แม่เป็นข้าราชการบำนาญที่เกษียณอายุแล้ว เคยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนในตำบาล ต่างอำเภอ ในจังหวัดนครสวรรค์โดยก่อนหน้านี้ได้ย้ายมาที่โรงเรียนนี้ประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตอนที่มาบ้านพักครูยังไม่ว่างก็เลยเช่าบ้านอยู่ไกลๆโรงเรียน ซึ่งตอนนั้นสามารถเบิกค่าเช่าบ้านได้ แต่พอบ้านพักครูว่างลงสักพัก ได้มีคำสั่งให้หยุดเบิกค่าเช่าก็เลยย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านพักครู ซึ่งตอนที่เข้ามานั้นก็เป็นบ้านเปล่าๆไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ต้องมาทำการเดินสายไฟภายในใหม่ ขอมิเตอร์ไฟฟ้าใหม่ซ่อมแซมบ้านก่อนเข้าอยู่ เนื่องจากตอนนั้นบ้านพักครูตั้งอยู่ติดกับห้องน้ำของนักเรียน ซึ่งจะเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่น และสมัยก่อนขโมย และยาเสพติดก็ชุกชุม ก็ต้องทำการก่ออิฐบล็อก ติดเหล็กดัด ติดประตูเหล็ก ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัยตัวเอง ต่อมาไม่นานก็มีระบบประปาหมู่บ้านก็ติดประปาภายในตัวบ้านพักครู
แม่อยู่บ้านพักครูหลังนี้มาจนเกษียรราชการ ก็ยังไม่ได้ย้ายออกเพราะไม่มีครูท่านใดประสงค์จะย้ายเข้ามาอยู่ จึงทำเรื่องต่อไปที่จังหวัดเพื่อขออยู่ต่อจนกว่าจะมีครูท่านใดมีความประสงค์จะย้ายเข้ามาอยู่ ทางจังหวัดก็อนุเคราะห์ให้อยู่ต่อได้ แล้ววันหนึง ผอ.คนเก่า ก็มาแจ้งแม่ว่าจะให้ภารโรงเข้ามาอยู่บ้านพักครูแทน จึงบอกไปว่าน่าจะเป็นครูที่เข้ามาอยู่มากกว่าภารโรง ก็ได้มีการข่มขู่หลายอย่าง ว่าถ้าไม่ย้ายออกก็จะตายที่นี่ บอกดีๆไม่ไปก็จะเจออำนาจมืด จึงทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ระหว่างนั้น ผอ.ท่านเดิมเสียชีวิตลง ก็มีผอ.ท่านใหม่ มารับต่อ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้โทรมาหา โรงเรียนเพื่อสอบถามเรื่องราว แต่ในที่สุดแล้ว ผอ.ใหม่ ก็มาแจ้งว่าให้อยู่ต่อได้ แม่ก็แจ้งว่าถ้ามีครูใหม่จะเข้ามาอยู่ก็จะย้ายออก แล้วปีที่แล้วช่วงที่มีการย้ายของครู ก็มีครูจากต่างภุมิลำเนา ย้ายเข้ามาสอนที่นี่ และมีความประสงค์จะใช้ประโยชน์จากบ้านพัก แม่ก็แจ้งไปว่าขออยู่จนถึงสิ้นปีอีกประมาณ 3 เดือน เพื่อที่จะดำเนินการต่างๆ เพราะถ้าย้ายออกไปแล้วก็คงไม่กลับมาที่นี่อีก จะไปอยู่กับลูกลูกที่กรุงเทพ แม่จะต้องพบแพทย์ทุก 2 เดือนด้วย โรคประจำตัว ความดันสูง หัวใจโต เก๊าท์ และ ไตวายเรื้อรังขั้นที่ 4 ซึ่งต้องทำการฉีดฮอร์โมนทุกๆอาทิตย์ และเตรียมตัวเพื่อฟอกไต ถ้าหากมีอะไรฉุกเฉิน ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาที่ที่จะย้ายไปว่าสามารถไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลไหนได้บ้าง ก็ขอเวลาไป 3 เดือน
