคนที่เพ่งคนอื่นนั้นคือคนเลว เพราะมัวแต่จ้องมองคนอื่นโดยที่ไม่เคยมองตนเอง
ผมก็เลยถึง"บางอ้อ" ว่าการชมคนอื่นนั้นมันไม่ดีอย่างนี้เอง
โดยเฉพาะอยู่ในสมณะเพศยิ่งไม่ควรเพ่งโทษใคร ไม่ตอบโต้ใคร
ควรยุติเรื่องทั้งกวงด้วยการ"อโหสิกรรม" ไม่ใช่การดีเบต หรือการถกเถียงโต้แย้งเพื่อเอาชนะกัน
ดีแล้วที่สมเด็จช่วงท่านห้ามการตอบโต้ เพราะนั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่วิถีของสมณเพศที่พึงกระทำ
พุทธศาสนิกที่มีปัญญาย่อมแยกแยะได้ว่าพระองค์ไหนคือพระที่แท้จริงหรือ"พระครึ่งท่อน"
พระองค์ไหนที่เรากราบได้สนิทใจ องค์ไหนกราบอย่างกระอักกระอ่วนใจ
อ่านถึงตอนนี้บางคนอาจนึกได้ว่าหลวงพ่อองค์นี้คือท่านใด อยู่วัดไหน ถ้าเป็นศิษย์ของท่านคงคิดออก
ปล. อยากพิมพ์ยาว ๆ แต่กลัวไม่มีคนอ่านครับ
คนดีจะไม่เพ่งโทษใคร และไม่ชมใคร
ผมก็นึกสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อจึงสอนว่า "แม้แต่คำชมก็ไม่ควร"
ทั้ง ๆที่คำชมเป็นสิ่งที่ดีใคร ๆ ก็ชื่นชอบ
ท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่าธุดงค์ไปทางป่าเมืองกาญจน์เข้าเขตประเทศพม่า
ท่านไปเจอพระรูปหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าจึงเข้าไปกราบนมัสการ
ทันทีที่ได้พบเห็นรู้สึกสัมผัสได้ถึงกระแสความอ่อนโยนเยือกเย็นของท่าน
จึงนึกชมท่านอยู่ในใจว่า
"สงสัยเรามาเจอพระดีเข้าแล้ว"
ทันทีนั้นพระป่ารูปนั้นก็พูดสวนออกมาว่า
"อย่าเพียงแต่ชมว่าคนนั้นดี คนนี้ดี เราควรสำรวจตัวเองเพื่อทำความดีจะดีกว่า
อย่ามัวเพ่งมัวว่าคนโน้นดี คนนี้ชั่ว"
หลวงพ่อท่านบอกว่าคนที่เพ่งคนอื่นนั้นคือคนเลว เพราะมัวแต่จ้องมองคนอื่นโดยที่ไม่เคยมองตนเอง
ผมก็เลยถึง"บางอ้อ" ว่าการชมคนอื่นนั้นมันไม่ดีอย่างนี้เอง
โดยเฉพาะอยู่ในสมณะเพศยิ่งไม่ควรเพ่งโทษใคร ไม่ตอบโต้ใคร
ควรยุติเรื่องทั้งกวงด้วยการ"อโหสิกรรม" ไม่ใช่การดีเบต หรือการถกเถียงโต้แย้งเพื่อเอาชนะกัน
ดีแล้วที่สมเด็จช่วงท่านห้ามการตอบโต้ เพราะนั่นไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่วิถีของสมณเพศที่พึงกระทำ
พุทธศาสนิกที่มีปัญญาย่อมแยกแยะได้ว่าพระองค์ไหนคือพระที่แท้จริงหรือ"พระครึ่งท่อน"
พระองค์ไหนที่เรากราบได้สนิทใจ องค์ไหนกราบอย่างกระอักกระอ่วนใจ
อ่านถึงตอนนี้บางคนอาจนึกได้ว่าหลวงพ่อองค์นี้คือท่านใด อยู่วัดไหน ถ้าเป็นศิษย์ของท่านคงคิดออก
ปล. อยากพิมพ์ยาว ๆ แต่กลัวไม่มีคนอ่านครับ