ดีมากจนอยากบอกต่อ - ควันหลงวาเลนไทน์ กับ Alpacahill VIP night safari

สวัสดีค่า กระทู้นี้ไม่ได้เป็นหน้าม้าเค้าแต่งอย่างไร แต่ประทับใจมากๆ เลยอยากมาเขียนรีวิว เขียนไม่เก่งหรอกนะ แต่ชอบอ่ะ อยากบอกต่อ

ทุกคนคงรู้จักอัลปาก้าฮิลล์กันอยู่แล้วอ่ะเนอะ เพราะเวลาเห็นเพื่อนๆไปสวนผึ้งกันทีไร หนึ่งในรูปที่ต้องมาโพสเช็คอินหน้าวอลล์ก็คือการไปถ่ายรูปเซลฟ์ฟี่กับเจ้าอัลปาก้า แฟนเราเองชอบอัลปาก้ามากๆ นี่คือหนึ่งในเหตุผลทึ่จะไปฉลองวาเลนไทน์ครั้งแรกของพวกเรา

โดยการไปอัลปาก้าฮิลล์ ได้อ่านรีวิวว่าจะต้องไปจองในหน้าเว็บไซด์ของเค้าก่อน เพราะเห็นว่าให้เค้าชมได้แค่ 200 คนต่อวัน ซึ่งเราคิดว่าช่วงวาเลนไทน์คนน่าจะแน่นนะ
www.alpacahill.com

แต่เมื่อเข้าหน้าเว็บไซด์ไป เราก็ได้เจอกับสิ่งที่ทำให้สะดุดตามากๆ ก็คือ Alpacahill VIP night safari เพราะเรายังไม่เคยเจอที่ไหนมีไนท์ฟารารีกะอัลปาก้ามาก่อน หรือมีก็ไม่รู้ ไม่ค่อยรู้เรื่องไรอ่ะ เอาเป็นว่ามันทำให้เราสนใจ โดยเราเคยไปไนท์ซาฟารี ตอนเด็กๆ จำได้แค่ว่านั่งรถราง แล้วก็วนๆดูสัตว์ในสวนสัตว์ ก็โอเคเย็นๆดี เลยคิดว่าน่าสนใจนะ พอเข้าไปอ่านก็น่าสนใจมากขึ้นนะ เพราะก็คือเป็นการเข้าไปสัมผัสในฟาร์มเค้าจริงๆตอนกลางคืน เราเลยคิดว่าน่าสนใจดี แฟนเราน่าจะชอบ เพราะนางรักสัตว์มากๆ ซึ่งต่างกับเรา ไม่ได้รักหรือชอบสัตว์เลยยยยยย กลัวมากกกกกกกก แม้แต่ลูกหมาลูกแมว ไม่สามารถเข้าใกล้สัตว์ดใดๆ ได้จริง กลัวจริงจัง แต่เพื่อแฟน ยอมซักทีนึง เลยจองคืนวันที 13 ก.พ ตอน 19.30 น. เค้าจะให้เมลล์ตอบกลับยืนยันการจองมา แต่เราไม่ได้อ่ะ เค้าให้เช็คใน junk mail ก็ไม่มี แต่ว่ามีชื่อยืนยันแล้ว เค้าบอกว่า มาถึงบอกชื่อ กะเบอร์โทรได้เลย ไม่มีเมลล์ไม่เป็นไร

โดยราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 290 บาท มีถุงผ้าและของข้างในหลายๆอย่าง ไปจ่ายวันที่ไปได้เลย





เราพักอยู่ที่ Bibury resort อันนี้ก็ชอบมากกกกกก ประทับใจมากกกกก แต่ว่าไม่ค่อยได้ถ่ายรูป เลยมารีวิวไม่ได้ เพราะว่าเมื่อไปถึงนั้น อิชั้นหวัดรับประทานเจ้าคะ เข้าห้องปุ๊ป ขอนอนเลย เตียงเละกระจาย แต่เข้าไปดูรูปในอโกด้าได้เลยจ้า เหมือนแบบนั้นเป๊ะ สะอาด แล้วก็เจ้าของ พี่นา บริการดีมากๆ มีแผนที่วาดมือ อธิบายแหล่งท่องเที่ยวและร้านอาหารน่าไป โดยที่นี่จะอยู่ใกล้ๆกับ scenary ถ้าพักที่นี้แล้วไปทานอาหารที่ scenary จะได้ลด 10% นะจ้ะ บอกตอนคิดเงินว่า พักอยู่ที่ไบบุรีจ้า อาหารที่ scenary ก็อร่อยนะ ราคาไม่แพงมาก แต่พนักงานติดจะหูตึงไปนิด เรียกหลายรอบมากกกกกกก ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

