ชื่อภาพยนตร์ : Joy
วันที่ออกฉายในไทย : 18 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้กำกับ: เดวิด โอ. รัสเซล
ความยาว: 2 ชม. 4 นาที
นักแสดงนำ :
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (จอย แมงกาโน่)
แบรดลีย์ คูเปอร์
รอเบิร์ต เดอ นิโร
อิซาเบลลา รอสเซลลินี
เวอร์จิเนีย แมดเซน
- บทวิจารณ์ -
JOY เปิดเรื่องด้วยภาพมายาบนโลกภาพยนตร์ที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา และการเดินเรื่องที่พูดถึงจุดกำเนิดของตัวละคร "จอย แมงกาโน่"
หญิงสาวที่กล้าเริ่มต้นกิจการ จากความคิดพื้นฐานง่ายๆที่ว่า "ยิ่งหลบซ่อนตัวตนของเรามากเท่าไหร่ เรายิ่งลืมว่าตัวเองเป็นใครมากเท่านั้น"
ภาพยนตร์เดินเรื่องว่าด้วยสังคมอเมริกันในยุคที่ต่างคนต่างแสวงหาความสำเร็จบนดินแดนแห่งอิสรภาพเจริญถึงขีดสุดแห่งนี้
บางคนประสบความสำเร็จ บางคนก็ล้มเหลว หากแต่ยังคงมีความมุ่งมั่นที่ผลักดันให้ใครสักคนกล้าที่จะลุดขึ้นมาฝัน
ลุกขึ้นมาเริ่มต้นกิจการของตัวเอง พยายามหาทางผ่าทางตัน และสร้างโอกาสของตัวเองขึ้นมาบนโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันสูงลิ่ว
แม้ว่า จอย จะได้รับการยกย่อง และเป็นที่รักกับ "บางคน" ในครอบครัว
แต่หลายครั้งครอบครัว เราจะพบตลอดเรื่องว่า ครอบครัวต่างหากที่กลายมาเป็น ปมปัญหาสำคัญที่สุดของ จอย
หากสังเกตไปถึงตัวผู้กำกับเราจะพบว่า รัสเซล มักสนใจรายละเอียดของครอบครัวที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
แต่เขาก็มักมีที่ว่างให้ความงดงามของการช่วยเหลือกันและกันในครอบครัวนั้นๆ เสมอ
สำหรับการเดินเรื่องให้เป็นไปอย่างลงตัว นั้น
บทสนทนาได้ถูกขับเคลื่อนผ่านตัวละครที่ชื่อว่า มีมี่ คุณยายของ จอย
หญิงสาวผู้อยู่กับเธอนับแต่วันแรกที่เธอผลิแย้มประกายแห่งความเป็นนักประดิษฐ์ตัวน้อยๆ ออกมาให้เธอเห็น
และภาพของหนัง ได้ลำดับเรื่องราว ให้เราได้เห็นความไม่สมบูรณ์ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของ จอย
ซึ่งหากมองในลักษณะธรรมดา ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกินเมื่อเราต่างก็รู้ในความจริงอยู่แล้วว่า
แต่ละตัวละครย่อมมีข้อจำกัดในแบบของตัวเอง แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นนั่นแหละ ที่หล่อหลอมให้ จอย ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งขึ้น
แม้ตลอดระยะทางของการเดินเรื่อง จะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายนับร้อย นับพันประการ ที่ถาโถมเข้ามาตลอดเส้นเรื่องที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอ
สิ่งที่ จอย สื่อสารให้เราได้สัมผัส คือ ถึ'แม้คำว่า "ครอบครัว" จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและดูยุ่งเหยิง ย้อนแยงในตรรกะ ความคิด คำพุดของแต่ละคน
แต่ก็นั่นแหละ ความธรรมดาของคนเรา และเต็มไปด้วยปัญหา คือ สิ่งที่เรียกว่า "ชีวิตจริง!!" นั่นแหละ
หากพูดถึงแก่นของหนังเรื่องนี้ คำเดียวที่โลดแล่นออกมาให้เราซึมซับได้ตลอดเวลา คือคำว่า "ให้อภัย"
ทำอย่างไรที่คนๆหนึ่ง คนที่เป็นผู้หญิง ลูกสอง จะค้นหาคำตอบในการรักษาสมดุลของทุกๆอย่างที่สำคัญต่อชีวิตของเธอเอง
ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจขายสินค้าทางโทรทัศน์ ในยุคของ Kickstarter QVC ที่ได้เบิกร่องมาก่อนการกำเนิดขึ้นของ "อินเตอร์เน็ต”
