ดอยหลวงเชียงดาว จุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน ภาพผืนภูผาที่ตั้งตระหง่าน เป็นฉากหลังที่ถ่ายรุปได้สวยๆ
ก่อนที่จะไปพักกายพักใจบนดอยหลวงเชียงดาว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อนี้เราเสริซ์หาข้อมูลจากแอฟวงใน ใส่คำค้นว่า สเต๊ก ชื่อร้านที่เด้งขึ้นมาร้านร้าน คือร้าน "โอ๋กะจู๋" เป็นร้านอาหารผักออร์แกนนิค
เมนู ร้านโอ๋กะจู๋ เป็นรูปผักสดที่ชวนน่ากินมาก
มีผักออร์แกนนิค นานาชนิดให้เลือก แต่ละชนิดต่างล้วนน่ากินทั้งนั้น
น้ำสลัดผัก ก็มีหลากหลายให้เลือกสรรเช่นกัน
เมนูที่ฉันเลือกได้แก่ สลัดซีซ่า เป็นสลัดผักที่สดกรอบ อร่อยทุกคำ น้ำสลัดเข้มข้นกำลังดี มีกลิ่นชีสหอมนิดๆ ราคาจานนี้อยู่ที่ 125 บาท
จานที่ 2 สลัดซีโครงหมูสัปปะรด ซีโครงหมูที่นุ่ม เนื้อร่อน ความเข้มกำลังดี เสริฟมาพร้อมกับสลดผักในจานเดียวกัน อร่อยจริง ราคาจานนี่อยู่ที่ 175 บาท
จานที่ 3 สเต๊กแฮม แฮมชิ้นใหญ่ๆ กัดที่ได้รสชาติแฮม เต็มๆคำ ราคาจานนี้อยู่ที่ 185 บาท
เมนูน้าดื่ม ฉันเลือก น้ำแร่หมักผลไม้ สตอรเบอรรี่ เย็นชื่นใจ ราคาขวดละ 65 บาท
เมื่อทานเสร็จแล้ว เรายังสามารถเดินเข้าไปชมแปลงปลุกผักของทางร้านได้อีกด้วย ผักสีสรรสดในนานาพันธ์ ชวนเด็ดเก็บกินจากต้นสดๆเสียจริง
เมื่อท้องอิ่มแล้ว เราก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมายในฝันที่ตั้งใจจะ หอบรักไปห่มดอยหลวงเชียงดาว
ก่อนขึ้นดอยหลวงเชียงดาว จะมีป้อมของเจ้าหน้าที่ หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา เป็นจุดบริการประชาชน เราต้องมาลงชื่อและเสียค่าบำรุง รถยนต์คันละ 30 บาท และค่าเข้าคนละ 20 บาท ในสมุดลงชื่อเราต้องลงเวลาที่เข้า และ โฮมสเตย์ที่เราพักด้วย
คืนนี้ฉันพักที่ บ้านหมอกตะวัน เป็นที่พักที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน มีประมาณ 5 หลัง
ถึงเวลา หกโมงเย็น พี่ๆที่ดูแลบ้านพัก เป็นชาวเขาเผาลีซอแต่พูดไทยได้ชัดเจนมาก ยกสำรับอาหารมาให้เรา บรรยากาศมื้อเย็นที่กินข้าวไป ชมวิวยอดดอยไป อากาศเย็นกำลังดี เป็นความรู้สึกที่ฟินสุดๆ เวลาค่อยๆเดินไปอย่างสโลวไลฟ์ เหมาะจริงๆกับใครที่ต้องการมาสัมผัสความโรแมนติก ยิ่งช่วงกลางคืน ดวงดาวลอยเด่นเต็มฟ้า ใกล้เหมือนจะเอื้อมมือคว้า เก็บดาวมาให้เธอ เสียดายกล้องมือถือไม่สามารถถ่ายภาพดวงดาวได้
ที่พักบนดอยหลวงเชียงดาวยังคงสภาพที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นบ้านพักที่สร้างจากไม้ไผ่ ที่นอนผูด้วยฝุก กางมุงให้นอน เหมือนได้นอนท่ามกลางธรรมชาติ
