สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นคร่าวๆก่อนนะคะ ขออภัยล่วงหน้าหากรู้สึกยาว
เราจะพิมพ์แบบกระชับที่สุดนะคะ
พ่อเราซื้อที่ดินมา 1 แปลง ที่ดินแปลงนี้อยู่ในละแวกบ้านเราเอง ญาติๆกันเป็นเจ้าของ
แต่ก่อน ที่ดินนี้เป็นแปลงใหญ่ 1 แปลง ถูกแบ่งให้กับญาติพี่น้อง 5 คน คนละแปลง และแบ่งทางไว้ตลอดทั้งแปลง ประมาณ 3 เมตร
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ ซึ่งทางนี้ก็มีชื่อเจ้าของ 5 คนเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม
แปลงที่1 อยู่ติดถนนสาธารณะ เจ้าของปลูกบ้านอยู่เอง
แปลงที่ 2และ 3 เจ้าของขายให้กับภรรยาคนไทย และชาวต่างชาติปลูกบ้าน
แปลงที่ 4 เจ้าของเดิมเสียชีวิตแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นได้ขายต่อๆกันมา ปัจจุบันพ่อเราเป็นเจ้าของ
แปลงที่ 5 เจ้าของเดิมให้คนรู้จักปลูกพืชผัก แปลงนี้อยู่ติดถนนสาธารณะอีกฝั่ง
ปกติจะมีคนในละแวกนั้น ใช้ทางนี้เข้าออกสู่นนถนนสาธารณะจากฝั่งหนึ่ง ไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะเป็นทางลัด
แต่เมื่อชาวต่างชาติและภรรยามาปลูกบ้านอยู่ (เขาซื้อก่อนพ่อเรา)ก็ได้ติดประตูเหล็กกั้นทางไว้ เขาบอกว่ากลัวโจร
เจ้าของที่ขายให้ก็ไม่ว่าอะไร
ต่อมา พ่อเราไปซื้อที่ดินแปลงที่ 4 นี้ ให้คนมาเช่าปลูกบ้าน(ดำเนินการตามกฎหมายปกติทุกอย่าง มีสัญญาเช่า
ขออนุญาตก่อสิ่งปลุกสร้าง ขอขึ้นทะเบียนบ้าน)
แต่เจ้าของแปลงที่ 5 ไม่พอใจ(ซึ่งไม่ทราบสาเหตุเลยจริงๆว่าไม่พอใจเรื่องอะไร)
จึงได้ก่อกำแพงอิฐกั้นทางไว้ เราจึงไม่สามารถเข้าออกได้ พ่อและแม่เราก็ไปเจรจา เขาก็ไม่เปิดให้
เราก็ไม่อยากมีปัญหา เห็นว่าเป็นญาติกัน
เลยมาเข้าออกอีกทางก็ได้ ซึ่งมันไกลจากที่ดินเรามากกว่า ก็ต้องมาเจรจาขอกุญแจของชาวต่างชาติและภรรยาเพื่อเปิดประตูเหล็ก
เพื่อให้ผู้เช่าของเรามีทางเข้าออก
ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วล่ะ ว่าเราไม่มีชื่อในทาง(กรรมสิทธิ์ร่วม 5 คน) แต่เราก็ไม่คิดอะไรมาก จึงแค่ทำใบอนุญาตให้เจ้าของทาง
ลงชื่อยืนยันให้เราเดินได้ ซึ่งทุกอย่างก็ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร
ในกรรมสิทธิ์ร่วม 5 คนนี้ เดิมคือ เจ้าของแต่ละแปลง
ปัจจุบันเหลือ 3 คน คือ
1.เจ้าของที่ดิน 1 2 3 โอนให้ภรรยาชาวไทยและชาวต่างชาติ
2.เจ้าของเดิมคนแรกแปลงที่พ่อเราซื้อ(เสียชีวิตแล้ว)