สำหรับที่พักเรา จะห่างจาก alpaca hill ประมาณ 31 km ซึ่งทางที่สวนผึ้งยามค่ำคืนนั้น มืดมาก เปลี่ยวมาก ไฟข้างทาง ไม่ค่อยมี ต้องขับช้าๆระมัดระวังหน่อย มีขึ้นเขาลงเขาบ้าง แต่ไม่ชัน ทางเลี้ยวมีคดโค้งบ้าง แต่ไม่ได้หักศอกไรมากมาย เอาเป็นว่า ขับช้าๆ ใจเย็นๆ ก็โอเคอยู่ ขนาดเรามือใหม่ ยังขับรถได้ (แฟนมองทางกลางคืนไม่เห็น ฮือ~)

วันไปสวนผึ้งนั้น เรากินและนอนเป็นส่วนมาก เพราะไม่สบาย เจอแดดแค่ตอนไปกินข้าวก็ไข้ขึ้น เลยนอนตายมากๆ ทำให้ตื่นสาย รู้สึกตัวตอน 18.40 555+ ไปถึงอัลปาก้าคงเฉียดฉิว เพราะขับแบบคลานด้วย ข้าวก็หิว เลยโทรไปเลื่อนรอบเป็นตอน 20.30 น. แทน พนักงานก็ดีค่ะ เลื่อนรอบได้ ก็เลยแวะไปกินข้าวที่ ครัวม่อนไข่ก่อน ตามที่เจ้าของรีสอร์ทแนะนำ ซึ่งก็คนเยอะมากกกกก แต่ว่าบริการรวดเร็ว อาหารได้เร็ว ราคาไม่แพงด้วย อร่อยด้วย แนะนำค่า~

พอกินเสร็จก็ออกเดินทางไปอัลปาก้าฮิลล์ แถวๆนี้ก็มีรีสอร์ทสวยๆนะ ถ้าจะมาเที่ยวไนท์ซาฟารึ เราว่าจองที่พักไว้ใกล้ๆดีกว่า จะได้ไม่ต้องขับรถกลางคืนไกลๆ

เมื่อไปถึงก็พบกับอัลปาก้าฮิลล์ร้าง ไม่มีวี่แววของคนเลย ไม่รุ้จะจองรถตรงไหน เลยไปจอดชิดหน้าทางเข้าเลย กำลังจะบอกให้แฟนโทรหาว่าเค้าปิดไปยัง ก็มีพนักงานออกมาต้อนรับ แล้วบอกให้จอดรถด้านหน้าได้เลย

พอเค้าไป ก็เช็คชื่อ สรุปคือคนมาเที่ยวไนท์ซาฟารีแค่ 4 คนเอง ก่อนหน้าเราสองคน เค้าบอกว่า เดี๋ยวจะมีไกด์ส่วนตัวนำเดินนะค่ะ มีไฟฉายให้คนละอัน เอามาแจกคืนด้วย แล้วก็จะมีแผนทีให้ประทับตราว่าไปถึงแล้ว ขากลับมาจะได้รับของรางวัลค่ะ ระหว่างนี้ให้ดูวิดีทัศน์แนะนำสัตว์ต่างๆในฟาร์มก่อนนะคะ




อาหารอัลปาก้าคาดว่าสูดทีเดียว ก็คงหมดอ่ะ ให้น้อย แต่เราไม่ถือ เพราะไงก็ไม่กล้าให้อยู่แล้ว 555+

หลังดูวิดีทัศน์เสร็จ ก็มีพนักงานชาวต่างชาตินำเที่ยว คาดว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านแบบฉบับ AEC จากสำเนียงการพูด โดยก่อนเริ่มออกเดินทาง เค้าก็ถามว่าจะเข้าห้องน้ำมั้ย ด้านในจะไม่มีห้องน้ำแล้ว เราก็บอก งั้นขอเข้าหน่อยคะ



ห้องน้ำสวยมากๆ สะอาดด้วย มีที่ฉีดตูดด้วย 555+ แต่หน้าห้องน้ำก็เจอเจ้ากระต่ายน้อยน่ารักค่ะ กระโดดอยุ่หน้าห้องน้ำตัวนึง


