"เบื้องหลังความงามล้วนมีความเจ็บปวด" ตีแผ่เบื้องหลังความสวยงามในอุตสาหกรรม K-Pop ผ่าน Stella Kim อดีตเด็กฝึก SM

สวัสดีค่ะ พอดีวันนี้มีเพื่อนสมาชิกเขียนกระทู้เตือนความจำคนที่ตามวงการ K-Pop ถึง Stella Kim อดีตเด็กฝึกค่าย SM ที่เคยเกือบจะได้เป็นสมาชิกวง SNSD ไว้ที่กระทู้นี้ http://pantip.com/topic/34805849/comment16


(ภาพสเตลล่าในปัจจุบัน IG: https://www.instagram.com/sundayswithstella/ )


ส่วนใน spoil เป็นภาพในอดีตที่ถ่ายกับเพื่อน ๆ ก่อนเพื่อน ๆ จะได้เดบิ้วท์ หาดูเพิ่มเติมได้ด้วยการ Google "Stella Kim with SNSD"



ในกระทู้ก่อนหน้านี้มีได้แปะคลิปสัมภาษณ์ที่สเตลล่าได้พูดคุยกับนิตยสาร LE FILM ถึงเรื่องราวของเธอสมัยเป็นเด็กฝึกไว้ด้วย ส่วนตัวคิดว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงหลาย ๆ คน คิดว่าตัวสเตลล่าเองก็ได้ตกตะกอนอะไรหลาย ๆ อย่างจากการเป็นเด็กฝึกช่วงนั้นพอสมควรจนทำให้ตัวเธอเองมีปัญหาจิตใจส่งผลออกมาจนเป็นปัญหาสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเวลาผ่านพ้นไปเธอก็เติบโตและเรียนรู้ทีจะอยู่กับปัจจุบันในที่สุด ซึ่งเธอก็ดูจะมีความสุขกับงานปัจจุบันคือการทำงานเป็น Global Marketing Professional ให้แบรนด์ Clinique ควบคู่ไปกับการเขียนบทความด้านความงามนะ ส่วนตัวเคยอ่านบทความที่สเตลล่าเขียน เธอมักจะเขียนคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวตามตำหรับเกาหลี ใครสนใจอยากอ่านหรืออยากฝึกภาษาไปอ่านได้ที่ http://intothegloss.com/ หรือที่บล็อกของเธอคือ http://www.sundayswithstella.com/นะคะ เธอเขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ



ตัวเราเองติดตามสเตลล่ามานานเพราะชอบสไตล์การแต่งตัวของเธอค่ะ แต่นอกจากนั้นก็ได้ตามอ่านพวกงานเขียนที่เธอเขียนไว้ใน Blog บ้าง ตัวเราเองก็มีปัญหาด้านจิตใจและชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและเครียดกับสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเราเหมือนกันเพียงแต่ไม่ใช่ในแง่ของความงาม ทำให้เข้าใจนะ ว่าคำพูดของคนอื่นมันทำร้ายเราได้ยังไงบ้างถ้าเราเก็บมาใส่ใจ เลยอยากจะสรุป (จริง ๆ ก็ไม่สรุปหรอก เกือบ ๆ ถอดความเลยล่ะแต่เค้าทำซับไม่เป็น ;__;) บทสัมภาษณ์ของเธอออกมาให้คนที่ติดตามวงการ Kpop หรือสาว ๆ ทั่วไปได้อ่านกัน ไม่ได้อยากให้ตัดสินเธอหรือสาว ๆ ที่ยังทำงานอยู่ในวงการและต้องใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่นนะ แต่คิดว่าถ้าอ่านกันแล้วอาจจะตกตะกอนความคิดอะไรได้ ถ้าไม่ได้ก็อ่านกันเพลิน ๆ แล้วกัน ฮ่า ๆ



เราแปะสิ่งที่เราถอดออกมาจากบทสัมภาษณ์ไว้ในกระทู้ก่อนหน้าแล้ว แต่อยากให้หลาย ๆ คนได้อ่านอีก เลยขออนุญาตแยกกระทู้ออกมานะคะ



คลิปสัมภาษณ์ Part 2: "Everyone has a story to tell." (ที่มีการพูดถึงช่วงตอนเป็นเด็กฝึก)



ถอดบทสัมภาษณ์โดยเราเอง บางอย่างเราเติมให้นะคะ เช่นบริษัทที่เธอเกือบจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดคือ YG ค่ะ อันนี้ตามที่ Stella ใส่ไว้ใน Likedin เลย:

สเตลล่าย้ายไปอยู่อเมริกาตั้งแต่สี่ขวบ แต่กลับมาที่เกาหลีช่วงปิดเทอมทุกปี เธอได้มีโอกาสไปออดิชั่นที่ค่าย SM แล้วทางค่ายติดต่อกลับมาให้เซ็นสัญญาเป็นเด็กฝึก พ่อแม่ไม่อยากให้ไปฝึกแบบเต็มตัวเลยต้องบินไปฝึกแค่ช่วงปิดเทอมเท่านั้น พอปี 2007 ถึงเวลาที่ต้อง SNSD  เดบิ้วท์ พ่อแม่ไม่สนับสนุนก็เลยไม่ได้เซ็นสัญญา (ตอนนั้นน่ายังเป็นผู้เยาว์อยู่เลยต้องแล้วแต่พ่อแม่) แต่การได้ทำงานในวงการบันเทิงเป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจของเธอมาโดยตลอด เธอบินไปทำงานพวกถ่ายแบบบ้าง จนเรียนจบก็บินกลับมาเกาหลี ได้พบกับ Agency หลายเจ้า สุดท้ายได้ไปเรียนการแสดงที่ YG อยู่ซักพัก แต่พอทางค่ายเสนอให้เซ็นสัญญาเธอก็รู้สึกไม่แน่ใจเลยไม่ได้เซ็น สุดท้ายก็กลับอเมริกา

ตอนเป็นเด็กฝึกที่เกาหลี ทุกสัปดาห์จะมีการถ่าย Profile Filming ซึ่งก็คือการที่เด็กฝึกจะโดนถ่ายรูปหลาย ๆ มุม แล้วก็จะมีคนบอกว่าหน้าฝั่งนี้เธออ้วนนะ อีกด้านสวยกว่า เวลาถ่ายรูปต้องหันทางนี้ แล้วก็จะมีการให้เด็กฝึกผู้หญิงยืนเรียงแถวกันไปชั่งน้ำหนัก แล้วก็จะขานน้ำหนักให้ทุกคนได้ยินกันหมด ถ้าอ้วนก็จะโดนตำหนิ (คหสต: กอดตาชั่งแน่นมากตอนดูคลิปถึงจุดนี้ TT) ตอนนั้นสเตลล่าช็อคมาก เพราะที่อเมริกาน้ำหนักไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ก็แค่ตัวเลข แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีมีการแข่งขันสูงมาก ทุกคนจะผอมกันหมดแล้วก็มีการเปรียบเทียบเรื่องหุ่น เรื่องความงามกันตลอด สเตลล่าก็ตกอยู่ในวังวน เอาตัวเองไปเปรียบกับคนที่ดีกว่า เธอคิดว่าการเป็นเด็กฝึกช่วงนั้นส่งผลต่อปัญหาจิตใจที่เธอมีอยู่กระทั่งโตพอสมควร เวลาไปหาหมอผิวหนังที่เกาหลีเพราะเธอมีผิวที่เป็นสิวง่าย หมอก็จะเชียร์ให้ทำหน้า ทำจมูก ตอนแรก ๆ เธอคิดว่าความคิดพวกนี้ประหลาดจริง ๆ แต่พอเวลาผ่านไปเธอก็เหมือนโดนครอบงำเพราะใคร ๆ ก็ทำ เคยคิดจะทำเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำซึ่งก็คิดว่าดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ทำ

ตอนกลับมาที่อเมริกา สเตลล่าเข้าเรียนที่ NYU เธอคิดเหมือน ๆ คนอื่นว่าพอเข้ามหาลัยชีวิตก็จะเปลี่ยนไป ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ซักที จะทำตัวเป็นใครก็ได้ เพราะตอนอยู่โรงเรียนมัธยม เธอรู้สึกเหมือนตัวเองมีหลายตัวตน พออยู่อเมริกาก็เรียน กลับเกาหลีก็ต้องทำตัวกระตือรือร้นมาก ๆ แล้วก็มีคนคอยแต่งหน้าแต่งตาเอาเสื้อผ้าสวย ๆ มาให้ใส่ การปรับตัวเลยยาก พอเข้ามหาลัยก็คิดว่าจะเป็นคนใหม่ มีเพื่อนใหม่ ออกไปเจอคนเยอะ ๆ ทำกิจกรรมนู่นนี่ แต่ที่ NYU มีนักศึกษาเกาหลีมาเรียนต่อเยอะ มีนักศึกษาเกาหลีคนนึงจำเธอได้แล้วก็เอาไปบอกคนอื่นว่าเธอคือ "คนที่เกือบจะได้เดบิ้วท์เป็น SNSD" ข่าวลือก็เลยแพร่ไปเรื่อย ๆ เธอเคยเข้าไปซื้อกาแฟแล้วก็ได้ยินคนเกาหลีนินทาว่า "เนี่ย ดูสิ คนนั้นไง ไม่เห็นสวยเลย อ้วนก็อ้วน" เธอก็เลยกลายเป็นคนเก็บตัว อยู่แต่บ้าน เรียนหนังสือแล้วก็ไม่เจอผู้คนเท่าไหร่ ปัญหาในใจก็เลยหมักหมม คิดวนไปวนมา เธอเลยคิดไปว่าตัวเองเป็นแบบที่คนอื่นตัดสินจริง ๆ จนปัญหาสุขภาพตามมาและกลายเป็นคนมีปัญหาด้านการกินอาหาร (Eating Disorder) ภายในไม่กี่เดือนเธอน้ำหนักลดลง 20 ปอนด์ (ประมาณเก้ากิโลกรัมได้) ตอนนั้นเธอสูง 172 cm แต่หนักแค่ 40 นิด ๆ เอง ตอนนั้นเธอเหงามาก คิดว่าตัวเองต้องมีชีวิตตามที่คนคาดหวังให้เป็น ใคร ๆ ก็เอาแต่ถามกระทั่งตอนนี้ก็ยังมีว่าเสียดายไหมที่ไม่ได้เป็นคนดังที่เกาหลี แต่พอมองย้อนกลับไปตอนที่เรียนมหาลัย เธอก็ยอมรับว่าตอนนั้นใจก็ยังเฝ้าคิดถึงการได้อยู่ท่ามกลางแสงสีนั่นแหละ แต่พอโตขึ้นมาเธอก็รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เธอไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น และขอบคุณพ่อแม่ที่วันนั้นไม่ได้ตกลงเซ็นสัญญา ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้อยากขัดขวางความฝันเธอหรอก แค่อยากปกป้องเธอเท่านั้น เธอมีเพื่อนที่ยังทำงานในวงการที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง ต้องแบกรับความกดดัน ความคาดหวังจากคนอื่น

