บริษัท ตัวแทนท้วงหนี้ ของ KTC เขาเห็นประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และประโยชน์บริษัทที่เขาทำงานให้หรือเปล่า(จากใจลูกค้า)

ผมขออนุญาติ ลบเนื้อหาอันยึดยาวทิ้งหน่ะครับ "อีดอัด เพียงแค่อยากระบาย"

สิ่งที่ผมจะสื่อสาร สั้นๆ คือ ถ้าทุกคน มองที่ผลประโยชน์ในภาพรวมกับทุกๆ ฝ่าย มันมักจะมีทางออกให้กับทุกคน "อะไรที่มันฝืน ยังไงก็ไปไม่รอด และไม่ใช่ประโยชน์สูงสุดที่ทุกควรจะได้รับ"

.....ส่วนผมก็รอไปใช้หนี้อย่างใจจด ใจจ่อ ดอกลดลงเหลือไม่น่าจะเกิน 15% ผ่อนกันยาวๆ อยู่กันนานๆ รักกันนานๆ  ส่วนทรัพย์สินที่มีไม่เข้าข่ายโดนยึดทรัพย์ซักชิ้น ถ้าไม่ติดไฟแน้น ก็เป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถเอาไปขายได้ทั่วๆ ไป (เพราะไม่มีใครรู้จัก มันเป็นงานเฉพาะด้าน)  แต่ไม่ต้องกลัว ผมไม่หนีหนี้หรอกน่ะครับ  "เวรกรรมมันมีจริง ค้าขายไม่ขึ้น"


สุดท้าย.....
ถ้าผมไม่ติดเรื่อง ต้องเอาเงินสดที่ใช้หมุนเวียนกับงานต่างๆ ร่วมกับบัตรทุกๆ บัตร ที่เหลืออยู่จำนวนหนึ่งทั้งหมด มาเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลแฟนผม  ปัญหาเรื่องบัตรก็คงไม่เกิดขึ้น "แต่ผมก็ไม่ได้นึกเสียใจอะไรหลอก เพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาได้ ก่อนเขาจะจากผมไป"

happy valentine day  ทุกคนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ประเมินตัวเองผิดรึเปล่า หนี้แสนต้นๆ เป็นผมนี่ต้องใช้ชีวิตแรงแค้นแล้วนะครับ 5-6 ปีที่รอดมาได้เนี่ย ถามหน่อยว่ายอดหนี้เพิ่มขึ้นหรือลดลงครับ

แล้วรู้มั๊ยครับ ทำไมเค้าจะปิดบัตรคุณสองใบ เพราะการที่คุณกดเงินจากบัตรนึง ไปจ่ายอีกบัตรนึง ธนาคารเค้ารู้อยู่แล้ว ว่ามันรั้งแต่จะทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว 99% ของคนที่ทำแบบนี้ สุดท้ายก็จะจ่ายไม่ไหว กลายเป็นหนี้เน่าเยอะกว่าเดิม

ผมแนะนำให้ปิดบัตรเครดิตทุกใบ แล้วหาทาง re-finance เถอะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่