คุณไกด์บอกว่า สำหรับเจ้ากระต่าย จะปล่อยเดินทั่วไปในฟาร์มค่ะ ทำให้เจอกระต่ายตามทางเดินได้บ่อย

พอเราเริ่มออกเดินทาง เข้าจะให้เดินไปย่ำน้ำยาฆ่าเชื้อที่รองเท้าค่ะ


พอย่ำเสร็จ ก็ให้มาสวมที่สวมรองเท้าสีฟ้า


ที่แรกคือ Snow owl นกจากหนังดัง แฮรรี่พอตเตอร์ มีเสื้อผ้าจากในหนังให้ใส่เล่นด้วยนะ ไม้กายาสิทธิ์เรืองแสงก็มี แต่เรากะแฟนไม่ได้ชอบถ่ายรูปกันมาก แถมยังมีคุณไกด์มอง เขินอ่ะ ขอมองอย่างห่างๆ สำหรับนกฮูก สามารถขอเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดได้นะ แต่กลัวอ่ะ ดูจากข้างนอกแล้วกัน ที่พื้นมีซากลูกไก่ด้วย น่ากลัวอ่า~


ชมจนพอใจแล้ว จะไปปั๊มตราปั๊มเช็คอิน โดยคุณไกด์เค้าไม่ได้เร่งนะ จะไปเมื่อไหร่ก็บอกเค้า


หลังจากนั้นก็เดินเข้าฟาร์ม ตรงนี้ก็มีน้ำยาพ่นฆ่าเชื้อตัว เป็นควันๆอ่ะ คุณไกด์ก็ไม่เตือนเลย ตกกะใจหมด พอเดินเข้าไป จะเป็นพื้นหญ้า เห็นเจ้าอัลปาก้าอยู่ แต่เราจะเดินเข้าไปในบ้านตระกูลหนูก่อน ตรงนี้จะมี Hamster และ Guinea pig เป็นหนูแกสบี้

ขอจับอุ้มได้ทุกอัน บอกคุณไกด์ได้เลย เค้าจะแนะนำวิธีอุ้ม และเลือกตัวที่เชื่องๆให้ก่อน



พอเช็คก็ป๊มตราปั๊มเหมือนเดิม แต่อย่างที่บอกบ้านหนูอยู่ในสวนอัลปาก้า พอเราเดินออกมา เราก็เจออัลปาก้าค่อยๆคืบคลานเข้ามา คนกลัวฉันอย่างอิชั้นจะทำไงคะ ก็กรี๊ดดิ ไม่เอากลัวอ่า ยิ่งแฟนยกอาหารออกมา อัลปาก้ายิ่งกระดี้กระด้า เดินมาใกล้อีก มองมาทางเราแบบ เธอซ่อนอาหารไว้ไหน เอาออกมา แฟนเลยบอกให้คุณไกด์พาเราไปข้างนอก มันจะมีรั้วกั้นอัลปาก้าไว้ ก็รีบเดินหนีเลยค่ะ




ไอ่ตัวนี้มันมองหน้าเรา แล้วก็เดินตามอยู่นั้นแหละ กลัวจะกระโดดออกมาจัง ข้อควรระวังของอัลปาก้าคืออย่าเข้าด้านหลัง หรือไปจับห่าง เพราะมันจะเตะได้ แล้วก็อย่าทำให้มันหงุดหงิด ไม่งั้นมันจะพ่นน้ำลายใส่ แฟนก็เกือบโดน แต่คุณไกด์บอกให้หลบทัน เพราะทำท่าชาร์มพลังของอัลปาก้า ว่าก่อนมันจะพ่นน้ำลาย มันจะทำปากตุ่ย ส่ายหัวไปมา ถ้าเห็นแบบนั้น รีบหลบ เพราะมันจะพุ่งมาแล้ว


มาใกล้ดีนัก คุณแฟนเลยขอถ่ายรูปคู่ซะเลย

พอจบจากอัลปาก้า ก็เดินไปบ้านกระต่าย โดยเราจะไม่ได้เห็นสัตว์ครบเหมือนตอนกลางวัน ตัวไหนหลับกลางคืนก็จะไม่ได้ชมนะคะ อาจจะแค่เดินผ่าน แต่เท่านี้คุณแฟนก็ฟินคะ อากาศเย็นๆ แดดไม่ร้อน ได้ VIP กับสัตว์ เพราะมีกันสองคน ก็สนุกไปอีกแบบ