หาก "จอย" จะเป็นคัมภีร์ให้เราได้ศึกษา เรียนรู้ และวิเคราะห์ไปถึงทศนคติ ข้อคิดในแง่มุมใดๆ แล้ว ผมคงกล่าวได้ว่า นี่คือหนังที่กำลังจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับคนที่คิดจะเริ่มต้นธรุกิจของตัวเองว่า
“ขึ้นชื่อว่า ปัญหา มันไม่มีวันจบ หน้าที่ของคุณ คือ การไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าสู้อย่างสุดความสามารถอยู่เสมอ
โดยไม่ต้องคำนึง ว่าคุณเป็นใคร มีพื้นฐานต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใด ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ทุกความแข็งแกร่งที่คุณได้รับจากปัญหา
ไม่ว่าคุณจะแก้ไขมันได้สำเร็จผล หรือ ล้มเหลว มันจะคอยบ่มเพาะความเป็นผู้ใหญ่ให้คุณมากขึ้นในทุกๆครั้ง เสมอ”
ผมชอบ ทัศนคติ การไม่ยอมแพ้ของ จอย การมองสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ว่า เป็นไปได้
การมองสิ่งที่เป็นงานหนัก ว่าเป็นงานสุจริต และไม่ต้องอายใคร
การมองเห็น คน เท่ากันกับ คน
การรู้ว่าใครหวังอะไรกับเรา
และเหนื่ออื่นใด ความละเอียดรอบคอบ
เพลงประกอบ เข้ากันได้ดีกับโทนของหนัง เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ การลุ้นระทึก และความสมหวังเจือๆกันไปอย่างน่าประหลาด
บทสรุป
ผมให้ 3.5 / 5 คะแนน
นี่คือหนังแนวชีวิตจริง ที่นักธุรกิจ Start Up ทั้งหลายควรจะได้ดู
เพราะอย่างน้อยพลังที่หนังส่งมาให้
จะได้จุดเปลวไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์ในใจ
ที่อาจอ่อนกำลังลงไปกลับลุกพรึ่บสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
- C R E A T E D BY E n d C r e d i t M a n -
รีวิว J O Y : เต็มไปด้วยชั้นเชิงในบทสนทนาและสั่นคลอนศรัทธาในคำว่า "ครอบครัว" อย่างที่สุด!
ชื่อภาพยนตร์ : Joy
วันที่ออกฉายในไทย : 18 กุมภาพันธ์ 2559
ผู้กำกับ: เดวิด โอ. รัสเซล
ความยาว: 2 ชม. 4 นาที
นักแสดงนำ :
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (จอย แมงกาโน่)
แบรดลีย์ คูเปอร์
รอเบิร์ต เดอ นิโร
อิซาเบลลา รอสเซลลินี
เวอร์จิเนีย แมดเซน
JOY เปิดเรื่องด้วยภาพมายาบนโลกภาพยนตร์ที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา และการเดินเรื่องที่พูดถึงจุดกำเนิดของตัวละคร "จอย แมงกาโน่"
หญิงสาวที่กล้าเริ่มต้นกิจการ จากความคิดพื้นฐานง่ายๆที่ว่า "ยิ่งหลบซ่อนตัวตนของเรามากเท่าไหร่ เรายิ่งลืมว่าตัวเองเป็นใครมากเท่านั้น"
ภาพยนตร์เดินเรื่องว่าด้วยสังคมอเมริกันในยุคที่ต่างคนต่างแสวงหาความสำเร็จบนดินแดนแห่งอิสรภาพเจริญถึงขีดสุดแห่งนี้
บางคนประสบความสำเร็จ บางคนก็ล้มเหลว หากแต่ยังคงมีความมุ่งมั่นที่ผลักดันให้ใครสักคนกล้าที่จะลุดขึ้นมาฝัน
ลุกขึ้นมาเริ่มต้นกิจการของตัวเอง พยายามหาทางผ่าทางตัน และสร้างโอกาสของตัวเองขึ้นมาบนโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันสูงลิ่ว
แม้ว่า จอย จะได้รับการยกย่อง และเป็นที่รักกับ "บางคน" ในครอบครัว
แต่หลายครั้งครอบครัว เราจะพบตลอดเรื่องว่า ครอบครัวต่างหากที่กลายมาเป็น ปมปัญหาสำคัญที่สุดของ จอย
หากสังเกตไปถึงตัวผู้กำกับเราจะพบว่า รัสเซล มักสนใจรายละเอียดของครอบครัวที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
แต่เขาก็มักมีที่ว่างให้ความงดงามของการช่วยเหลือกันและกันในครอบครัวนั้นๆ เสมอ
