สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) ก็เคยถูกใส่ร้ายป้ายสีให้มีมลทินจนต้องถูกจับสึกและติดคุก

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ)  ท่านก็เคยถูกพวกมารใส่ร้ายป้ายสีและถูกกล่าวหาว่า "เสพเมถุนทางเวจมรรคกับศิษย์วัด" และ "ทำอัชฌาจารปล่อยสุกกะ   ในสมัยนั้น ผู้คนก็เชื่อตามหลักฐานที่คนใส่ร้ายตั้งใจนำมาแสดงบิดเบือน มีทั้งเอาพยานมายืนยันใส่ความ ตอนนั้นมีการสมคบคิดร่วมกันทังฝ่ายบ้านเมืองและสงฆ์อีกฝ่าย  สุดท้ายท่านต้องถูกจับสึกและติดคุกติดตะรางอยู่หลายปี




แต่สุดท้าย  ผลกรรมตามทันพวกที่จงใจใส่ร้ายป้ายสีป้ายมลทินท่านจนประสบภัยพิบัติหายนะกันหมดทุกคน!



เรื่องสมเด็จวัดปากน้ำ  ตลอดทั้งชีวิตของท่านอุทิศเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาออกไปต่างประเทศ มีการสร้างโรงเรียนปริยัติธรรม มีการส่งพระธรรมทูตออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา มีการนำบรรดาเณรน้อยจากวัดในศรีลังกา เนปาล มาบวชเรียนในวัดปากน้ำ ให้ได้เรียนปริยัติธรรม แล้วส่งกลับไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา


แต่ตอนนี้ กับแค่เรื่องรถโบราณคันเดียว ที่มีผู้บริจาคโดยเจาะจงใส่ชื่อท่าน  แต่ว่าโดนจงใจใส่ใคล้ว่า เป็นรถหรูๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งที่เป็นรถที่ใช้งานจริงไม่ได้ แล้วก็อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของวัดปากน้ำ เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาชม ไม่ใช่เก็บไว้ชื่นชมส่วนตัว


ผมเองเคยบวชที่วัดปากน้ำ 2 เดือนในช่วงที่ปิดเทอมสมัยเป็นนักศึกษา  ความเป็นอยู่ของท่านก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ฟุ้งเฟ้ออะไรเลย    ทุกเช้าท่านจะลงทำวัตรเช้าในอุโบสถกับพระสงฆ์และเณรของวัดปากน้ำ  แล้วพอทำวัตรสวดมนต์เสร็จ  ท่านก็จะพานั่งทำสมาธิต่ออีกครึ่งชั่วโมง เป็นอย่างนี้ทุกเช้ามิเคยขาด  ฉันเช้าก็ฉันร่วมกันกับพระเณรทั้งวัด ไม่ได้แยกฉัน ไม่ได้มีอาหารวิลิศมาหรา ฉันเพลก็ฉันร่วมกับพระเณรทั้งวัดอีก  ทำอย่างนี้ทุกเช้าทุกวันไม่เคยขาด  และไม่เคยเห็นท่านสะสมอะไรฟุ้งเฟ้อ

รถโบราณในวัดปากน้ำมี 3 คันที่มีผู้ถวาย  แต่มีเพียงคันเดียวที่ผู้ถวายเจาะจงให้ใส่เป็นชื่อท่าน


ในสมัยพุทธกาล  ก็มีอุบาสกอุบาสิกาที่ถวายทานถวายปัจจัยทั้งที่เจาะจงถวายเป็นสังฆทาน และถวายเป็นส่วนตัว  เพียงแต่พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า การถวายเป็นสังฆทานนั้นย่อมได้บุญกว่า  แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าจะห้ามถวายเป็นส่วนตัว  เพราะขึ้นอยู่กับศรัทธาของญาติโยมที่ถวาย  อย่างที่เรียกว่า ไม่ขัดศรัทธาของญาติโยม  แต่การจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร ก็อยู่ที่พระภิกษุผู้รับจะพึงพิจารณาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ถือว่าเป็น "กรรม" ของทุกๆ คนนะครับ

