ไม่ได้ตั้งหัวกระทู้นาน พอดีมีศิษย์ธรรมกายถามว่า วิชชาสาม ทำไงรู้ป่าวๆ

ได้ถกความเห็นกันเมื่อหลายวันก่อน..

ลูกศิษย์วัดธรรมกายที่ถาม ก็ไม่รู้ว่ามีวิชชาสามรึปล่าว แต่เดาว่าไม่มี และน่าจะยังได้ไม่ถึงอรูปฌาณ
เทียวถามว่า วิชชา 3 ทำเป็นมั้ย รู้รึปล่าวทำยังไง ธรรมกายหนะรู้จักรึปล่าว พระไตรปิฎกหนะมีแต่หัวข้อนะ ไม่มีวิธีทำหรอก (แหม ไม่ค่อยจะคุยนะ อมยิ้ม16)

วิชชา 3 เป็นวิชชาทั่วไปของวัดธรรมกายหรือไม่นั้น ผมก็ไม่ทราบได้ เพราะเคยได้เข้าเยี่ยมชมวัดธรรมกายเพียงหนเดียว
ที่ลำบาก คือกว้างใหญ่มากจนหาจุดเด่นๆจะไปก็ไม่ถูก ไปแล้วอาจหลงทางกลับออกมาไม่ได้ก็ได้
จึงได้แต่เดินกลางแดดเวียนๆเอาแถวๆศาลาหลังใหญ่ใกล้ที่จอดรถบัส ....แล้วก็กลับ ประสบการณ์ในวัดพระธรรมกายมีแค่นี้แหละ อมยิ้ม06

ตอนสมัยที่ยังไม่ได้เข้าหาความรู้ในศาสนา เมื่อยังเป็นเด็ก(ประมาณ ป.5=11 ขวบ) ผมฝึกสมาธิเพื่อส่งเสริมการเรียนหนังสือ
ผมสามารถเพ่งด้วยตาเปล่าไปปลายใบไม้ และหญ้าสี่เขียว จนเป็นดวงแก้วนิมิตด้วยตาเปล่าๆ
ทำให้ผมได้รู้ว่า ประสาทตาของคนเราสามารถโฟกัสภาพจากเรติน่า ให้เห็นเฉพาะสิ่งที่ต้องการเพียงเล็กๆจิ๋วๆได้
โดยที่ส่วนอื่นๆของภาพ(ที่ปรากฎบนเรติน่า)จะถูกลบออกจนเหลือแต่ จุดตรงกลางอย่างเดียว
ซึ่งไม่ได้ฝึกนานเลย แค่ไม่กี่วันก็ทำได้แล้วตามประสาเด็ก
แต่ระหว่างนั้น จิตของผมที่คอยจ้องสังเกตุจิตตัวเองไปด้วย ผมพบว่าตัวเองไม่ได้มีความแปลกใจ แถมยังอยากทดลองเรียนรู้เรื่องแปลกๆเข้าไปอีก

ผมลองมองช่องแสงที่ลอดรูหลังคาที่เป็นรู เพ่งแบบเดียวกัน.. ทีนี้กลับเป็นดวงใสๆ
ตอนนี้นึกแปลกใจบ้างแล้วว่า ทำไมมองสีเขียวได้แบบหนึ่ง มองแสงได้แบบหนึ่ง.. แล้ววัยเด็กก็หมดไปกับการตั้งใจเรียน

ผ่านเข้าวัยรุ่น ผมฝึกนั่งสมาธิเพื่อส่งเสริมการเรียนอีก
ผมอยู่บ้านเดี่ยวคนเดียวหลังมหาลัย สบายเลย นั่งสมาธิตอนกลางคืนดีนัก
ผมจึงมีโอกาสนั่งสมาธิตามมุมต่างๆของบ้านทั่วบ้านเลย ไม่เว้นแม้แต่ในห้องน้ำและพื้นทางเดิน

การนั่งสมาธิเป็นเรื่องปรกติที่จิตควรจะจะสงบ แต่วันหนึ่งตอนผมนั่งปรากฎว่าจิตไม่สงบ ยังมีความคิดแทรกเป็นระยะๆ
ผมก็เลยหยั่งสมาธิให้ลึกเข้าไป ผ่านเข้าไปเป็นชั้นๆ เข้าไปจนสุดที่รู้สึกเฉยๆ (ตอนหลังมารู้ที่ทำเรียกว่าเข้าฌาณ)

แต่ผมยังไม่รู้สึกพอใจ เพราะเกิดความสงสัยว่า ไอ้ "ความเฉยๆ" นี่ก็ไม่อยากได้อ่ะ จะทำไงดี... อยากนั่งสมาธิแบบว่าหายหมดเลย..(!!)

