พระราชวิจิตรปฏิภาณ จวก จุลเจิม ยุคล ทัศนคติแย่ สะท้อนเบื้องลึกจิตใจ หลังแนะใช้โคโยตี้ปราบม็อบพระ ชี้คะนองปากครั้งเดียวก็อาจไม่มีที่อยู่ได้ เชื่อพูดจริงไม่ได้ล้อเล่น
จากกรณี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ ได้แนะนำวิธีจัดการกับม็อบพระหากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกครั้งหลายวิธี อาทิ เช่น การจ้างโคโยตี้ หรือหมอหนวดให้มายืนอยู่แนวหน้าทหารชาย หรือการยั่วน้ำย่อยให้หิวด้วยการรมควันอาหารเข้าใส่หากการชุมนุมผ้าเหลืองยืดเยื้อ เพื่อจะนำไปสู่การจับสึก (อ่านข่าว จุลเจิม ยุคล แนะปราบม็อบพระ จ้างโคโยตี้-หมอนวด ยืนประจันแนวหน้า รอโดนตัวจับสึกทันที)
ล่าสุด (18 กุมภาพันธ์ 2559) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 รายงานว่า พระราชวิจิตรปฏิภาณ หรือ เจ้าคุณพิพิธ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับท่านเลยในทุกกรณี แต่ท่านเอาตัวเองมาลงกับเรื่องนี้ทำไม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่จะช่วยรัฐบาลหรือฝ่ายใด ๆ ก็ตามที่จะไม่ให้พระได้เข้าไปในพุทธมณฑล การคิดอย่างนี้สะท้อนเบื้องลึกของจิตใจ 2 ประการ คือ
1. อคติที่มีต่อคณะสงฆ์ แสดงว่าท่านไม่ได้รู้เหตุผลในการประชุมของคณะสงฆ์ มีความเกลียดชังต่อองค์กรคณะสงฆ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จึงแสดงทัศนคติเอนเอียงแบบนี้
2. ทัศนคติที่แสดงออกมาใครที่ได้อ่านจะเห็นได้เลยว่า ดูถูกผู้แสดงทัศนคติเอง
พระราชวิจิตรปฏิภาณ กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นคนระดับล่าง คนทั่วไปอาจไม่เป็นไร เปรียบเทียบไปก็เหมือนการพลั้งคะนองปาก แต่ถ้าเป็นนักวิชาการ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และมีฐานันดรสูง การคะนองปากเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ไม่มีที่อยู่ได้ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่พูดเล่นไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ยิ่งสูงมาก การสำรวมปาก ควรมีสติสัมปชัญญะ ปัญญา จึงเป็นความประเสริฐ เพราะคนสูงมากชมคนต่อหน้าใครก็ไม่ดี ชมคน 1 คน คนนั้นอาจถูกเกลียดเป็นร้อยเป็นพัน ติคน 1 คน คนที่โดนติก็เกลียดชัง คนที่เกลียดชังคนโดนติก็ยิ่งถมทับเขามากยิ่งขึ้นอีก เรื่องการพูดอย่างนี้ มองว่าไม่ใช่เรื่องเล่นแล้วล่ะ เป็นความจงใจที่จะพูด และข้อความแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
http://hilight.kapook.com/view/133042
เจ้าคุณพิพิธ อัด จุลเจิม ยุคล ทัศนคติแย่ หลังแนะใช้โคโยตี้ปราบม็อบพระ
พระราชวิจิตรปฏิภาณ จวก จุลเจิม ยุคล ทัศนคติแย่ สะท้อนเบื้องลึกจิตใจ หลังแนะใช้โคโยตี้ปราบม็อบพระ ชี้คะนองปากครั้งเดียวก็อาจไม่มีที่อยู่ได้ เชื่อพูดจริงไม่ได้ล้อเล่น
จากกรณี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ ได้แนะนำวิธีจัดการกับม็อบพระหากมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกครั้งหลายวิธี อาทิ เช่น การจ้างโคโยตี้ หรือหมอหนวดให้มายืนอยู่แนวหน้าทหารชาย หรือการยั่วน้ำย่อยให้หิวด้วยการรมควันอาหารเข้าใส่หากการชุมนุมผ้าเหลืองยืดเยื้อ เพื่อจะนำไปสู่การจับสึก (อ่านข่าว จุลเจิม ยุคล แนะปราบม็อบพระ จ้างโคโยตี้-หมอนวด ยืนประจันแนวหน้า รอโดนตัวจับสึกทันที)
ล่าสุด (18 กุมภาพันธ์ 2559) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 รายงานว่า พระราชวิจิตรปฏิภาณ หรือ เจ้าคุณพิพิธ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับท่านเลยในทุกกรณี แต่ท่านเอาตัวเองมาลงกับเรื่องนี้ทำไม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่จะช่วยรัฐบาลหรือฝ่ายใด ๆ ก็ตามที่จะไม่ให้พระได้เข้าไปในพุทธมณฑล การคิดอย่างนี้สะท้อนเบื้องลึกของจิตใจ 2 ประการ คือ
1. อคติที่มีต่อคณะสงฆ์ แสดงว่าท่านไม่ได้รู้เหตุผลในการประชุมของคณะสงฆ์ มีความเกลียดชังต่อองค์กรคณะสงฆ์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จึงแสดงทัศนคติเอนเอียงแบบนี้
2. ทัศนคติที่แสดงออกมาใครที่ได้อ่านจะเห็นได้เลยว่า ดูถูกผู้แสดงทัศนคติเอง
พระราชวิจิตรปฏิภาณ กล่าวอีกว่า ถ้าเป็นคนระดับล่าง คนทั่วไปอาจไม่เป็นไร เปรียบเทียบไปก็เหมือนการพลั้งคะนองปาก แต่ถ้าเป็นนักวิชาการ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ และมีฐานันดรสูง การคะนองปากเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ไม่มีที่อยู่ได้ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่พูดเล่นไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ยิ่งสูงมาก การสำรวมปาก ควรมีสติสัมปชัญญะ ปัญญา จึงเป็นความประเสริฐ เพราะคนสูงมากชมคนต่อหน้าใครก็ไม่ดี ชมคน 1 คน คนนั้นอาจถูกเกลียดเป็นร้อยเป็นพัน ติคน 1 คน คนที่โดนติก็เกลียดชัง คนที่เกลียดชังคนโดนติก็ยิ่งถมทับเขามากยิ่งขึ้นอีก เรื่องการพูดอย่างนี้ มองว่าไม่ใช่เรื่องเล่นแล้วล่ะ เป็นความจงใจที่จะพูด และข้อความแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
http://hilight.kapook.com/view/133042