[CR] 3 วัน | ทริปเดียว | เที่ยวได้ 3 ฤดู : ภูลมโล ภูหินร่องกล้า


สรุปสั้นๆ ไม่เกิน 8 บรรทัดให้เข้าใจจนจบทริป
แต่ถ้าใครอยากอ่านบทเวิ่นเว้อพรรณนา เชิญด้านล่างค่ะ ฮาา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ใครว่าเมืองไทยมีแต่ฤดูร้อน - ฤดูร้อนกว่า - ฤดูร้อนที่สุด
เดี๋ยวนี้เรามี ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง ฤดูหน๊าวหนาว อยู่ในที่เดียวกันแล้วนะ รู้ยัง? ^^


สถานที่ที่เราจะพาไปเที่ยววันนี้ คือ "ภูลมโล ภูหินร่องกล้า" ค่ะ
ทั้งสองที่นี้มีชื่อในแง่มุมที่แตกต่างกัน แต่หลายคน (เช่นเราเป็นต้น) อาจจะไม่เคยรู้ว่ามันอยู่ใกล้กันพอสมควรเลยทีเดียว
ภูหินร่องกล้านั้นอยู่ในเขตจังหวัดพิษณุโลก
ส่วนภูลมโลสามารถขึ้นได้ทั้งจากทางพิษณุโลก และทางจังหวัดเลยค่ะ
อันที่จริงแล้วยังมีเชียงคานที่อยู่ในจังหวัดเลย และ ภูทับเบิก-เขาค้อ เพื่อนบ้านในจังหวัดเพชรบูรณ์
ที่เราสามารถไปเยือนได้ในทริปเดียว แต่อาจต้องการเวลามากกว่านี้อีกสักหน่อยค่ะ

เราขับรถไปกันเอง 6 คน โดยยิงยาวตั้งแต่ 5 ทุ่มของวันศุกร์ที่ 5 กพ.ที่ผ่านมา
ใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมง ไปถึงอุทยานภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
ตอนที่ไปถึงและเช็คอินเฟซบุ๊คนั้น อุณหภูมินนอกรถประมาณ 17 องศา
พร้อมลมที่พัดมา หนาวสะใจกันเลยทีเดียวค่ะ

[ฤดูใบไม้ร่วง ณ โรงเรียนการเมืองและการทหาร]
จุดแวะแรกของเราขอพามาชมใบไม้แดงกันค่ะ
มองจากลานจอดรถด้านหน้าเข้าไปก็จะเห็นฝูงพีเพิ่ลจำนวนมากกำลังมุงถ่ายรูปต้นไม่เปลี่ยนสี
และบ้านพักของเหล่าอดีตนักศึกษาที่อยู่ท่ามกลางโขดหินขนาดใหญ่
แต่ด้วยความที่จขกท.พกส่วนสูงไปแค่ 150 ซม.
จึงขอปลีกวิเวกไปเก็บภาพด้านในมาให้ชมกันดีกว่าค่ะ TvT
ภาพพักอดีตนึกศึกษา
แนะนำให้ลองเดินลึกๆเข้ามาในป่า จะเจอพื้นที่เต็มไปด้วยสีแดงของใบไม้
ฟรุ้งฟริ้งมากๆ จริงๆยิงมาเป็นพัน ชอบรูปเดียว ฮาาา
สีแดงสด ตัดกับสีเขียวเข้ม มองแล้วเพลินตามากจริงๆค่ะ
ย้อนแสง ยังไงก็สวย^^

หลังจากที่ยิงใบไม้แดงกันจนพรุนไปแล้ว
ชาวคณะก็ขยับตัวช้าๆ มุ่งหน้าไปทางภูลมโลค่ะ
ภูลมโลขึ้นชื่อเรื่องสวนนางพญาเสือโคร่งที่มีจำนวนมากที่สุดในไทย
เคยอ่านเจอจากที่ไหนสักแห่งว่า ทั้งหุบเขามีอยู่ร่วมๆ แสนต้นเลยทีเดียว
อันที่จริงจากภูหินร่องกล้าก็สามารถชมนางพญาเสือโคร่งได้จากบริเวณบ้านร่องกล้า
ซึ่งเชื่อมต่อกับภูลมโลฝั่งจังหวัดพิษณุโลกได้ค่ะ
แต่ในช่วงเวลาที่เราไปนั้น เสือโคร่งฝั่งบ้านร่องกล้าโรยราไปเกือบจะหมดแล้ว
ในขณะที่เสือโคร่งฝั่งเลยยังมีให้ชมอยู่หลายแปลง ซึ่งค่อยๆผลัดเวรกันบานมาตั้งแต่เดือนม.ค.
ซึ่งแม้แต่ในช่วงที่เรากลับมาแล้วก็ยังมีแปลงที่ยังไม่ได้บานเลยค่ะ
ใครที่วางแผนจะไปล่าเสือกัน แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลแบบ Real Time น่าจะเป๊ะที่สุดจ้า