ในวันต่อมาผมลองเข้าไปใหม่ ดิ่งเข้าไปๆๆๆ ตามประสาคนสงสัยใจตัวเองว่า "ทำไมเราถึงไม่สามารถให้จิตใจเราหุบปากได้" ก็ทำไม่ได้ซักที
ใจมันไม่หยุดที่จะบอกว่า "รู้สึกเฉย"  และ "รู้สึกนิ่ง"

เมื่อพยายามแล้วไม่สำเร็จจนผมถอดใจวิธีการเข้าสมาธินิ่งๆแบบเดิมๆแล้ว ผมก็ลองปล่อยให้ใจตัวเองล่องลอยไปกับอากาศ
ไม่สนใจร่างกาย โอ้!มันส์ดีแฮะ  ผมเลยลองเข้าสมาธิแบบให้ใจไปในอากาศ ผมพบว่าตัวเองเหมือนอยู่กลางอวกาศที่ไม่มีขอบเขต
ไม่มีอะไรๆ มองไปไกลลิบๆจึงจะเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งมันไกลเกินไปที่ผมจะไปถึง..และจนตอนนี้ผมก็ไม่ได้สนใจจะไป(แต่รู้แล้ว)

พอเข้าปีสอง
ผมได้พบหนังสือพระไตรปิฎกในห้องสมุด ผมหยิบมาอ่านเรื่องสมาธิ และก็เจอหัวข้อวิชชา 3 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทาญาณ
ผมก็ซีร๊อคกลับมาอ่านเพราะหนังสืออ้างอิงไม่อนุญาตให้ยืมกลับ
ผมไม่เข้าใจว่า จะต้องทำยังไง เห็นแต่มีหัวข้อ ...แล้วผมก็พบ "กุญแจสำคัญ" คือคำว่า น้อมใจไป

ไม่รอช้า ผมทดลองทำ ผมเข้าสมาธิโดยที่ใจผมยังมีสติรู้ตามเข้าไป ไม่ปล่อยให้สมาธิมีแต่อารมณ์อย่างเดียว
แน่นอนผมอยู่บ้านคนเดียว...แต่ ในสมาธิมีคนชรามีหนวดเครา ใส่ชุดขาวถือไม้เท้าเอามืออีกข้างไขว้หลังเดินเข้ามา แล้วก็พูดว่า "มาแล้วรึ" แล้วก็หันหลังเดินหายไป
.....เฮ่อ
เจอแบบนี้ ตอนอยู่คนเดียวที่บ้านมันดีมั้ยครับ?? ทำไงดีหละ

ผมก็ลืมตาลุกขึ้นเอามือไปเคาะฝาผนังข้างหน้าผมสิ แหม..จะให้ทำอะไร
ทีนี้หละ ด้วยความอยากรู้อยากถามอยากจะเจออีก แต่ผมก็เข้าสมาธิแบบนั้นไม่ได้อีกเลย(คงไม่มีวาสนานะคิดในแง่ดี)

จนผมล้มเลิก หัดมานอนสมาธิแทน
แต่คืนนึง มันแปลกๆ ผมหลับอยู่ แต่ใจผมตื่นอยู่ ผมรู้ัสึกว่าตัวกระตุกๆและมีแรงดึงดูดที่หว่างคิ้ว
แล้วก็ปลุ๊ด ผมหลุดออกจากตัวเอง (เฮ้ย!) ออกมาเป็นดวงกลมๆขาวๆขุ่นๆขนาดประมาณหนึ่งช่วงอก(ลองยกมือสองข้างแนบข้างลำตัว..เท่านั้นแหละ)
แต่ไม่ใช่ลูกกลมๆแบบลูกบอลนะ มันเป็นกลมๆเหมือนตัวขน มีลักษณะเป็นเส้นๆรอบตัว แต่พวกเส้นนี่มันไม่ตายตัวคือมันเหมือนจะพริ้วไหวได้..(เฮ่อ??แค่อธิบายดวงกลมๆนี่ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว)

นี่มันคืออะไร? นี่มันคืออะไร? และ นี่มันคืออะไร?

ผมสังเกตุว่า พอผมคิดอะไร ไอ้ลูกกลมๆนี่มันจะ รอคำสั่งว่า "เริ่ม"
ผมก็ลองสิจะให้ทำอะไร ผมลองคิดว่านรกมีจริงไหมนะ? พอ "เริ่ม" เท่านั้นแหละ
ผมก็แว๊บ! แล้วรอบตัวผมก็มืดทึบ ผมก็หันมองรอบตัว เห็นลูกกลมๆนี่สีดำลอยอยู่ 3-4 ดวง
hi! ด้วยความมีมนุษยสัมพันธ์ เผื่อจะถามอะไรได้บ้าง

แล้วผมก็ได้รู้ว่า ผมคิดผิดมากที่ "คิดถึงนรก" ...(ผมน่าจะคิดถึงสวรรค์..ให้ตายสิ)
เจ้าสามสี่ลูกนั่นลอยตรงดิ่งมาหาผมเหมือนอันเซเชี่ยนเจอลูกแมวยังไงยังงั้น
ตุ๊บๆตั๊บๆ พลั๊วๆ คือ มันไม่เจ็บนะ แต่มันอะไรก็ไม่รู้ วุ่นวายมาก เหมือนจะฉีกเราให้เป็นชิ้นๆกิน