พอจะย้ายออกมิเตอร์ไฟฟ้า มาตรน้ำประปาที่เป็นชื่อแม่ ก็จะไปดำเนินการยกเลิกออก เพื่อที่จะไม่มีหนี้สินภาระต่างๆผูกพันถ้ามีคนมาใช้งานหลังจากที่ไปแล้วเพราะยังไงก็ยังเป็นชื่อของแม่ ทางโรงเรียนก็มีท่าทีว่า จะซื้อต่อเลยไม่ต้องไปยกเลิก แม่บอกไปว่างั้นขายต่อทั้งหมดเลยให้กับครูที่จะเข้ามาใหม่ 10,000 บาท ทางครูที่จะเข้ามาอยู่ใหม่บอกว่าไม่มีเงิน ก็ลดไปเหลือ 8000 บาท ก็ยังบอกว่าไม่มีเงินอีก ให้ ผอ.มาต่อรองราคา เป็น 6000 บาทโดยที่ครูที่จะเข้ามาอยู่จ่าย 3000 บาทแล้วโรงเรียนจะจ่ายให้ 3000 บาท
ตอนนั้นก็งงว่าโรงเรียนมีงบอะไรมาจ่ายแทนไปเอาเงินส่วนไหนมาใช้จ่ายส่วนนี้เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่แม่อยู่มาไม่เคยมีงบประมาณแบบนี้ แม่ต้องจ่ายเองทำเองมาตลอด จำได้ว่าสมัยที่พายุเข้าหลังคาบ้านเปิดหมดเลย นอนกันฝนก็เจิ่งเต็มบ้าน ทางจังหวัดยังบอกต้องซ่อมเอง ไม่มีงบช่วยเหลือ เราก็ต้องซ่อมเพราะต้องอยู่
จนพอจะถึงวันใกล้ย้ายออก ผอ.ก็มาบอกว่าครูที่จะเข้ามาอยู่ไม่มีเงินโรงเรียนขอจ่ายแค่ 3000 ได้ไหม แม่บอกไปว่าไม่ประสงค์จะขายต่อ ต้องการจะการแจ้งยกเลิก จากนั้นทราบว่ามีครูภายในโรงเรียนท่านหนึ่งอ้างว่า ทำเรื่องซ่อมแซมบ้านพักครู แล้วครูท่านนั้นก็มาพร้อม ผอ. และคนรับเหมา มาเช็คบ้านพักครู แล้วครูท่านนั้นก็แสดงความเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้าน อันนี้ห้ามรื้อออก อันนี้ให้ทาสีใหม่ อันนี้ให้ฉาบปูนอิฐบล๊อคที่แม่ก่อไว้ โดยที่แม่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วบอกว่าของเก่าแล้วจะขายทำไมแพงๆ กลับมองว่า
ทำไมครูๆเหล่านี้อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง และไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำมันขึ้นมา หลังจากนั้นแม่ก็ไปแจ้งยกเลิกทุกอย่างแล้ว ทางการไฟฟ้า ก็มาถอดมิเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ประปาหมู่บ้านก็มาทำการถอดมาตรน้ำประปา
แม่ไปตามผู้รับซื้อของเก่าซึ่งเป็นลูกศิษย์ ก็หวังว่าจะมีกำไรสัก 2-300 บาทก็ยังดี ของก็น่าจะมีไม่น้อยเพราะอยู่มานาน และให้คนในหมู่บ้านที่จะซื้อของมือสองให้มาซื้อกันในวันเสาร์ เพราะคงไปแต่ตัว ไปอยู่กับลูกที่กรุงเทพไม่ต้องขนอะไร คนรับซื้อของเก่ามาแจ้งว่า มีครู และกรรมการศึกษาบางท่าน(กรรมการศึกษาคือ คนในชุมชนมามีส่วนร่วมในการบริหารโรงเรียน ซึ่งก็มีภารโรง และคนที่อ้างตัวเองว่าเคยเป็นตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน) ไปข่มขู่ว่าถ้าหากมารับซื้อของเก่า เมื่อแม่ย้ายออกมาเรียบร้อยแล้ว ทำอะไรแม่ไม่ได้ จะมาแจ้งจับคนรับซื้อของเก่า ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครมารับซื้อของเลยทุกคนกลัวไปหมด ทุกคนไม่อยาก มีปัญหา แทนมาซื้อวันนี้อาจจะได้กำไร 2-300 บาท แต่มีครูในคราบอันธพาลเหล่านี้ อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไปข่มขู่จะแจ้งความ อาจจะเสียเวลาทำมาหากินไปรับซื้อของเก่าอีกไม่รู้กี่วัน รายได้ก็ไม่มี ก็จะลำบาก