สำหรับการเดินเรื่องให้เป็นไปอย่างลงตัว นั้น
บทสนทนาได้ถูกขับเคลื่อนผ่านตัวละครที่ชื่อว่า มีมี่ คุณยายของ จอย
หญิงสาวผู้อยู่กับเธอนับแต่วันแรกที่เธอผลิแย้มประกายแห่งความเป็นนักประดิษฐ์ตัวน้อยๆ ออกมาให้เธอเห็น
และภาพของหนัง ได้ลำดับเรื่องราว ให้เราได้เห็นความไม่สมบูรณ์ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของ จอย
ซึ่งหากมองในลักษณะธรรมดา ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกินเมื่อเราต่างก็รู้ในความจริงอยู่แล้วว่า
แต่ละตัวละครย่อมมีข้อจำกัดในแบบของตัวเอง แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นนั่นแหละ ที่หล่อหลอมให้ จอย ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งขึ้น
แม้ตลอดระยะทางของการเดินเรื่อง จะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทายนับร้อย นับพันประการ ที่ถาโถมเข้ามาตลอดเส้นเรื่องที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอ
สิ่งที่ จอย สื่อสารให้เราได้สัมผัส คือ ถึ'แม้คำว่า "ครอบครัว" จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและดูยุ่งเหยิง ย้อนแยงในตรรกะ ความคิด คำพุดของแต่ละคน
แต่ก็นั่นแหละ ความธรรมดาของคนเรา และเต็มไปด้วยปัญหา คือ สิ่งที่เรียกว่า "ชีวิตจริง!!" นั่นแหละ
หากพูดถึงแก่นของหนังเรื่องนี้ คำเดียวที่โลดแล่นออกมาให้เราซึมซับได้ตลอดเวลา คือคำว่า "ให้อภัย"
ทำอย่างไรที่คนๆหนึ่ง คนที่เป็นผู้หญิง ลูกสอง จะค้นหาคำตอบในการรักษาสมดุลของทุกๆอย่างที่สำคัญต่อชีวิตของเธอเอง
ท่ามกลางการเติบโตของธุรกิจขายสินค้าทางโทรทัศน์ ในยุคของ Kickstarter QVC ที่ได้เบิกร่องมาก่อนการกำเนิดขึ้นของ "อินเตอร์เน็ต”
หาก "จอย" จะเป็นคัมภีร์ให้เราได้ศึกษา เรียนรู้ และวิเคราะห์ไปถึงทศนคติ ข้อคิดในแง่มุมใดๆ แล้ว ผมคงกล่าวได้ว่า นี่คือหนังที่กำลังจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับคนที่คิดจะเริ่มต้นธรุกิจของตัวเองว่า
“ขึ้นชื่อว่า ปัญหา มันไม่มีวันจบ หน้าที่ของคุณ คือ การไม่ยอมแพ้ และเดินหน้าสู้อย่างสุดความสามารถอยู่เสมอ
โดยไม่ต้องคำนึง ว่าคุณเป็นใคร มีพื้นฐานต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใด ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ทุกความแข็งแกร่งที่คุณได้รับจากปัญหา
ไม่ว่าคุณจะแก้ไขมันได้สำเร็จผล หรือ ล้มเหลว มันจะคอยบ่มเพาะความเป็นผู้ใหญ่ให้คุณมากขึ้นในทุกๆครั้ง เสมอ”
ผมชอบ ทัศนคติ การไม่ยอมแพ้ของ จอย การมองสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ว่า เป็นไปได้
การมองสิ่งที่เป็นงานหนัก ว่าเป็นงานสุจริต และไม่ต้องอายใคร
การมองเห็น คน เท่ากันกับ คน
การรู้ว่าใครหวังอะไรกับเรา
และเหนื่ออื่นใด ความละเอียดรอบคอบ
เพลงประกอบ เข้ากันได้ดีกับโทนของหนัง เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ การลุ้นระทึก และความสมหวังเจือๆกันไปอย่างน่าประหลาด
ผมให้ 3.5 / 5 คะแนน
นี่คือหนังแนวชีวิตจริง ที่นักธุรกิจ Start Up ทั้งหลายควรจะได้ดู
เพราะอย่างน้อยพลังที่หนังส่งมาให้
จะได้จุดเปลวไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์ในใจ
ที่อาจอ่อนกำลังลงไปกลับลุกพรึ่บสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
ไปพบและพูดคุยกันต่อได้ที่ : https://www.facebook.com/NungKangPang/