...ผมรอดกลับมาได้ เพราะมีสาวสวยหนึ่งในชุดขาว แน่นอนไม่มีขา.. มาปัดป้องผมจากเจ้าลูกกลมๆและเราก็แว๊บ!กลับมาที่ห้องนอนผม
เธอผลักผมเข้าประตู แล้วสั่งว่า "อยู่ที่นี่หนะดีแล้ว" แล้วเธอก็ไปอยู่ที่..ที่อยู่ของเธอ ซึ่งคือบ้านเธออยู่ในฝาผนังรั้วบ้านผม...???
โอ้แม่เจ้า! ตรูจะอธิบายให้ใครฟังได้รึนี่

พอตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงฟู่ๆมาปลุก ฟู่ๆ(ทายสิครับ)

พอลืมตาเหลือบมองเห็นเท่านั้นแหละผมกระโดดผึงเดียวจากเตียงไปที่ประตูเลย
แน่นอนครับ "งูเห่า" (แม๊..)ประทานโทษครับ จะให้ผมทำไงกับงูเห่าที่มาพันตัวอยู่บนหัวเตียงผมครับ
แน่นอน(อีกครั้ง) ตายสนิท และในโอกาสนี้ ผมจึงมีวิชชาฆ่า(งู)ถ่วงน้ำ..โดยไม่รู้ตัว
(ลองนึกถึงความเมตตาและขันติของพระพุทธเจ้าตอนมีงูมาอยู่บนพระเกศนะครับ...ผมนี่ไม่ได้เรื่องเลยนะครับ)

ตั้งแต่นั้นมา โลกวิญญาณ เรื่องอดีต เรื่องอนาคต มันก็โผล่มาในจิตโดยไม่รู้ตัว ทั้งของตัวเอง ทั้งของคนอื่น พอกำหนดจิตระลึกไปก็รู้ (โดยไม่ได้อยากจะไปรู้..ก็ต้องรู้)

ไม่ได้ฝึกเลยนะ ไม่เคยฝึกจริงๆ นั่งสมาธิเฉยๆแค่ลอง "น้อมใจไป" เหมือนตัวอักษรในพระไตรปิฎกแป๊ะๆไม่ขาดสักอักษรทีเดียวเท่านั้นแหละ
โลกที่คุณเห็นแบบคนทั่วไป มันมีภาพซ้อนของโลกอื่นอยู่ ให้ตายสิ..ผมไม่ได้อยากฝึกให้มันเป็นแบบนี้นิ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ

กระทู้ยาวมาก... (ผมยังทนอ่านจนจบไม่ไหวเลยจริงๆนะ อมยิ้ม06)

และในกระทู้นี้(เผื่อศิษย์วัดธรรมกายท่านนั้นทนอ่านได้จบนะ)  ผมจะบอกว่า "อย่าคิดว่าอะไรมันเที่ยง โดยเฉพาะถ้ายังไม่เคยทำได้เอง"


ปล.ผมมีเล่า ตอนที่เปลี่ยนจากโลกียฌาณ เป็นโลกุตรมรรคอยู่นะ
เพราะหลวงพ่อพุธ ฐานิโยมาเตือนว่า "ที่ทำมันไม่ได้ทิ้งอัตตาตัวตน เป็นการสร้างอัตตาตัวตนใหม่ขึ้นมายึดถือเท่านั้นแหละ"
เลยได้เปลี่ยนแนวทางชีวิตอีกครั้ง เขียนเล่าไว้ในกระทู้ใครแล้วก็ไม่รู้ แต่มีกระทู้แรกภายหลังทดลองทำตามที่หลวงพ่อพุธอุตส่าห์มาเยี่ยมสอน
http://pantip.com/topic/32606888
ผมคงไม่บอกใครว่าฝึกถึงไหนแล้ว แต่ก็ยังฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ หลวงพ่อสมบูรณ์ตบบ่าผมแล้วบอกว่า "เฮ้ย!ตั้งใจหน่อย เอาจริงเอาจังหน่อย"
ผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ โดยไม่ตอบอะไร เพราะกลัวโทษภัย อมยิ้ม16 แต่ถามกลับไปว่าถ้าผมจะมาฝึก ผมขอปฏิสัมภิทานะครับ
หลวงพ่อนิ่งนิดนึงแล้วบอกว่ามาเลยสามปีถ้าตั้งใจไม่เกินนี้แน่นอน ....ผมคนวาสนาน้อยก็เลยไม่กล้าไปฝึกจริงๆหรอกครับ

เรื่องเล่าการฝึกสมาธิกระทู้นี้ก็มีนิดๆหน่อยๆ ...แบบนี้ หวังว่า ท่านอื่นๆจะมีวาสนาดีกว่าผม ปฏิบัติได้แทงตลอดผ่านถึงนิพพานนะครับ


ดอกไม้ ขอบคุณท่านสาธุชนที่มีตบะอดทน กลั้นใจอ่านจนจบได้ ขอให้ความสวัสดี+มิ่งมงคลจงมีแด่ทุกท่านทุกคนครับ ดอกไม้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่