กระต่ายพวกนี้เชื่องมากคะ แค่เดินเข้าไปก็วิ่งมารุมล้อมแล้ว ออกมารับแขก แย่งอาหาร เนื่องจากมีกันสองคน คุณไกด์เข้าให้ถ้วยอาหารกระต่ายเราหลายถ้วนมาก ตอนแรกคุณแฟนก็ให้คนเดียว เราก็โยนๆจากข้างนอก กลัวมันกินมือเราแทน จนแฟนอุ้มมาให้เราถือป้อนจากถ้วย ก็โอเค สนุกดี แต่เราก็กลัวอยู่ดีอ่ะ นี่เป็นการให้อาหารสัตว์ครั้งแรกตั้งแต่จำความได้เลย 555+

ต่อไปก็ตัว Mara คล้ายๆหนูบวกจิงโจ้ประมาณนี้ อันนี้กลัวคนนิดหน่อย ไม่วิ่งเข้าหา เลยกล้าเข้ากรงมันไป อันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมา กำลังกลัวอยู่ มันอยู่รอบทิศทาง ต้องระวังตัว 555+

ต่อไปตัวยักษ์ อายุกว่าร้อยปี มีสองตัว ตัวผู้กะตัวเมีย หลับกันไปทั้งคู่ แถมกำลังงอนกัน คุณไกด์บอกว่า ปกติจะนอนในบ้านด้วยกัน ถ้าช่วงไหนงอนกัน อีกตัวจะไปนอนห่างๆ




ต่อไป Capybara หนูยักษ์ ตัวโตแล้วจะหนักเกือบห้าสิบโล ขนแข็งเหมือนไม้กวาด (อันนี้แฟนบอกมานะ)


ต่อไป Wallaby จิงโจ้ย่อส่วน มีตัวผู้ตัวเดียวสีขาว ที่เหลือตัวเมียหมด


เกือบหมดแล้วอีกนิดเดียว มาถึงตรงนี้จะเดินออกจากฟาร์ม ถอดที่หุ้มรองเท้าสีฟ้าได้ เข้าบ้านเจ้าหนู Chinchilla



ฝั่งตรงข้ามของหนูชินชิล่าจะเป็นแมวเปอร์เซีย เป็นฝูงงงงงงงงงงงงงงงงง ขอบอกเลยว่า ไม่เคยใกล้ชิดสัตว์ขนาดนี้มาก่อน ขอรอข้างนอก คุณแฟนก็ไม่ยอม คุณไกด์ก็หว่านล้อม ว่าแมวมันหยิ่ง ไม่เข้าใกล้หรอก เราก็อ่ะ ไปก็ไป นั่งซุกตรงมุมห้อง เอาเก้าอี้มาล้อมเป็นเกราะปราการ



พอดูแมวจบ ก็หมดการดูสัตว์ มีให้ไปตะลุย the maze เขาวงกตเอง โดยคุณไกด์จะไปรอที่ปลายทาง

เขาวงกตไม่ยากมาก แต่ก็หลงและเจอทางตันหลายที 5555+


พอเดินออกมาได้ ก็ไปยังจุด View point เป็นจุดชมวิว จากมุมสูงสุดของอัลปาก้า โดยคุณไกด์จะถามเราว่าอยากรับน้ำอะไร มีน้ำเปล่า น้ำอัดลม บริการฟรี ช่วงที่เราดื่มด่ำกับบรรยากาศด้านบน คุณไกด์จะไปนำน้ำมาให้ ช่วงกลางคืนไม่ค่อยเห็นไรหรอก แต่ดาวสวย อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย



พอชมวิวเสร็จ ก็มารับของรางวัลตรงที่เราเช็คอินขามา

ได้เป็นถุงฝูงยางลบอัลปาก้า 7 อัน

สำหรับค่าไกด์ ฟรีนะคะ ไม่ต้องให้ทิปอะไร คุณเจ้าหน้าที่ตรงเคาเตอร์จะบอกตั้งแต่ตอนแรก แต่แฟนประทับใจมาก ค่อยๆพาชมทีละจุด อธิบายสัตว์แต่ละอย่าง สอนการอุ้ม ไม่เร่ง ไม่รีบทั้งที่ดึกแล้ว เลยให้ทิปไปค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่