รบกวนสอบถาม
คือดิฉันเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ ไม่ดีเท่าไร เป็นคนซื่อๆ โง่ๆ ก็เลยเพื่อนเอาเปรียบตั้งแต่เด็ก
พ่อดิฉันเป็นคนรักเพื่อนฝุงมาก ถึงเพื่อนพ่อจะไม่ดี เคยทำร้ายครอบครัวตัวเอง ก็ยังคบต่อ
คิดว่าเป็นสาเหตุส่วนนึง ให้ดิฉันมีเพื่อนน้อย
เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยคุย แต่จะคุยกับคนคุ้นเคย และสนิทกันแล้วเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กจนมัธยมดิฉันสนิทกับแม่มาก คุยกับแม่ทุกเรื่อง เป็นเด็กใสซื่อ
พอเข้ามหาลัยต้องอยุ่หอ เจอแม่น้อยลง มาสนิทกับเพื่อนอยุ่คนนึง เป้นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก
ใครๆก็อย่ากคุยกับเพื่อนคนนี้ แต่เรารักกันมาก เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมีเพื่อนสนิท
เรียนจบมาทำงาน ดิฉันลาออกจากงานบ่อยมาก ไม่มีงานที่แน่นอน สาเหตุที่ลาออกส่วนนึง
มาจากการที่ดิฉันถูกเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งหัวหน้า ขุดคุ้ยหาข้อมุลดิฉันในอินเตอร์เน็ต
มันทำให้ดิฉันรุ้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัว เขารุ้ข้อมุลในโซเชียล แต่ในโลกความเป็นจริงเขารุ้จักเราแค่ขี้เล็บ
เพื่อนที่ทำงานบางคนต่อหน้าไม่คุย ไม่แยแสเราเลย แต่ลับหลังเขากลับสนใจในตัวเรา มากเป็นพิเศษ
ดิฉันเป็นคนเซนซิทีฟ คือถ้าเกิดใครเคยดุ (คนที่ไม่สนิทกัน) ดิฉันจะไม่คุยกับเขา เกือบตลอดชีวิต แต่จะคุยบ้างเมื่อเขาคุยมา
ปีที่แล้วดิฉันไม่สบายต่องนอนรพ. ดิฉันลาออกจากงานเพื่อรักษา กลับไปอยุ่ต่างจังหวัด
ในหมุ่บ้านต่างจังหวัดมีแต่ความอิจฉาริษยา เมื่อดิฉันเดินออกจากประตูบ้าน
พวกกลุ่มคนก็คอยด่า แซว สารพัด และอีกลุ่มคนพวกนี้ แม่บอกว่ามันเคยมาขอแม่ คือแม่ห้าสิบกว่า แต่มันสีสิบ
แล้วที่มาเล่นงานดิฉัน คืออยากให้ดิฉันอึดอัดรำคาญแล้วหนีไปอยุ่ที่อยุ่ที่อื่นใช่ไหม
หรือ นี่คือวิธีที่จะทำให้ดิฉันรับคุณเป็นพ่อเลี้ยงได้ บอกเลย ข้ามศพข้าไปก่อน
หางานในต่างจังหวัดยากมาก งานน้อย คนแย่งกันหางาน
เรื่องหางานก็แย่พออยุ่แล้ว ยังมาเครียดกับพวกปากหอยปากปูอีก
เอาจริงๆนะ คนที่มาซื้อของแถวบ้านเรา เขาไม่ตั้งใจมาซื้อของหรอก เขามาด่าเรา ขนาดเราอยุ่ในบ้านปิดประตูเงียบ มันยังตะโกนเขามาให้เราสะดุ้งเล่น
ตอนนี้ดิฉันหนีมาอยุ่กทม. พวกเขาคงดีใจสินะ ที่ตัวถ่วงออกไปจากหมุ่บ้าน
มีงานทำแล้ว ไปถามใครเค้าก็บอกว่าดิฉันถุกเอาเปรียบเกินไป
