วิกฤตเศรษฐกิจโลก อาจเริ่มส่งสัญญาณ หลังกองทุนเฮชฟันด์ คาดว่า ธนาคารของจีนจะประสบปัญหาขาดทุนมากกว่า ธนาคารสหรัฐ ในช่วงวิกฤตหนี้ซับไพร์มกว่าร้อยละ 400 รวมทั้งวิกฤตการออกตราสารอนุพันธ์ของดอยช์แบงก์ อาจไม่มีเงินจ่ายในเดือนเมษายนนี้
นายไคล บาส ผู้ก่อตั้งและเจ้าของกองทุนเฮชฟันด์ Hayman Capital สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ขณะนี้ธนาคารของจีน ดำเนินธุรกิจที่คล้ายกับธนาคารสหรัฐ ในช่วงที่ใกล้เกิดวิกฤตหนี้ซับไพร์ม ทั้งการกู้ยืมเกินขอบเขต และ
การเก็งกำไรแบบอาร์บิทราจ (Arbitrage) ที่ใช้ช่องว่างกฎระเบียบ และปล่อยกู้โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ขาดการประเมินความสามารถของผู้กู้ เพื่อให้เศรษฐกิจจีนขยายตัว
เพราะการปล่อยกู้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ทำโดยรัฐบาล และ10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารของจีนขยายตัวถึง 34.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิม 3 ล้านดอลลาร์ และหากมีหนี้เสีย หรือ NPL ถึงร้อยละ 10 หุ้นของธนาคารจีนจะลดลง 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทางการจีน ต้องช่วยเพิ่มทุนธนาคารมากกว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ
โดยกองทุนของบาส ได้เก็งกำไร ชอร์ตค่าเงินหยวนล่วงหน้า มากกว่าพันล้านดอลลาร์ แม้การคาดการณ์ของเขาอาจไม่ถูกเสมอไป หลังเคยทำนายกว่า 5 ปี ว่า ราคาพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นจะลดลง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น
นอกจากนี้ ราคาหุ้นธนาคารทั่วโลก ปรับตัวลดลงขณะนี้ หลังดอยช์แบงก์ ธนาคารอันดับ 1 ของเยอรมัน ออกตราสารอนุพันธ์ถึง 75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่ธนาคารมีผลขาดทุน 6,700 ล้านยูโร อาจไม่มีเงินจ่ายที่จะครบกำหนดเดือนเมษายนนี้ เป็นสัญญาณของวิกฤตการเงินรอบใหม่ และอาจเป็น "เลห์แมน บราเธอร์ส 2" ที่เป็นจุดเริ่มต้นวิกฤตการณ์การเงินสหรัฐและโลกในปี 2008
Link :
http://news.voicetv.co.th/business/325725.html
Link :
http://sektha.blogspot.com/2015/10/arbitrage.html




▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ 'วิกฤตติ่มซำ' เริ่มแล้ว ธนาคารจีนอาจหนี้เสียมากกว่าซัมไพร์ม █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
วิกฤตเศรษฐกิจโลก อาจเริ่มส่งสัญญาณ หลังกองทุนเฮชฟันด์ คาดว่า ธนาคารของจีนจะประสบปัญหาขาดทุนมากกว่า ธนาคารสหรัฐ ในช่วงวิกฤตหนี้ซับไพร์มกว่าร้อยละ 400 รวมทั้งวิกฤตการออกตราสารอนุพันธ์ของดอยช์แบงก์ อาจไม่มีเงินจ่ายในเดือนเมษายนนี้
นายไคล บาส ผู้ก่อตั้งและเจ้าของกองทุนเฮชฟันด์ Hayman Capital สหรัฐอเมริกา ระบุว่า ขณะนี้ธนาคารของจีน ดำเนินธุรกิจที่คล้ายกับธนาคารสหรัฐ ในช่วงที่ใกล้เกิดวิกฤตหนี้ซับไพร์ม ทั้งการกู้ยืมเกินขอบเขต และการเก็งกำไรแบบอาร์บิทราจ (Arbitrage) ที่ใช้ช่องว่างกฎระเบียบ และปล่อยกู้โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่ขาดการประเมินความสามารถของผู้กู้ เพื่อให้เศรษฐกิจจีนขยายตัว
เพราะการปล่อยกู้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่ทำโดยรัฐบาล และ10 ปีที่ผ่านมา ธนาคารของจีนขยายตัวถึง 34.5 ล้านล้านดอลลาร์ จากเดิม 3 ล้านดอลลาร์ และหากมีหนี้เสีย หรือ NPL ถึงร้อยละ 10 หุ้นของธนาคารจีนจะลดลง 3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ทางการจีน ต้องช่วยเพิ่มทุนธนาคารมากกว่า 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐ
โดยกองทุนของบาส ได้เก็งกำไร ชอร์ตค่าเงินหยวนล่วงหน้า มากกว่าพันล้านดอลลาร์ แม้การคาดการณ์ของเขาอาจไม่ถูกเสมอไป หลังเคยทำนายกว่า 5 ปี ว่า ราคาพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นจะลดลง แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น
นอกจากนี้ ราคาหุ้นธนาคารทั่วโลก ปรับตัวลดลงขณะนี้ หลังดอยช์แบงก์ ธนาคารอันดับ 1 ของเยอรมัน ออกตราสารอนุพันธ์ถึง 75 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่ธนาคารมีผลขาดทุน 6,700 ล้านยูโร อาจไม่มีเงินจ่ายที่จะครบกำหนดเดือนเมษายนนี้ เป็นสัญญาณของวิกฤตการเงินรอบใหม่ และอาจเป็น "เลห์แมน บราเธอร์ส 2" ที่เป็นจุดเริ่มต้นวิกฤตการณ์การเงินสหรัฐและโลกในปี 2008
Link : http://news.voicetv.co.th/business/325725.html
Link : http://sektha.blogspot.com/2015/10/arbitrage.html