รู้และเข้าใจว่า กทม. มีปัญหาที่ต้องแก้แต่ละวันมากมายอยู่แล้ว แต่อยากจะขอฝากเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วง ณ ปัจจุบันนี้มากๆ คือ เรื่องกลิ่นฉี่ข้างเสาไฟ และมุมอับมุมซอกต่างๆ
ที่ต้องหยิบยกมาพูดนี้เพราะว่ามันเริ่มลามและรุนแรงมากกว่าแต่ก่อน เพราะคนเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนต่างจังหวัดที่ย้ายเข้ามาหางานในเมือง หรือคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือคนจรที่เพียงใช้ถนนกรุงเทพฯ เป็นทางผ่าน คนเยอะขึ้นกว่า 10 ล้านคน ในช่วงเวลาหากินเดียวกัน ถนนก็แทบแตก รถก็ติดมาก เข้าใจว่าคนเวลาปวดฉี่ ผู้ชายก็แว้บเข้าข้างทางได้ แต่..
ตามหลักจิตวิทยา เมื่อคนปวดฉี่ก็จะหามุม หาซอก ปล่อยกันไป ถ้ามี 1 คน ปักแลนด์มาร์กไว้ที่จุดนั้นแล้ว อีกหลายๆ คนที่เจอปัญหาเดียวกัน ก็ต้องคิดปล่อยจุดนั้นเหมือนกัน แม้บางทีจะเขยิบซอกไปบ้าง แต่ลมพัดมากลิ่นรวมแล้วขมเข้าคอเลยทีเดียว
สถานที่ที่ยกตัวอย่างได้ดีที่สุดคือคลองถม ย่านที่หมักหมมสมบูรณ์ที่สุด แต่โชคดีที่ตอนนี้ได้ปฏิวัติเอาออกย้ายไปแล้ว แต่อย่างปัจจุบันนี้ถามสถานที่พลุกพล่านต่างๆ อาทิ สวนจตุจักร เริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น เรามักไปว่าชาวจีนว่าเป็นพวกสกปรก ดูประเทศเราเป็นแบบนี้ โอกาสเป็นไปได้สูงว่าเขาจะขาก จะสร้างแลนด์มาร์กทับ
บางทีก็แต่งตัวดีๆ มาจากบ้าน เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า ไปที่จอดรถ เจอกลิ่นสาบพวกนี้เข้าไป วันทั้งวันรู้สึกอัปมงคล นอกจากนี้การปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดกระจัดกระจายตามซอกเมืองขนาดนี้ ถือเป็นสภาวการณ์ทางสาธารณสุขที่ต้องเฝ้าระวัง แมลงสาบ แมลงวัน แมลงหวี่ชอบปาร์ตี้กันตามแหล่งแบบนี้ บินมาเกาะลูกชิ้นปิ้งหาบเร่ทีชีวิตจบค่ะ
เข้าใจแล้วนะคะว่าทำไมอาหารข้างทางถึงอันตราย บางคนกินแล้วอาหารเป็นพิษ บางคนบ่นอุบว่าทำกระแดะกินอาหารข้างถนนไม่ได้ ทั้งตัวเองและคนรอบตัวเจอกันมาแล้วค่ะ
คืออย่างที่สวนจตุจักรนี่ กลิ่นมันแย่มาก รอบระยะทางกว่าหลายร้อยเมตร ตอนแรกในใจก็ไปโทษพวกพี่สุชาติ ต้องเป็นพี่แกแน่ๆ แต่มาพินิจพิเคราะห์ดีๆ คนขับมอเตอร์ไซต์เขาก็มีบ้านช่องอยู่แถวนั้น เราจะไปเหมารวมเขาไม่ได้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนทุกประเภทที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก เห็นมันสกปรกอยู่แล้วก็ไปฉี่ทับไปกันใหญ่ บอกเลยว่าระหว่างเดินสวนนี่กลัวอย่างเดียวคือกลัวฝนตก!