[ลมหนาวโบกโชยมา ที่ริมผาภูลมโล]
หลังจากขับรถวนเวียนขึ้นเขาที่ถนนหนทางเป็นหลุมบ่อซะจนเกือบเข้าใจว่ากำลังไปดาวอังคาร..
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เราก็ขึ้นมาถึงที่พัก "ปางสุขกมล" ซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าภูลมโลไม่มากนักค่ะ
เราตั้งใจจะใช้เวลาช่วงบ่ายๆ ในการเปลี่ยนที่กินข้าว และเปลี่ยนที่นอน
หรือถ้าจะพูดให้สวยๆ อีกที ก็คือการพักผ่อน เตรียมพร้อมไปล่าเสือกันในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นนั่นเอง UvU

เราจะขึ้นภูลมโลกันตั้งแต่เวลาตีสี่ครึ่ง โดยรถกระบะเช่าของคุณลุงที่น่ารักท่านหนึ่ง
ลุงน่ารักมาก และยอมเสียเวลารอเราถ่ายรูป ปีเขาอยู่นานสองนาน
ปกติค่าเช่ารถ 1,500 บาท ออกกันตั้งแต่ตีสี่ ตีห้า กลับมาที่พักสิบโมง
แต่เราจ่ายเกินไปให้เป็น 2,000 เลยค่ะ เพราะลุงแกน่ารักเกิน ฮ่าๆๆ

หนึ่งชั่วโมงครึ่งในท้ายกระบะท่ามกลางเลขอุณหภูมิที่เป็นเลขตัวเดียวนั้น
เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่มหัศจรรย์มากๆค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมพอขึ้นมาถึงจุดชมวิว เราทั้งหมดยังบ้าจี้เดินขึ้นเขาต่อไปอีกราวๆ 300 เมตร
เพื่อไปให้ถึงหน้าผายอดภูลมโล
ซึ่งขอบอกว่า คุ้มแก่การเหนื่อยหอบยังกับโดนเผาปอด
เพราะวิวนั้นสวยซึ้ง แบบไม่ต้องกลัวคนจะบังกันเลยทีเดียวค่ะ^^
เดินขึ้นไปถึงราวๆหกโมง แสงอาทิตย์กำลังมาแล้ว ยิ้ม
ริ้วเมฆก็เป็นใจ
รอสักเจ็ดโมงนิดๆ แสงก็เริ่มสาดไปทั่วหุบเขาแล้วค่ะ
ปล่อยให้ต้นไม้เซลฟี่กับแสงเหลืองๆสักหน่อย

[พาไปชมไฮไลท์ ซากุระเมืองไทยนาม"เสือโคร่ง"]
หลังจากที่หนาวจนมือไม้แข็ง ชนิดที่กดชัดเตอร์ยังไม่ค่อยไหว
ใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อได้เห็นภาพหุบเขายามสว่างเต็มที่..
ดอกนางพญาเสือโคร่งนี่นาาา

อย่างที่บอกว่าโรยไปแล้วบางส่วน แต่บางแปลงก็ยังไม่บานเลยน้า
กลีบดอกสีหวานๆ ยังมีให้ชมเต็มต้นเลยค่ะ
นกสีเหลือง ฟ้าสีฟ้า ดอกไม้สีชมพู อมยิ้ม02
พอเป็นภาพดอกไม้ เลยไม่รู้จะบรรยายอะไรเลยค่ะ
เพราะภาพจริงที่เห็นด้วยตานั้นสวยมาก จนแคปไว้ด้วยกล้องไม่หมดอมยิ้ม02
ลงมาจากยอดภูก็ร่วมๆ เที่ยงแล้ว ถือว่าเลยเวลาไปจากมนุษย์ปกติพอสมควรเลย
ถ้าใครยังพอมีเวลา จะแวะไร่สตอเบอร์รี่ เก็บผลสดๆ มาเคี้ยวระหว่างขับรถกลับก็ได้
แต่เราไม่อยากถึงเมืองกรุงค่ำมาก เลยพุ่งตัวกลับมาทางจังหวัดเพชรบูรณ์ - สระบุรี - ถึงกรุงเทพราวๆ ทุ่มพอดีค่ะ

ภาพสวยๆ จากธรรมชาติแบบนี้จะมีให้เห็นแค่ปีละครั้ง
ท่านใดที่มีโอกาส ก็ขอเชิญชวนให้แวะไปเที่ยวไปเยียมชมกันนะคะ
ถือว่าเป็นทริปที่คุ้มมากกก เพราะไป 3 วัน ทริปเดียว เที่ยวได้ถึง 3 ฤดูในเมืองไทย
ไม่ต้องลางานด้วยน้า อมยิ้ม07

สรุปเรื่องค่าใช้จ่ายกันนิดนึงค่ะ
ค่าน้ำมันคนละ 500 บาท +
ค่าที่พักคนละ 600 บาท +
ค่าเหมากระบะคนละ 300 บาท
TOTAL คนละ 1,400 บาท
(ไม่รวมค่ากินและค่าของฝาก)

ลาไปด้วยภาพน้องชาวเขาน่ารักๆ ที่จิกกล้องเก่งมากกก
ขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่แวะมาชมกระทู้พาเที่ยวของเรานะคะ
สวัสดีค่า อมยิ้ม01
ชื่อสินค้า:   ภูลมโล ภูหินร่องกล้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่