ครูแบบนี้จะไปสอนให้เด็กเป็นคนดีได้ยังไง ในเมื่อตัวเองยังกล้าไปแสดงความเป็น อันธพาล ให้ลูกศิษย์ได้เห็น แม้จะไม่ใช่ลูกศิษย์เขา แต่ก็ยังเป็นครูในโรงเรียนที่เขาเรียนมา และลูกหลานก็ยังต้องเรียนในโรงเรียนนี้
เลยได้โทรไปที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดได้รับคำแนะนำว่า ให้รื้อถอน ยกเลิกส่วนของตนเองเท่านั้น และได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจประจำอำเภอแล้ว
ครูหรืออันธพาลในคราบครู
แม่อยู่บ้านพักครูหลังนี้มาจนเกษียรราชการ ก็ยังไม่ได้ย้ายออกเพราะไม่มีครูท่านใดประสงค์จะย้ายเข้ามาอยู่ จึงทำเรื่องต่อไปที่จังหวัดเพื่อขออยู่ต่อจนกว่าจะมีครูท่านใดมีความประสงค์จะย้ายเข้ามาอยู่ ทางจังหวัดก็อนุเคราะห์ให้อยู่ต่อได้ แล้ววันหนึง ผอ.คนเก่า ก็มาแจ้งแม่ว่าจะให้ภารโรงเข้ามาอยู่บ้านพักครูแทน จึงบอกไปว่าน่าจะเป็นครูที่เข้ามาอยู่มากกว่าภารโรง ก็ได้มีการข่มขู่หลายอย่าง ว่าถ้าไม่ย้ายออกก็จะตายที่นี่ บอกดีๆไม่ไปก็จะเจออำนาจมืด จึงทำเรื่องร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ระหว่างนั้น ผอ.ท่านเดิมเสียชีวิตลง ก็มีผอ.ท่านใหม่ มารับต่อ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้โทรมาหา โรงเรียนเพื่อสอบถามเรื่องราว แต่ในที่สุดแล้ว ผอ.ใหม่ ก็มาแจ้งว่าให้อยู่ต่อได้ แม่ก็แจ้งว่าถ้ามีครูใหม่จะเข้ามาอยู่ก็จะย้ายออก แล้วปีที่แล้วช่วงที่มีการย้ายของครู ก็มีครูจากต่างภุมิลำเนา ย้ายเข้ามาสอนที่นี่ และมีความประสงค์จะใช้ประโยชน์จากบ้านพัก แม่ก็แจ้งไปว่าขออยู่จนถึงสิ้นปีอีกประมาณ 3 เดือน เพื่อที่จะดำเนินการต่างๆ เพราะถ้าย้ายออกไปแล้วก็คงไม่กลับมาที่นี่อีก จะไปอยู่กับลูกลูกที่กรุงเทพ แม่จะต้องพบแพทย์ทุก 2 เดือนด้วย โรคประจำตัว ความดันสูง หัวใจโต เก๊าท์ และ ไตวายเรื้อรังขั้นที่ 4 ซึ่งต้องทำการฉีดฮอร์โมนทุกๆอาทิตย์ และเตรียมตัวเพื่อฟอกไต ถ้าหากมีอะไรฉุกเฉิน ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาที่ที่จะย้ายไปว่าสามารถไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลไหนได้บ้าง ก็ขอเวลาไป 3 เดือน
พอจะย้ายออกมิเตอร์ไฟฟ้า มาตรน้ำประปาที่เป็นชื่อแม่ ก็จะไปดำเนินการยกเลิกออก เพื่อที่จะไม่มีหนี้สินภาระต่างๆผูกพันถ้ามีคนมาใช้งานหลังจากที่ไปแล้วเพราะยังไงก็ยังเป็นชื่อของแม่ ทางโรงเรียนก็มีท่าทีว่า จะซื้อต่อเลยไม่ต้องไปยกเลิก แม่บอกไปว่างั้นขายต่อทั้งหมดเลยให้กับครูที่จะเข้ามาใหม่ 10,000 บาท ทางครูที่จะเข้ามาอยู่ใหม่บอกว่าไม่มีเงิน ก็ลดไปเหลือ 8000 บาท ก็ยังบอกว่าไม่มีเงินอีก ให้ ผอ.มาต่อรองราคา เป็น 6000 บาทโดยที่ครูที่จะเข้ามาอยู่จ่าย 3000 บาทแล้วโรงเรียนจะจ่ายให้ 3000 บาท ตอนนั้นก็งงว่าโรงเรียนมีงบอะไรมาจ่ายแทนไปเอาเงินส่วนไหนมาใช้จ่ายส่วนนี้เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่แม่อยู่มาไม่เคยมีงบประมาณแบบนี้ แม่ต้องจ่ายเองทำเองมาตลอด จำได้ว่าสมัยที่พายุเข้าหลังคาบ้านเปิดหมดเลย นอนกันฝนก็เจิ่งเต็มบ้าน ทางจังหวัดยังบอกต้องซ่อมเอง ไม่มีงบช่วยเหลือ เราก็ต้องซ่อมเพราะต้องอยู่