แต่ดิฉันมองเห็นว่าตอนที่ตกงานมันลำบากแค่ไหน ทนได้ก็ทนไป
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน ที่ทำให้ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นประสาทหรือเปล่า
คือดิฉันลางาน1วัน ลากิจ ดิฉันจะไปสอบงานในหน่วยงานรัฐ (ตอนนี้ทำเอกชน)
ดิฉันค่อนข้างสำคัญกับบริษัทนี้
ตอนดิฉันบอกขอลากิจเขา บอกว่ากลับบ้านตจว. เขาไม่ได้ถามอื่นๆเลย(เขา=หัวหน้า)
บริษัทนี้บริหารกันเองโดยครอบครัว
ก่อนหน้านี้เขาก็มีนิสัยเปิดดูบัญชีในโซเชียลของดิฉันว่าดิฉันอัพเดทอะไรบ้าง สนใจเรื่องใดบ้าง
และเมื่อดิฉันลากิจ วันที่ไปสอบ สอบเสร็จ ดิฉันคิดว่าเขาต้องติดตามดิฉันอีกแน่เลย
ดิฉันเลยแกล้งอัพเดท เรื่องนึงเยอะมากในโซเชียล ยุทุป ซึ่งตั้งเป็นพับบลิค
และแน่นอน พวกเขาติดตามเราในวันลาจริงๆด้วย
เขารุ้ได้ไงว่าดิฉันสนใจ เรื่องนี้ อัพเดทเรื่องนี้ ในวันลากิจของดิฉัน ทั้งที่ไม่ได้แอดเพื่อนไปเลย
ทั้งที่วันๆ เขาว่างมาก ตอนที่เรายุ่งงาน หันไปเขาเล่นเกมส์ แต่เราลากิจวันเดียวเขากลับติดตามเรามากขนาดนี้
เพราะเราสำคัญกับบริษัทมาก
หรือเรามันคนแปลกประหลาด
เขาอยากรุ้ทำไมไม่ถาม
ทำไมเขาไม่คิดว่าเรามีแอคทีวิตี้อื่นๆ เยอะแยะยกเว้นโซเชียล
พอแระเริ่มเยอะ รบกวนวิเคราะห์สภาพจิตดิฉันด้วยนะคะ จิตแพทย์หรือคนที่มีประสบการณ์ผ่านมาก็ได้ค่ะ
ดิฉันมีความบกพร่องทางจิตประสาทหรือเปล่า
คือดิฉันเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ ไม่ดีเท่าไร เป็นคนซื่อๆ โง่ๆ ก็เลยเพื่อนเอาเปรียบตั้งแต่เด็ก
พ่อดิฉันเป็นคนรักเพื่อนฝุงมาก ถึงเพื่อนพ่อจะไม่ดี เคยทำร้ายครอบครัวตัวเอง ก็ยังคบต่อ
คิดว่าเป็นสาเหตุส่วนนึง ให้ดิฉันมีเพื่อนน้อย
เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยคุย แต่จะคุยกับคนคุ้นเคย และสนิทกันแล้วเท่านั้น
ตั้งแต่เด็กจนมัธยมดิฉันสนิทกับแม่มาก คุยกับแม่ทุกเรื่อง เป็นเด็กใสซื่อ
พอเข้ามหาลัยต้องอยุ่หอ เจอแม่น้อยลง มาสนิทกับเพื่อนอยุ่คนนึง เป้นคนที่มีอัธยาศัยดีมาก
ใครๆก็อย่ากคุยกับเพื่อนคนนี้ แต่เรารักกันมาก เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมีเพื่อนสนิท
เรียนจบมาทำงาน ดิฉันลาออกจากงานบ่อยมาก ไม่มีงานที่แน่นอน สาเหตุที่ลาออกส่วนนึง
มาจากการที่ดิฉันถูกเพื่อนร่วมงาน รวมทั้งหัวหน้า ขุดคุ้ยหาข้อมุลดิฉันในอินเตอร์เน็ต
มันทำให้ดิฉันรุ้สึกว่าไม่เป็นส่วนตัว เขารุ้ข้อมุลในโซเชียล แต่ในโลกความเป็นจริงเขารุ้จักเราแค่ขี้เล็บ
