นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่มีเอ็นพีแอลรวม 2.55% ตามภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังมีปัจจัยลบหลายด้าน และระยะต่อไป หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ อาจกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอี ให้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นอีกได้ แต่อย่างไรก็ดี ธปท.ไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินทุกแห่งได้กันสำรองไว้สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด ขณะที่ธปท.เองก็มุ่งรักษาเสถียรภาพ 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจการเงิน สถาบันการเงิน และระบบชำระเงิน เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ พร้อมทั้งจะติดตามภาวะเศรษฐกิจการเงินโลกอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ธปท.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 2.8% ปีก่อน เป็น 3.5% ในปีนี้ จากปัจจัยบวกในประเทศเป็นหลัก ทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน การบริโภค ขณะที่ภาคการส่งออกโดยรวมน่าจะยังทรงตัว ส่วนการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวยังเป็นทิศทางการฟื้นตัวแบบไม่กระจายตัว และไม่ลงไปสู่ภาคเกษตร ภาคเศรษฐกิจชนบท รวมถึงปัญหาภัยแล้งทำให้กลุ่มนี้มีภาระหนี้สินอยู่ระดับสูง อีกทั้งขาดภูมิคุ้มกันทางการเงินยิ่งทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดต่ำลงเรื่อย ๆ
“แม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการเยียวยาประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก และกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องตระหนักเสมอว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ควรสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพการเงินในระยะยาว เพราะบทเรียนช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเร็ว และสูงกว่า 80% ของจีดีพี โดยยังไม่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งหนี้ครัวเรือนที่ยิ่งสูงนี้ ยิ่งสร้างความอ่อนไหวให้ครัวเรือน และเป็นตัวฉุดไม่ให้การบริโภคโดยรวมฟื้นได้เต็มที่”
ส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงมาต่ำเป็นประวัติการณ์ แม้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ที่ประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา ช่วยลดค่าครองชีพ พยุงการบริโภคได้บางส่วน ลดต้นทุนด้านพลังงาน และวัตถุดิบการผลิตได้ จนทำให้บางธุรกิจมีกำไรเพิ่ม แต่ไม่ควรชะล่าใจกับราคาน้ำมันที่ถูกลงชั่วคราว และใช้ตามสบายใจ จนหยุดเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเศรษฐกิจ
“วันนี้ไทยยังรับมือความผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้ค่อนข้างดี เปรียบเหมือนว่าวันนี้รถยนต์เราวิ่งอยู่บนถนนลูกรัง เป็นหลุม เป็นบ่อ แต่รถของเรามีแหนบ โช้คอัพ รองรับแรงกระแทกได้ดี คนในรถจึงไม่เวียนหัวมาก แต่เครื่องยนต์อาจอ่อนแรงไปบ้าง วิ่งได้ไม่เร็วทันใจผู้โดยสาร ซึ่งระยะยาวจะต้องมีเครื่องยนต์ที่ดี มีสมรรถนะสูงด้วย จึงจะทำให้เราไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”
JJNY : เศรษฐกิจ ชีวิต........ดี๊ดี - ผู้ว่า ธปท.ชี้หนี้เน่าเอสเอ็มอีพุ่ง หนี้ครัวเรือนสูงกว่า 80% ของจีดีพี
ทั้งนี้ธปท.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 2.8% ปีก่อน เป็น 3.5% ในปีนี้ จากปัจจัยบวกในประเทศเป็นหลัก ทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน การบริโภค ขณะที่ภาคการส่งออกโดยรวมน่าจะยังทรงตัว ส่วนการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดี และเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวยังเป็นทิศทางการฟื้นตัวแบบไม่กระจายตัว และไม่ลงไปสู่ภาคเกษตร ภาคเศรษฐกิจชนบท รวมถึงปัญหาภัยแล้งทำให้กลุ่มนี้มีภาระหนี้สินอยู่ระดับสูง อีกทั้งขาดภูมิคุ้มกันทางการเงินยิ่งทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดต่ำลงเรื่อย ๆ
“แม้ว่าภาครัฐจะออกมาตรการเยียวยาประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก และกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องตระหนักเสมอว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นไม่ควรสร้างปัญหาต่อเสถียรภาพการเงินในระยะยาว เพราะบทเรียนช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเร็ว และสูงกว่า 80% ของจีดีพี โดยยังไม่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งหนี้ครัวเรือนที่ยิ่งสูงนี้ ยิ่งสร้างความอ่อนไหวให้ครัวเรือน และเป็นตัวฉุดไม่ให้การบริโภคโดยรวมฟื้นได้เต็มที่”
ส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงมาต่ำเป็นประวัติการณ์ แม้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม ที่ประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ถึง 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา ช่วยลดค่าครองชีพ พยุงการบริโภคได้บางส่วน ลดต้นทุนด้านพลังงาน และวัตถุดิบการผลิตได้ จนทำให้บางธุรกิจมีกำไรเพิ่ม แต่ไม่ควรชะล่าใจกับราคาน้ำมันที่ถูกลงชั่วคราว และใช้ตามสบายใจ จนหยุดเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเศรษฐกิจ
“วันนี้ไทยยังรับมือความผันผวนจากปัจจัยภายนอกได้ค่อนข้างดี เปรียบเหมือนว่าวันนี้รถยนต์เราวิ่งอยู่บนถนนลูกรัง เป็นหลุม เป็นบ่อ แต่รถของเรามีแหนบ โช้คอัพ รองรับแรงกระแทกได้ดี คนในรถจึงไม่เวียนหัวมาก แต่เครื่องยนต์อาจอ่อนแรงไปบ้าง วิ่งได้ไม่เร็วทันใจผู้โดยสาร ซึ่งระยะยาวจะต้องมีเครื่องยนต์ที่ดี มีสมรรถนะสูงด้วย จึงจะทำให้เราไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”