จนพอจะถึงวันใกล้ย้ายออก ผอ.ก็มาบอกว่าครูที่จะเข้ามาอยู่ไม่มีเงินโรงเรียนขอจ่ายแค่ 3000 ได้ไหม แม่บอกไปว่าไม่ประสงค์จะขายต่อ ต้องการจะการแจ้งยกเลิก จากนั้นทราบว่ามีครูภายในโรงเรียนท่านหนึ่งอ้างว่า ทำเรื่องซ่อมแซมบ้านพักครู แล้วครูท่านนั้นก็มาพร้อม ผอ. และคนรับเหมา มาเช็คบ้านพักครู แล้วครูท่านนั้นก็แสดงความเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้าน อันนี้ห้ามรื้อออก อันนี้ให้ทาสีใหม่ อันนี้ให้ฉาบปูนอิฐบล๊อคที่แม่ก่อไว้ โดยที่แม่ยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ แล้วบอกว่าของเก่าแล้วจะขายทำไมแพงๆ กลับมองว่า ทำไมครูๆเหล่านี้อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง และไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำมันขึ้นมา หลังจากนั้นแม่ก็ไปแจ้งยกเลิกทุกอย่างแล้ว ทางการไฟฟ้า ก็มาถอดมิเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ประปาหมู่บ้านก็มาทำการถอดมาตรน้ำประปา
แม่ไปตามผู้รับซื้อของเก่าซึ่งเป็นลูกศิษย์ ก็หวังว่าจะมีกำไรสัก 2-300 บาทก็ยังดี ของก็น่าจะมีไม่น้อยเพราะอยู่มานาน และให้คนในหมู่บ้านที่จะซื้อของมือสองให้มาซื้อกันในวันเสาร์ เพราะคงไปแต่ตัว ไปอยู่กับลูกที่กรุงเทพไม่ต้องขนอะไร คนรับซื้อของเก่ามาแจ้งว่า มีครู และกรรมการศึกษาบางท่าน(กรรมการศึกษาคือ คนในชุมชนมามีส่วนร่วมในการบริหารโรงเรียน ซึ่งก็มีภารโรง และคนที่อ้างตัวเองว่าเคยเป็นตำรวจตระเวนชายแดนมาก่อน) ไปข่มขู่ว่าถ้าหากมารับซื้อของเก่า เมื่อแม่ย้ายออกมาเรียบร้อยแล้ว ทำอะไรแม่ไม่ได้ จะมาแจ้งจับคนรับซื้อของเก่า ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครมารับซื้อของเลยทุกคนกลัวไปหมด ทุกคนไม่อยาก มีปัญหา แทนมาซื้อวันนี้อาจจะได้กำไร 2-300 บาท แต่มีครูในคราบอันธพาลเหล่านี้ อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง ไปข่มขู่จะแจ้งความ อาจจะเสียเวลาทำมาหากินไปรับซื้อของเก่าอีกไม่รู้กี่วัน รายได้ก็ไม่มี ก็จะลำบาก ครูแบบนี้จะไปสอนให้เด็กเป็นคนดีได้ยังไง ในเมื่อตัวเองยังกล้าไปแสดงความเป็น อันธพาล ให้ลูกศิษย์ได้เห็น แม้จะไม่ใช่ลูกศิษย์เขา แต่ก็ยังเป็นครูในโรงเรียนที่เขาเรียนมา และลูกหลานก็ยังต้องเรียนในโรงเรียนนี้
เลยได้โทรไปที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดได้รับคำแนะนำว่า ให้รื้อถอน ยกเลิกส่วนของตนเองเท่านั้น และได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจประจำอำเภอแล้ว