3.เจ้าของแปลงที่ 5
ต่อมา เราติดป้ายขายที่ดินแปลงนี้ ต้องบอกก่อนว่า บ้านเราไม่ได้รวย พ่อเรากู้ธนาคารมาซื้อ เพราะอยากให้เป็นสมบัติของลูกหลาน
แต่แม่เราไปถูกใจแปลงอื่นเข้า ไม่มีเงินซื้อจึงคิดขายแปลงนี้ (ได้แจ้งคนเช่าล่วงหน้าแล้วว่าจะขาย) จึงติดป้ายประกาศขายไว้
วันหนึ่ง ในระหว่างทางที่บ้านเราขับรถออกไปข้างนอก เราเห็นชาวต่างชาติกับภรรยาเอาสเปรย์มาฉีดป้ายที่เราปิดประกาศพอดี
จึงลงจากรถ และเกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันขึ้น
วันรุ่งขึ้น เราถูกปิดทางทันที ผู้เช่าของเราก็เข้าบ้านไม่ได้ จากตอนแรกถูกปิดแค่ฝั่งเดียว มาตอนนี้เราถูกปิดทั้ง 2 ฝั่ง
ก็ดำเนินการ ขึ้นโรงขึ้นศาลกัน จวบจนปัจจุบัน ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ที่ยังถูกปิดอยู่
ปัจจุบันผู้เช่าก็ขอเข้าออกจากที่ดินแปลงข้างเคียง เนื่องจากเจ้าของที่ดินยังไม่ได้ทำประโยชน์ จึงขอเขามุดลวดหนามเอา
ตอนนี้เรื่องอยู่ในศาลชั้นต้น ใกล้จะถึงวันตัดสินแล้ว ที่เราบอกว่าอาจแพ้ เพราะในระหว่างดำเนินการฟ้องร้อง
เราพลาดเอง ทนายของเราทำเรื่องแบบผิดๆถูกๆ ทำให้สถาการณ์ตอนนี้ย่ำแย่มากๆ
แถมพ่อเราถูกเขาฟ้องร้องในคดีอาญาอีกด้วย ตอนนี้เครียดมาก
ทนายความ และอัยการที่ไปปรึกษาก็พูดว่าในทำนองว่าเราอาจแพ้
ในส่วนการฟ้องร้อง ที่เราพลาด คงจะเป็นสำนวน แต่เราอธิบายไม่ถูก เพราะพ่อกับแม่เราเป็นคนดำเนินการ เราไม่ได้เข้าไปช่วยเลย

แต่เราจะหาข้อมูลมาอธิบายเพิ่ม
ทางเราฟ้องขอเป็นภาระจำยอม คู่กรณี เรียกเรา 50,000บาทต่อปี ซึ่งมันไม่ไหวจริงๆ ทางเราจึงไม่ได้ตกลง เลยต้องรอผลตัดสิน
เรากังวลว่าอาจจะแพ้ เงินค่าทนายก็หมดไปเยอะ ถ้าแพ้ เราเลยตั้งใจว่าจะกัดฟันสู้เงินค่าทนาย ขอทนายเก่งๆ มาทำคดีให้
เราไม่อยากพลาดอีกแล้ว ตอนนี้ เราเลยมารวบรวมเรื่องทั้งหมด และจะหาแนวทางสู้ต่อไป
ขอให้เพื่อนๆที่มีความรู้ ช่วยแนะนำเราที ว่าเราควรสู้ไปในทิศทางไหน
และใครรู้จักทนายที่เก่งเรื่องที่ดิน ช่วยแนะนำเราทีค่ะ เราไม่รู้จักใครเลยจริงๆ เราเหนื่อย เราสงสารพ่อแม่
เราอยากสู้ ที่ดินของเรา แต่เราเข้าไปไม่ได้ มันเครียดมากจริงๆ แนะนำหลังไมค์ก็ได้ค่ะ
อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจุดไหน ถามได้นะคะ ขออภัยหากเราอธิบายงงๆ
กระทู้แรกของเราค่ะ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยสมาชิกทุกท่าน และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ
ถูกปิดทางเข้าออก ใกล้ตัดสินคดีแล้ว แต่อาจแพ้ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ
เราจะพิมพ์แบบกระชับที่สุดนะคะ
พ่อเราซื้อที่ดินมา 1 แปลง ที่ดินแปลงนี้อยู่ในละแวกบ้านเราเอง ญาติๆกันเป็นเจ้าของ
แต่ก่อน ที่ดินนี้เป็นแปลงใหญ่ 1 แปลง ถูกแบ่งให้กับญาติพี่น้อง 5 คน คนละแปลง และแบ่งทางไว้ตลอดทั้งแปลง ประมาณ 3 เมตร
เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ ซึ่งทางนี้ก็มีชื่อเจ้าของ 5 คนเป็นกรรมสิทธิ์ร่วม
แปลงที่1 อยู่ติดถนนสาธารณะ เจ้าของปลูกบ้านอยู่เอง
แปลงที่ 2และ 3 เจ้าของขายให้กับภรรยาคนไทย และชาวต่างชาติปลูกบ้าน
แปลงที่ 4 เจ้าของเดิมเสียชีวิตแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นได้ขายต่อๆกันมา ปัจจุบันพ่อเราเป็นเจ้าของ
แปลงที่ 5 เจ้าของเดิมให้คนรู้จักปลูกพืชผัก แปลงนี้อยู่ติดถนนสาธารณะอีกฝั่ง
ปกติจะมีคนในละแวกนั้น ใช้ทางนี้เข้าออกสู่นนถนนสาธารณะจากฝั่งหนึ่ง ไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะเป็นทางลัด
แต่เมื่อชาวต่างชาติและภรรยามาปลูกบ้านอยู่ (เขาซื้อก่อนพ่อเรา)ก็ได้ติดประตูเหล็กกั้นทางไว้ เขาบอกว่ากลัวโจร
เจ้าของที่ขายให้ก็ไม่ว่าอะไร
ต่อมา พ่อเราไปซื้อที่ดินแปลงที่ 4 นี้ ให้คนมาเช่าปลูกบ้าน(ดำเนินการตามกฎหมายปกติทุกอย่าง มีสัญญาเช่า
ขออนุญาตก่อสิ่งปลุกสร้าง ขอขึ้นทะเบียนบ้าน)
แต่เจ้าของแปลงที่ 5 ไม่พอใจ(ซึ่งไม่ทราบสาเหตุเลยจริงๆว่าไม่พอใจเรื่องอะไร)
จึงได้ก่อกำแพงอิฐกั้นทางไว้ เราจึงไม่สามารถเข้าออกได้ พ่อและแม่เราก็ไปเจรจา เขาก็ไม่เปิดให้
เราก็ไม่อยากมีปัญหา เห็นว่าเป็นญาติกัน
เลยมาเข้าออกอีกทางก็ได้ ซึ่งมันไกลจากที่ดินเรามากกว่า ก็ต้องมาเจรจาขอกุญแจของชาวต่างชาติและภรรยาเพื่อเปิดประตูเหล็ก
เพื่อให้ผู้เช่าของเรามีทางเข้าออก
ซึ่งตอนนี้เรารู้แล้วล่ะ ว่าเราไม่มีชื่อในทาง(กรรมสิทธิ์ร่วม 5 คน) แต่เราก็ไม่คิดอะไรมาก จึงแค่ทำใบอนุญาตให้เจ้าของทาง
ลงชื่อยืนยันให้เราเดินได้ ซึ่งทุกอย่างก็ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร
ในกรรมสิทธิ์ร่วม 5 คนนี้ เดิมคือ เจ้าของแต่ละแปลง
ปัจจุบันเหลือ 3 คน คือ
1.เจ้าของที่ดิน 1 2 3 โอนให้ภรรยาชาวไทยและชาวต่างชาติ
2.เจ้าของเดิมคนแรกแปลงที่พ่อเราซื้อ(เสียชีวิตแล้ว)
3.เจ้าของแปลงที่ 5