ตื่นเช้ามา อากาศไม่หนาวมาก เย็นสบายกำลังดี ดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นเลี่ยมเขาประมาณ 7 โมงเช้า เราสามารถดูพระอาทิตย์จากที่นอนได้เลย แต่ถ้าจะให้ดีลุกขึ้นมาเก็บบรรยากาศยามเช้าที่สุดสดชื่น ถ่ายรูปเก็บความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก เป็นขุนเขาที่งดงามอีกที่หนึ่งของเมืองไทย
แล้วเราก็ได้เวลา ลาแล้ว รักนี่ขอฝากไว้ที่ดอยหลวงเชียงดาว เป็นบันทึกอีกบทหนึ่งของความทรงจำ
จุดหมายต่อไป ไร่นภ-ภูผา อยู่ที่สะเมิง สตอรเบอรรี่ของที่นี่ปลูกพันธ์ุ80 หวานหอม อร่อย ชื่นใจ ไม่มีรสเปรี้ยวเลย เราสามารถเข้าไปเก็บสตอรเบอรรี่จากในสวน โลละ 200 บาท ปลูกแบบปลอดสารพิษ ปลอดยากำจัดแมลง
สตอรเบอรรี่ที่นี่ ลูกใหญ่มากกกก
เห็นสตอรเบอรรี่สีแดงๆมากันเยอะแล้ว สตอรเบอรรี่สีขาวแต้มจุดแดงก็สวยงามไม่แพ้เช่นกัน
ตะกร้าใบนี้เลือกเก็บแต่สตอรเบอรี่ สีขาวอมชมพู ซึ่งเราจะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 2 วันแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง รสชาติหวานกรอบอร่อย
ขอลาไปกับรูปสุดท้าย ตระกร้าสตอรเบอรี่สีแดงชวนกิน เป็นทริปส่งท้าย before valentine ได้อย่างมีความสุข ^_^
[CR] Before Valentine หอบรักไปห่มดอย(หลวงเชียงดาว)
ดอยหลวงเชียงดาว จุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน ภาพผืนภูผาที่ตั้งตระหง่าน เป็นฉากหลังที่ถ่ายรุปได้สวยๆ
ก่อนที่จะไปพักกายพักใจบนดอยหลวงเชียงดาว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อนี้เราเสริซ์หาข้อมูลจากแอฟวงใน ใส่คำค้นว่า สเต๊ก ชื่อร้านที่เด้งขึ้นมาร้านร้าน คือร้าน "โอ๋กะจู๋" เป็นร้านอาหารผักออร์แกนนิค
เมนู ร้านโอ๋กะจู๋ เป็นรูปผักสดที่ชวนน่ากินมาก
มีผักออร์แกนนิค นานาชนิดให้เลือก แต่ละชนิดต่างล้วนน่ากินทั้งนั้น
น้ำสลัดผัก ก็มีหลากหลายให้เลือกสรรเช่นกัน
เมนูที่ฉันเลือกได้แก่ สลัดซีซ่า เป็นสลัดผักที่สดกรอบ อร่อยทุกคำ น้ำสลัดเข้มข้นกำลังดี มีกลิ่นชีสหอมนิดๆ ราคาจานนี้อยู่ที่ 125 บาท
จานที่ 2 สลัดซีโครงหมูสัปปะรด ซีโครงหมูที่นุ่ม เนื้อร่อน ความเข้มกำลังดี เสริฟมาพร้อมกับสลดผักในจานเดียวกัน อร่อยจริง ราคาจานนี่อยู่ที่ 175 บาท
จานที่ 3 สเต๊กแฮม แฮมชิ้นใหญ่ๆ กัดที่ได้รสชาติแฮม เต็มๆคำ ราคาจานนี้อยู่ที่ 185 บาท
เมนูน้าดื่ม ฉันเลือก น้ำแร่หมักผลไม้ สตอรเบอรรี่ เย็นชื่นใจ ราคาขวดละ 65 บาท
เมื่อทานเสร็จแล้ว เรายังสามารถเดินเข้าไปชมแปลงปลุกผักของทางร้านได้อีกด้วย ผักสีสรรสดในนานาพันธ์ ชวนเด็ดเก็บกินจากต้นสดๆเสียจริง