บริษัทไหนจะเอาวาระนี้ไปทำธุรกิจ CSR น่าจะเวิร์กนะคะ อยากเห็นข่าวดีๆ “ไทยแลนด์ นำร่องกำแพงส้วม สร้างคุณค่าทางภูมิลักษณ์ ส่งเสริมสาธารณสุข คนในชุมชนมีรายได้” เกิดเป็นรัฐวิสาหกิจไปเลยก็ดี
**หากบางท่านจะมองว่าเรื่องนี้ไร้สาระก็ขออภัยนะจ๊ะ <3
ฝากถึง กทม. เสาไฟ - รอบรั้วจตุจักร เหม็นเยี่ยวมากค่ะ
รู้และเข้าใจว่า กทม. มีปัญหาที่ต้องแก้แต่ละวันมากมายอยู่แล้ว แต่อยากจะขอฝากเรื่องหนึ่งที่น่าเป็นห่วง ณ ปัจจุบันนี้มากๆ คือ เรื่องกลิ่นฉี่ข้างเสาไฟ และมุมอับมุมซอกต่างๆ
ที่ต้องหยิบยกมาพูดนี้เพราะว่ามันเริ่มลามและรุนแรงมากกว่าแต่ก่อน เพราะคนเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนต่างจังหวัดที่ย้ายเข้ามาหางานในเมือง หรือคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือคนจรที่เพียงใช้ถนนกรุงเทพฯ เป็นทางผ่าน คนเยอะขึ้นกว่า 10 ล้านคน ในช่วงเวลาหากินเดียวกัน ถนนก็แทบแตก รถก็ติดมาก เข้าใจว่าคนเวลาปวดฉี่ ผู้ชายก็แว้บเข้าข้างทางได้ แต่..
ตามหลักจิตวิทยา เมื่อคนปวดฉี่ก็จะหามุม หาซอก ปล่อยกันไป ถ้ามี 1 คน ปักแลนด์มาร์กไว้ที่จุดนั้นแล้ว อีกหลายๆ คนที่เจอปัญหาเดียวกัน ก็ต้องคิดปล่อยจุดนั้นเหมือนกัน แม้บางทีจะเขยิบซอกไปบ้าง แต่ลมพัดมากลิ่นรวมแล้วขมเข้าคอเลยทีเดียว
สถานที่ที่ยกตัวอย่างได้ดีที่สุดคือคลองถม ย่านที่หมักหมมสมบูรณ์ที่สุด แต่โชคดีที่ตอนนี้ได้ปฏิวัติเอาออกย้ายไปแล้ว แต่อย่างปัจจุบันนี้ถามสถานที่พลุกพล่านต่างๆ อาทิ สวนจตุจักร เริ่มมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น เรามักไปว่าชาวจีนว่าเป็นพวกสกปรก ดูประเทศเราเป็นแบบนี้ โอกาสเป็นไปได้สูงว่าเขาจะขาก จะสร้างแลนด์มาร์กทับ
บางทีก็แต่งตัวดีๆ มาจากบ้าน เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า ไปที่จอดรถ เจอกลิ่นสาบพวกนี้เข้าไป วันทั้งวันรู้สึกอัปมงคล นอกจากนี้การปล่อยปัสสาวะเรี่ยราดกระจัดกระจายตามซอกเมืองขนาดนี้ ถือเป็นสภาวการณ์ทางสาธารณสุขที่ต้องเฝ้าระวัง แมลงสาบ แมลงวัน แมลงหวี่ชอบปาร์ตี้กันตามแหล่งแบบนี้ บินมาเกาะลูกชิ้นปิ้งหาบเร่ทีชีวิตจบค่ะ
เข้าใจแล้วนะคะว่าทำไมอาหารข้างทางถึงอันตราย บางคนกินแล้วอาหารเป็นพิษ บางคนบ่นอุบว่าทำกระแดะกินอาหารข้างถนนไม่ได้ ทั้งตัวเองและคนรอบตัวเจอกันมาแล้วค่ะ
คืออย่างที่สวนจตุจักรนี่ กลิ่นมันแย่มาก รอบระยะทางกว่าหลายร้อยเมตร ตอนแรกในใจก็ไปโทษพวกพี่สุชาติ ต้องเป็นพี่แกแน่ๆ แต่มาพินิจพิเคราะห์ดีๆ คนขับมอเตอร์ไซต์เขาก็มีบ้านช่องอยู่แถวนั้น เราจะไปเหมารวมเขาไม่ได้ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนทุกประเภทที่ไร้ซึ่งจิตสำนึก เห็นมันสกปรกอยู่แล้วก็ไปฉี่ทับไปกันใหญ่ บอกเลยว่าระหว่างเดินสวนนี่กลัวอย่างเดียวคือกลัวฝนตก!
บริษัทไหนจะเอาวาระนี้ไปทำธุรกิจ CSR น่าจะเวิร์กนะคะ อยากเห็นข่าวดีๆ “ไทยแลนด์ นำร่องกำแพงส้วม สร้างคุณค่าทางภูมิลักษณ์ ส่งเสริมสาธารณสุข คนในชุมชนมีรายได้” เกิดเป็นรัฐวิสาหกิจไปเลยก็ดี
**หากบางท่านจะมองว่าเรื่องนี้ไร้สาระก็ขออภัยนะจ๊ะ <3