ต่อมา เราติดป้ายขายที่ดินแปลงนี้ ต้องบอกก่อนว่า บ้านเราไม่ได้รวย พ่อเรากู้ธนาคารมาซื้อ เพราะอยากให้เป็นสมบัติของลูกหลาน
แต่แม่เราไปถูกใจแปลงอื่นเข้า ไม่มีเงินซื้อจึงคิดขายแปลงนี้ (ได้แจ้งคนเช่าล่วงหน้าแล้วว่าจะขาย) จึงติดป้ายประกาศขายไว้
วันหนึ่ง ในระหว่างทางที่บ้านเราขับรถออกไปข้างนอก เราเห็นชาวต่างชาติกับภรรยาเอาสเปรย์มาฉีดป้ายที่เราปิดประกาศพอดี
จึงลงจากรถ และเกิดการโต้เถียงและทะเลาะกันขึ้น
วันรุ่งขึ้น เราถูกปิดทางทันที ผู้เช่าของเราก็เข้าบ้านไม่ได้ จากตอนแรกถูกปิดแค่ฝั่งเดียว มาตอนนี้เราถูกปิดทั้ง 2 ฝั่ง
ก็ดำเนินการ ขึ้นโรงขึ้นศาลกัน จวบจนปัจจุบัน ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ที่ยังถูกปิดอยู่
ปัจจุบันผู้เช่าก็ขอเข้าออกจากที่ดินแปลงข้างเคียง เนื่องจากเจ้าของที่ดินยังไม่ได้ทำประโยชน์ จึงขอเขามุดลวดหนามเอา
ตอนนี้เรื่องอยู่ในศาลชั้นต้น ใกล้จะถึงวันตัดสินแล้ว ที่เราบอกว่าอาจแพ้ เพราะในระหว่างดำเนินการฟ้องร้อง
เราพลาดเอง ทนายของเราทำเรื่องแบบผิดๆถูกๆ ทำให้สถาการณ์ตอนนี้ย่ำแย่มากๆ
แถมพ่อเราถูกเขาฟ้องร้องในคดีอาญาอีกด้วย ตอนนี้เครียดมาก
ทนายความ และอัยการที่ไปปรึกษาก็พูดว่าในทำนองว่าเราอาจแพ้
ในส่วนการฟ้องร้อง ที่เราพลาด คงจะเป็นสำนวน แต่เราอธิบายไม่ถูก เพราะพ่อกับแม่เราเป็นคนดำเนินการ เราไม่ได้เข้าไปช่วยเลย
แต่เราจะหาข้อมูลมาอธิบายเพิ่ม
ทางเราฟ้องขอเป็นภาระจำยอม คู่กรณี เรียกเรา 50,000บาทต่อปี ซึ่งมันไม่ไหวจริงๆ ทางเราจึงไม่ได้ตกลง เลยต้องรอผลตัดสิน
เรากังวลว่าอาจจะแพ้ เงินค่าทนายก็หมดไปเยอะ ถ้าแพ้ เราเลยตั้งใจว่าจะกัดฟันสู้เงินค่าทนาย ขอทนายเก่งๆ มาทำคดีให้
เราไม่อยากพลาดอีกแล้ว ตอนนี้ เราเลยมารวบรวมเรื่องทั้งหมด และจะหาแนวทางสู้ต่อไป
ขอให้เพื่อนๆที่มีความรู้ ช่วยแนะนำเราที ว่าเราควรสู้ไปในทิศทางไหน
และใครรู้จักทนายที่เก่งเรื่องที่ดิน ช่วยแนะนำเราทีค่ะ เราไม่รู้จักใครเลยจริงๆ เราเหนื่อย เราสงสารพ่อแม่
เราอยากสู้ ที่ดินของเรา แต่เราเข้าไปไม่ได้ มันเครียดมากจริงๆ แนะนำหลังไมค์ก็ได้ค่ะ
อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจุดไหน ถามได้นะคะ ขออภัยหากเราอธิบายงงๆ
กระทู้แรกของเราค่ะ ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยสมาชิกทุกท่าน และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเม้นนะคะ