เมื่อท้องอิ่มแล้ว เราก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมายในฝันที่ตั้งใจจะ หอบรักไปห่มดอยหลวงเชียงดาว
ก่อนขึ้นดอยหลวงเชียงดาว จะมีป้อมของเจ้าหน้าที่ หน่วยพิทักษ์ป่าสบห้วยผาตั้ง-นาเลา เป็นจุดบริการประชาชน เราต้องมาลงชื่อและเสียค่าบำรุง รถยนต์คันละ 30 บาท และค่าเข้าคนละ 20 บาท ในสมุดลงชื่อเราต้องลงเวลาที่เข้า และ โฮมสเตย์ที่เราพักด้วย
คืนนี้ฉันพักที่ บ้านหมอกตะวัน เป็นที่พักที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน มีประมาณ 5 หลัง
ถึงเวลา หกโมงเย็น พี่ๆที่ดูแลบ้านพัก เป็นชาวเขาเผาลีซอแต่พูดไทยได้ชัดเจนมาก ยกสำรับอาหารมาให้เรา บรรยากาศมื้อเย็นที่กินข้าวไป ชมวิวยอดดอยไป อากาศเย็นกำลังดี เป็นความรู้สึกที่ฟินสุดๆ เวลาค่อยๆเดินไปอย่างสโลวไลฟ์ เหมาะจริงๆกับใครที่ต้องการมาสัมผัสความโรแมนติก ยิ่งช่วงกลางคืน ดวงดาวลอยเด่นเต็มฟ้า ใกล้เหมือนจะเอื้อมมือคว้า เก็บดาวมาให้เธอ เสียดายกล้องมือถือไม่สามารถถ่ายภาพดวงดาวได้
ที่พักบนดอยหลวงเชียงดาวยังคงสภาพที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นบ้านพักที่สร้างจากไม้ไผ่ ที่นอนผูด้วยฝุก กางมุงให้นอน เหมือนได้นอนท่ามกลางธรรมชาติ
ตื่นเช้ามา อากาศไม่หนาวมาก เย็นสบายกำลังดี ดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นเลี่ยมเขาประมาณ 7 โมงเช้า เราสามารถดูพระอาทิตย์จากที่นอนได้เลย แต่ถ้าจะให้ดีลุกขึ้นมาเก็บบรรยากาศยามเช้าที่สุดสดชื่น ถ่ายรูปเก็บความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก เป็นขุนเขาที่งดงามอีกที่หนึ่งของเมืองไทย
แล้วเราก็ได้เวลา ลาแล้ว รักนี่ขอฝากไว้ที่ดอยหลวงเชียงดาว เป็นบันทึกอีกบทหนึ่งของความทรงจำ
จุดหมายต่อไป ไร่นภ-ภูผา อยู่ที่สะเมิง สตอรเบอรรี่ของที่นี่ปลูกพันธ์ุ80 หวานหอม อร่อย ชื่นใจ ไม่มีรสเปรี้ยวเลย เราสามารถเข้าไปเก็บสตอรเบอรรี่จากในสวน โลละ 200 บาท ปลูกแบบปลอดสารพิษ ปลอดยากำจัดแมลง
สตอรเบอรรี่ที่นี่ ลูกใหญ่มากกกก
เห็นสตอรเบอรรี่สีแดงๆมากันเยอะแล้ว สตอรเบอรรี่สีขาวแต้มจุดแดงก็สวยงามไม่แพ้เช่นกัน
ตะกร้าใบนี้เลือกเก็บแต่สตอรเบอรี่ สีขาวอมชมพู ซึ่งเราจะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 2 วันแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง รสชาติหวานกรอบอร่อย
ขอลาไปกับรูปสุดท้าย ตระกร้าสตอรเบอรี่สีแดงชวนกิน เป็นทริปส่งท้าย before valentine ได้อย่างมีความสุข ^_^