เพื่อนที่ทำงานบางคนต่อหน้าไม่คุย ไม่แยแสเราเลย แต่ลับหลังเขากลับสนใจในตัวเรา มากเป็นพิเศษ
ดิฉันเป็นคนเซนซิทีฟ คือถ้าเกิดใครเคยดุ (คนที่ไม่สนิทกัน) ดิฉันจะไม่คุยกับเขา เกือบตลอดชีวิต แต่จะคุยบ้างเมื่อเขาคุยมา
ปีที่แล้วดิฉันไม่สบายต่องนอนรพ. ดิฉันลาออกจากงานเพื่อรักษา กลับไปอยุ่ต่างจังหวัด
ในหมุ่บ้านต่างจังหวัดมีแต่ความอิจฉาริษยา เมื่อดิฉันเดินออกจากประตูบ้าน
พวกกลุ่มคนก็คอยด่า แซว สารพัด และอีกลุ่มคนพวกนี้ แม่บอกว่ามันเคยมาขอแม่ คือแม่ห้าสิบกว่า แต่มันสีสิบ
แล้วที่มาเล่นงานดิฉัน คืออยากให้ดิฉันอึดอัดรำคาญแล้วหนีไปอยุ่ที่อยุ่ที่อื่นใช่ไหม
หรือ นี่คือวิธีที่จะทำให้ดิฉันรับคุณเป็นพ่อเลี้ยงได้ บอกเลย ข้ามศพข้าไปก่อน
หางานในต่างจังหวัดยากมาก งานน้อย คนแย่งกันหางาน
เรื่องหางานก็แย่พออยุ่แล้ว ยังมาเครียดกับพวกปากหอยปากปูอีก
เอาจริงๆนะ คนที่มาซื้อของแถวบ้านเรา เขาไม่ตั้งใจมาซื้อของหรอก เขามาด่าเรา ขนาดเราอยุ่ในบ้านปิดประตูเงียบ มันยังตะโกนเขามาให้เราสะดุ้งเล่น
ตอนนี้ดิฉันหนีมาอยุ่กทม. พวกเขาคงดีใจสินะ ที่ตัวถ่วงออกไปจากหมุ่บ้าน
มีงานทำแล้ว ไปถามใครเค้าก็บอกว่าดิฉันถุกเอาเปรียบเกินไป
แต่ดิฉันมองเห็นว่าตอนที่ตกงานมันลำบากแค่ไหน ทนได้ก็ทนไป
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน ที่ทำให้ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นประสาทหรือเปล่า
คือดิฉันลางาน1วัน ลากิจ ดิฉันจะไปสอบงานในหน่วยงานรัฐ (ตอนนี้ทำเอกชน)
ดิฉันค่อนข้างสำคัญกับบริษัทนี้
ตอนดิฉันบอกขอลากิจเขา บอกว่ากลับบ้านตจว. เขาไม่ได้ถามอื่นๆเลย(เขา=หัวหน้า)
บริษัทนี้บริหารกันเองโดยครอบครัว
ก่อนหน้านี้เขาก็มีนิสัยเปิดดูบัญชีในโซเชียลของดิฉันว่าดิฉันอัพเดทอะไรบ้าง สนใจเรื่องใดบ้าง
และเมื่อดิฉันลากิจ วันที่ไปสอบ สอบเสร็จ ดิฉันคิดว่าเขาต้องติดตามดิฉันอีกแน่เลย
ดิฉันเลยแกล้งอัพเดท เรื่องนึงเยอะมากในโซเชียล ยุทุป ซึ่งตั้งเป็นพับบลิค
และแน่นอน พวกเขาติดตามเราในวันลาจริงๆด้วย
เขารุ้ได้ไงว่าดิฉันสนใจ เรื่องนี้ อัพเดทเรื่องนี้ ในวันลากิจของดิฉัน ทั้งที่ไม่ได้แอดเพื่อนไปเลย
ทั้งที่วันๆ เขาว่างมาก ตอนที่เรายุ่งงาน หันไปเขาเล่นเกมส์ แต่เราลากิจวันเดียวเขากลับติดตามเรามากขนาดนี้
เพราะเราสำคัญกับบริษัทมาก
หรือเรามันคนแปลกประหลาด
เขาอยากรุ้ทำไมไม่ถาม
ทำไมเขาไม่คิดว่าเรามีแอคทีวิตี้อื่นๆ เยอะแยะยกเว้นโซเชียล
พอแระเริ่มเยอะ รบกวนวิเคราะห์สภาพจิตดิฉันด้วยนะคะ จิตแพทย์หรือคนที่มีประสบการณ์ผ่านมาก็ได้ค่ะ