IJN Mogami เรือลาตระเวณหนักของญี่ปุ่นแบบแรกที่ได้รับการดัดแปลงเป็นเรือลาดตระเวณหนักบรรทุกเครื่องบิน

IJN Mogami


ลำนี้ต่างหาก


          IJN Mogami เป็นเรือลำดับแรกที่ต่อในชั้น Mogami class ความเป็นมาของเรือลำนี้ต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นในวันที่ 27 ตุลาคม 1931 เมื่อเรือลำนี้ได้ถูกวางกระดูกงู ที่อู่ต่อเรือ Kura naval arsenal ที่เมือง kure ประเทศญี่ปุ่น เรือถูกปล่อยลงน้ำในวันที่ 14 มีนาคม 1934 และเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กรกฎาคม 1935 ในตอนแรกเรือลำนี้ได้ถูกต่อภายใต้ข้อกำหนดของสนธิสัญญาวอชิงตันว่าด้วยการจำกัดขนาดและจำนวนของเรือรบ ตอนแรกเรือนั้นได้ถูกออกแบบเป็นเรือลาดตระเวณเบาตามสนธิสัญญาลอนดอน เพราะเรือนั้นติดปืนใหญ่ขนาด 6 นิ้ว 3 ลำกล้องถูกติดตั้งเข้าไป มันสามารถเงยได้สูงสุด 55 องศา และยังสามารถใช้เป็นปืนต่อต้านอากาศยานได้อีกด้วย ซึ่งทำให้เรือเป็นเรือรบไม่มีกี่ลำในเรือลาดตระเวณในตอนนั้นที่ป้อมปืนสามารถใช้ทั้งยิงเรือและอากาศยานได้ แท่นปืนต่อต้านอากาศยานหนักแบบบรรจุเอง และแท่นยิงตอร์ปิโดขนาดหนัก ตามมาตรฐานของเรือลาดตระเวณหนักของญี่ปุ่นในตอนนั้น แต่เรือก็มิอาจปฏิเสธความจริงได้ว่าถึงแม้ว่าเรือจะถูกเรียกว่าเรือบาดตระเวณเบาตามที่สนธิสัญญาลอนดอนได้ระบุไว้ แต่ในความเป็นจริงเรือนั้นมีระวางขับน้ำถึง 11000 ตัน ซึ่งเกินข้อกำหนดที่สนธิสัญญาวอชิงตันได้กำหนดไว้ว่าห้ามเกิน 10000 ตัน

         เพื่อลดน้ำหนักและให้เรือมีขนาดกระทัดรัดขึ้นโครงบนของเรือส่วนใหญ่นั้นถูกทำจากอะลูมิเนียมและมีขนาดที่ค่อนข้างจะเตี้ยนิดๆ การเชื่อมเรือด้วยไฟฟ้า หม้อน้ำของเรือที่ถูกใส่เข้าไปแค่ 10 ตัวเท่านั้น เมื่อเทียบกับเรือลาดตระเวณชั้นก่อนหน้าอย่าง Takao class และ Myoko class ที่หม้อน้ำถึง 12 ตัว เนื่องจากเรือมีน้ำหนักที่ต้องจำกัดเพื่อรองรับสำหรับน้ำหนักอาวุธที่ติดตั้งบนเรือ ปล่องควันแบบคู่เพื่อลดน้ำหนัก(หัวปล่องติดกัน) แต่ถึงกองเรือญี่ปุ่นจะพยายามลดน้ำหนักของเรือชั้นนี้ขนาดไหนก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าเรืออาวุธและอาคารของเรือมีน้ำหนักที่เกินขีดจำกัดของตัวเรือ การทดสอบการยิงอาวุธบนเรือเผยให้เห็นว่ารอยเชื่อมของเรือมีอาการแตกร้าวในขณะที่ทำการทดสอบ ญี่ปุ่นแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มความพองของฐานเรือ และเพิ่มความกว้างของเรือเป็น 20.5 เมตร ความเร็วของเรือถูกตัดลง 2 น็อต

          เมื่อญี่ปุ่นได้ตัดสินใจถอนตัวจากคู่สัญญาในสนธิสัญญาลอนดอนฉบับที่ 2 เนื่องจากญี่ปุ่นมีความพยายามจะขยายขนาดกองเรือของตนเองและพัฒนากองเรือของตนให้แกร่งยิ่งขึ้น ในตอนนั้นป้อมของเรือถูกถอดออกและถูกทดแทนด้วยป้อมปืนลำกล้องคู่ขนาด 8 นิ้ว และเอาป้อมปืนขนาด 6 นิ้วของเรือไปยัดใส่เรือโคตรประจัญบานชั้น Yamato class แทน ฐานเรือถูกทำให้พองขึ้นไปอีกเพื่อกันตอร์ปิโด ระวางขับน้ำของเรือถูกเพิ่มเป็น 13000 ตัน ควาทเร็วของเรือลดลงเหลือเพียง 34.5 น็อตและเรือได้ถูก Reclass เป็นเรือลาดตระเวณหนัก

           เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เริ่มขึ้นเรือได้มีส่วนรวมในการปฏิบัติภารกิจโจมตีพื้นที่แถบอินโดจีนบางส่วนที่ได้ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส โดยมีฐานทัพอยู่ที่เกาะ Hainan ประเทศจีนหลังจากที่ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสวิชี่(รัฐบาลฝรั่งเศสที่เป็นหุ่นเชิดของนาซี)ได้ตกลงใช้เกาะนี้เป็นทั้งฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศร่วมกัน ในวันที่ 9 ธันวาคม 1941 เมื่อญี่ปุ่นได้ไปปลุกยักษ์หลับอันแสนเกรียงไกร ด้วยการส่งฝูงเครื่องบินเข้าโจมตีท่าเรือ Pearl harbor บนเกาะ Oahu หมู่เกาะ Hawaii จนยักษ์หลับตนนี้ได้กระโจนเข้าสู่สงครามแบบเต็มตัวและถือว่าเป็นการเริ่มนับเวลาถอยหลังรอคอยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นผู้ทะเยอทะยานนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ในตอนนั้นเรือได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจโจมตีมาลายา ที่ตอนนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษในฐานะของกองเรือลาดตระเวณที่ 7 ร่วมกับพี่น้องของเรือลำอื่นๆคือ IJN Mikuma, IJN Kumano และ IJN Suzuya ภายใต้การบังคับบัญชาการของพลเรือตรี Jisaburo Osawa โดยได้รับเกียรติให้เป็นกองเรือแรกที่ได้รับภารกิจให้สนับสนุนกองทัพบกญี่ปุ่นในการยกพลขึ้นบกที่จังหวัด Pattani จังหวัด Songkhla ประเทศไทยและเมือง Kota bharu ประเทศมาเลเซีย

         ในเดือน ธันวาคม 1941 เรือได้รับภารกิจให้โจมตีเกาะ Borneo ในเขตอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ และอีกครั้งกับเรือชั้นเดียวกันอย่าง IJN Mikuma ในการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของกองทัพบกญี่ปุ่นที่เมือง Kushing บนเกาะ Borneo ในเดือน กุมภาพันธ์ 1942 เรือได้มีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการยกพลขึ้นบกของกองทัพบกญี่ปุ่นในการยกพลขึ้นบกที่เกาะ Borneo เกาะ Sumatra และเกาะ Java ซึ่งทั้งหมดต่างก็เป็นเกาะภายใต้อาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1942 เรือ Mogami และเรือลาดตระเวณหนัก IJN Chokai ได้ถูกเรือดำน้ำของสหรัฐ USS Searaven เข้าโจมตีโดยได้ซัดตอร์ปิโด 4 ลูกเข้าใส่เรือทั้ง 2 แต่โชคดีที่ตอร์ปิโดทั้ง 4 ลูกนั้นพลาดเป้า

- ยุทธนาวีที่ช่องแคบ Sunda-

         ในตอนดึกของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 1942 เรือลาดตระเวณเบา IJN Natori พร้อมเรือกับเรือพิฆาต IJN Harukaze, IJN Hatakaze, IJN Asakaze, IJN Fubuki, IJN Hatsuyuki, IJN Shirayuki, IJN Shirakumo และ IJN Murakumo กำลังคุ้มกันเรือขนส่งกองทหารที่ 16 จำนวน 58 ลำของกองทัพบกญี่ปุ่นแล่นเดินทางไปส่งยังเกาะ Java และที่อยู่ทางเหนือของกองเรือญี่ปุ่นไปอีกคือเรือ Mogami พร้อมลาดตระเวณหนักชั้นเดียวกันอย่าง IJN Suzuya, IJN Kumano, IJN Suzuya เรือบรรทุกเครื่องบินเบา IJN Ryujo เรือบรรทุกเครื่องบินทะเล IJN Chiyoda เรือพิฆาต IJN Uranami, IJN Shikinami, Isonami ที่คอยคุ้มกันขบวนเรือขนส่งทหารอยู่ห่างๆ กองเรือได้ถูกตรวจพบโดยเรือลาดตระเวณเบาของฝ่ายสัมพันธมิตร HMAS Perth ในขณะที่ฝ่ายกองเรือญี่ปุ่นเองโดยเรือพิฆาต IJN Fubuki ก็ตรวจพบกองเรือของฝ่ายสัมพันธิมิตรเช่นกัน ขณะที่กองเรืออยู่ตรงปากทางออกของช่องแคบ Sunda ใกล้ๆกับอ่าว Bantam bay

         ทัง 2 ฝ่ายได้ประทะกันอย่างหนักด้วยจำนวนที่เหนือกว่าอย่างมหาศาลของกองเรือญี่ปุ่นและศักยภาพในการรบตอนกลางคืนที่กองเรือญี่ปุ่นมีความเหนือกว่าฝ่ายกองเรือของสัมพันธมิตรอย่างมาก ผลจากการสู้รบเรือลาดตระเวณหนักที่พิการมาก่อนหน้านี้แล้วอย่าง USS Houston(ป้อมปืนหลังใช้การไม่ได้เนื่องจากถูกฝูงเครื่องบินญี่ปุ่นเข้าโจมตี)ได้โดนตอร์ปิโดซัดเข้าไป 3 ลูกเรือหมดสภาพก่อนที่จะค่อยๆจมลง ส่วน HMAS Perth โดนตอร์ปิโดซัดเข้าไป 4 ลูกและได้ถูกระดมยิงจากปืนใหญ่ของกองเรือญี่ปุ่นจนจม ส่วนเรือพิฆาตของเนเธอร์แลนด์ HNLMS Evertsen ก็โดนจมไม่ต่างจากเรือ 2 ลำก่อนหน้าเช่นกัน กองเรือญี่ปุ่นได้รับชัยชนะ ในเดือนมีนาคม 1942 กองเรือลาดตระเวณที่ 7 ได้จอดเทียบท่าอยู่ใกล้ๆกับนอกชายฝั่งประเทศสิงคโปร์ เพือสนับสนุนกองทัพบกญี่ปุ่นในการยกพลขึ้นบกที่เกาะ Banga island และหมู่เกาะ Nicobar
แผนแบบเรือ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่