ช่วงที่เธอมีปัญหาเรื่องการกินอาหาร เธอถึงขั้นต้องดร็อปเรียนไปปีนึงแล้วบินกลับมาเกาหลี กลับมาอยู่กับพ่อแล้วหาตัวเองและรักษาตัวเอง พอมาอยู่เกาหลีเธอก็ซึมซับวัฒนธรรมเกาหลี โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เธอลองทำอาหารหลายอย่างกินเองที่บ้านแล้วก็พบเจอสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เธอได้กลับไปใช้เวลากลับครอบครัวและสานสัมพันธ์กันอีกครั้งผ่านการกินอาหารร่วมกัน พอกลับไปอเมริกาเธอก็เลยเปลี่ยนไปเรียนด้านโภชนาการและอาหารศึกษาแทน (ก่อนหน้านี้เธอเรียนด้าน Music Business) เธออยากจะใช้ความรู้ที่ได้ช่วยคนอื่น เพราะจิตใจเธอเองก็ดีขึ้นมาได้เพราะอาหารนี่แหละ เธออยากให้ผู้หญิงแต่ละคนรู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น อยากแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองเพื่อช่วยคนอื่น เพราะเธอเคยผ่านปัญหาพวกนี้มาแล้ว สเตลล่าได้ทำงานเป็นนักเขียนอิสระด้านความงาม เธออยากเผยแพร่แนวคิดเรื่องความสวยตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือการที่ผู้หญิงพอใจในความงามของตัวเองแทนที่จะซ่อนตัวเองไว้หลังเครื่องสำอางและครีมประทินผิวและหันมาปรับปรุงตัวเองเพื่อสร้างความมั่นใจในตัวเอง

ตอนนี้เธอเรียนรู้แล้วว่าเราควรต้องเคารพตัวเอง เพราะความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะเราเคารพตัวเองนี่แหละ นอกจากจะรักครอบครัวและคนสำคัญแล้ว คนเราก็ต้องรักตัวเองอย่างไร้เงื่อนไขเช่นกัน เพราะถ้าเราเอาแต่ใช้ชีวิตไปตามความคาดหวังของคนอื่น เปลี่ยนตัวเองและแสดงออกเพื่อให้คนอื่นพอใจเราก็จะไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ถึงเราจะมีจุดอ่อน แต่เราต้องอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกเข้มแข็งขึ้นจะได้รู้สึกดีอยู่เสมอ :')

บทสัมภาษณ์นี้ดีนะ ทำให้เห็นว่าหน้าฉากความสวยงามของอุตสาหกรรมเกาหลีนี่สาว ๆ แต่ละคนต้องทรมานทรกรรมกันขนาดไหน ไม่ใช่ว่าคนที่เลือกอยู่ผิด หรือเธอถูกที่ถอยออกมา แต่คนแต่ละคนก็มีจุดยืนกันคนละที่ ถ้ามีความสุขกับสิ่งที่เลือก ต้องอดทนกันหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มี ถอยออกมาก็ดีที่สุดแล้วนั่นแหละ

สนใจอยากรู้เรื่องราวของเธอต่อลองไปดูคลิปอื่น ๆ ได้ หรือจะไปตาม IG ก็ที่ https://www.instagram.com/sundayswithstella/ เลยค่ะ เธอไม่ค่อยลงรูปตัวเองเท่าไหร่นะคะ ส่วนใหญ่จะลงแต่อาหาร 555555 (เชื่อละว่าอาหารเปลี่ยนคนทกุข์เป็นสุขได้จริง ๆ)

สองคลิปที่เหลือเป็นชีวิตของเธอในนิวยอร์คค่ะ ชิค ๆ คูล ๆ ประสาว New Yorker เนาะ





หวังว่าทู้นี้น่าจะอ่านสนุกสำหรับคนที่รู้จักเธออยู่แล้วและอยากรู้ว่าเธออยู่ไหนทำอะไรอยู่ แต่ถ้าคนไม่รู้จักก็หวังว่าจะได้อะไรดี ๆ หรืออย่างน้อยก็ความบันเทิงกลับไปนะคะ สุขสันต์วันกลางสัปดาห์ค่ะ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่