กรณีของสมเด็จพุฒาจารย์(อาจ)นั้น   ท่านดำรงตำแหน่งเป็นสังฆมนตรีว่าการศึกษา  ตำแหน่งพระราชาคณะชั้นหิรัญบัตรที่พระพิมลธรรม เพราะท่านทุ่มเทให้งานเผยแพร่มาก(จุดประกายส่งพระออกไปเผยแพร่ต่างประเทศครั้งแรก  เลยโดนข้อห้าฝักใฝ่คอมมิวนิสต์) ตอนท่านโดนเล่นงานนั้นเป็นความอิจฉาริษยาในหมู่พระด้วยกันเอง  แล้วไปยืมมือบ้านเมืองเข้ามากำจัดท่าน    ตำรวจจากสันติบาลนิมนต์ท่านให้สึก   ท่านไม่ยอมสึก  มีการกระชากผ้าเหลืองกันชุลุมุน   พระที่กระชากผ้าเหลืองท่านคืออดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตร พระธรรมราชานุวัติ(ฟื้น)   พระสังฆราชที่สนับสนุนให้ฆราวาสเล่นงานท่านก็ประสบอุบัติเหตุมรณภาพ   พระที่มีส่วนร่วมก็มีอันเป็นไป     สมัยผมบวชเณรเรียนที่วัดมหาธาตุก็เคยไปกราบสักการะท่านเจ้าคุณหลวงพ่อใหญ่สมเด็จพุฒาจารย์(อาจ)เสมอๆ   ท่านก็เคยเล่าเรื่องให้ฟังบ้างแบบปะติดปะต่อ   ท่านไม่เคยโทษใครเลย   ท่านบอกว่าท่านชดใช้กรรมของท่าน   คนอื่นๆ จะเป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามกรรม        


ส่วนกรณีสมเด็จช่วงนี้   ออกจะแตกต่างกันอยู่หลายจุด  คล้ายกันอยู่หลายจุด....จุดสำคัญในความคิดส่วนตัวของผมก็คือ  เรื่องธรรมยุติกับเรื่องมหานิกายครับ   คณะสงฆ์จากทั้งสองฝ่ายอาจจะยินยอมให้สมเด็จช่วงเป็นสังฆราช   แต่ผมไม่แน่ในว่า "ฆราวาส" จะยอมได้มากน้อยขนาดไหน   ถ้าสนใจก็ลองสืบสาวราวเรื่องศึกระหว่างธรรมยุติและมหานิกายดู   ศึกนี้ส่วนใหญ่จะมีตำแหน่งสังฆราชเป็นตัววางเดิมพัน     


ดูกรณีของสมเด็จพุฒาจารย์(อาจ)ก็จะเห็นว่า    การใช้บ้านเมืองเล่นงานท่านนั้นเป็นการเตะสกัดดาวรุ่ง   เพราะท่านมีผลงานมากมายและเป็นพระราชาคณะรองสมเด็จตั้งแต่อายุยังน้อย    คือตอนนั้นท่านเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะในขณะที่ "สมเด็จพระญาณสังวร" เป็นเพียงพระราชาคณะชั้นสามัญอยู่  คือวัยวุฒิและพรรษายังห่างกันมาก......แต่สุดท้ายสมเด็จพระญาณสังวรก็ไต่เต้าจากพระราชาคณะชั้นสามัญ  ชั้นราช  ชั้นเทพ  ชั้นธรรม ชั้นรองสมเด็จ  ชั้นสมเด็จ  และสุดท้ายเป็นสังฆราชได้แบบผ่านสมเด็จพุฒาจารย์แบบฉลุย   เพราะมีแบ็คอัพดีและอยู่ฝ่ายธรรมยุติ   


คนอย่างอาจารย์สมศักดิ์  เจียมฯ   และศ. ศิวรักษ์   ที่โพนทะนาด่าตำหนิพระสงฆ์เรื่องตำแหน่งสังฆราชนั้น   เห็นจะไม่ถูกต้องนัก....พระท่านอยู่ของท่านดีๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว    ใครล่ะครับที่อุปโลกน์ตำแหน่งอย่างนี้ไปให้ท่าน(เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมือง)??.....อาจารย์สมศักดิ์และ ศ.ศิวรักษ์ก็เอกอุในเรื่องประวัติศาสตร์อยู่แล้ว   ถ้าจะวิจารณ์ก็ลองวิจารณ์ให้สุดโคนลิ้นสิครับ   อย่าวิจารณ์เอาแค่ที่ปลายลิ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่