รีวิว | The Act of Killing | ย้อนรอยสังหาร
ยินดีต้อนรับสู่อินโดนีเซีย
ที่นี่เคยมีอุบัติการณ์ฆ่าล้างบางกลางประเทศกว่าล้านศพเมื่อ 50 ปีก่อน ผกก. Joshua Oppenheimer ใช้กุศโลบายขอให้กลุ่ม ‘มือสังหาร’ ผู้อยู่ใจกลางการฆาตกรรมหมู่สร้างหนังจำลองประวัติศาสตร์ตามใจฉัน โดยกระบวนการสร้างถูกบันทึกเป็นสารคดีที่เสนออิทธิพลของ Cinema แบบครบวงจรอย่างน่าทึ่ง
ทีมสังหารเติบโตมากับวัฒนธรรมตะวันตก ใช้ชีวิตและหากินอยู่รอบโรงหนัง เล็งเห็นโอกาสอันดีที่จะให้โลกได้ชื่นชมวีรกรรมทำเพื่อชาติ วิธีเดียวกับที่รัฐบาลส่งสารถึงเด็กรุ่นใหม่ให้ซึมซับผ่านภาพยนตร์ชวนเชื่อที่บังคับดู กล่อมประสาทว่าการปลิดชีพ ‘ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์’ คือสิ่งที่พึงกระทำ ควรได้รับการสรรเสริญ
ผลงานจำลองเหตุการณ์โหดด้วยความภาคภูมิใจ ทำให้เกิดหลาย WTF Moment เช่น การ Proudly Present วิธีสังหารสุดสร้างสรรค์ (?) เล่าการขืนใจเด็กหญิงอย่างหน้าชื่น (??) และเขียนบทให้เหยื่อมอบเหรียญเกียรติยศให้มือฆ่า พร้อมกล่าวว่า ‘ขอบคุณนะที่ฆ่าชั้น’ (???)
ที่สำคัญคือพวกเขาไม่มีความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
ความรู้สึกของคนดูเมื่อเห็นภาพกระทำที่ขัดแย้งต่อ Common sense ใด ๆ ในสากลโลกนี่แหละคือความพีคของหนัง ทั้งช็อค เศร้าใจ กับตลกร้ายเฉดมืดสุด
แม้หนังที่ทีมสังหารสร้างจะดู Low class พร้อมการแสดงที่สารเลวตามธรรมชาติ (พวกนางเล่นเอง) แต่เมื่อ ‘ผู้กระทำ’ ได้เห็นภาพจำลองตัวตนมาปรากฏต่อหน้า ก็เกิดปฏิกิริยา ‘ผมว่ามันดูรุนแรงจัง’ ทั้งที่เห็นชัดว่าจัดเต็มตามประสบการณ์จริงเป๊ะแน่นอน ผู้เกี่ยวข้องเริ่มถอยห่างจาก Project เพราะสัมผัสได้ว่าภาพที่ออกมาดูไม่ดี
หนังยังทำให้อันวาร์ มือฆ่าพันศพ ซึ่งเป็นดารานำและผู้นำทีม ย้อนคิดถึงสิ่งที่ทำลงไป จากไม่เคยรู้สึกผิดบาปก็เริ่มตั้งคำถามถึงกฎแห่งกรรม อันวาร์ในตอนต้นกับตอนสุดท้ายจึงเปลี่ยนไปไม่ใช่คนเดียวกัน
และทั้งหมดเป็นผลจากศาสตร์แห่งภาพยนตร์ สุดแยบยลที่ Oppenheimer รังสรรค์ขึ้น
หนังมีลีลา Cinematic กว่าสารคดีทั่วไปทั้งงานภาพการการเล่าเรื่อง สีฉูดฉาดตามแบบฉบับของชาวอินโดกลายเป็นองค์ประกอบศิลป์ลงตัวสุด Exotic จังหวะตัดต่อขับเน้นความร้ายของตัวละคร แนบเนียนบ้าง (ฉากสูบบุหรี่สบายใจหน้ากองไฟของชายโฉด) ยัดเยียดเกินบ้าง (พึ่งพารูปลักษณ์และความกักขฬะของชายอ้วน)
แอบสัมผัสได้ถึงความใกล้เคียงบางอย่างกับสถานการณ์บ้านเราอย่างน่าขนลุก โศกนาฏกรรมในอินโดมาจากการขึ้นเป็นใหญ่ของรัฐบาลทหาร หนุนให้แก๊งอันธพาลมีอิทธิพล คนที่เห็นแย้งกับรัฐโดนกำจัด กฎของชาติถูกเขียนขึ้นใหม่ตามใจผู้ชนะ ภาวนาว่าอย่าให้ประเทศเราสร้างตำนานจนต้องมีคนมาทำหนังตีแผ่แบบนี้เลอ
เกรด | A-
The Act of Killing ชิง Oscar สารคดีปี 2013เป็นประสบการณ์พิเศษสุดท้าทาย ขอบคุณ Documentary Club ที่นำหนังมาฉาย ใครสนใจดูรายละเอียดได้ที่เพจนางจ้ะ วันเสาร์ที่ 13 ก.พ. มีรอบฉายควบกับ The Look of Silence ที่เป็น Companion Piece จากผกก. คนเดียวกันด้วยนะ น่าดูมาก
แบ่งปันบทความจาก
https://www.facebook.com/jijabanang
รีวิว | The Act of Killing | สารคดีที่ให้ฆาตกรย้อนรอยสังหารด้วยการให้พวกเขาสร้างหนังจำลองอดีตเหี้ยม
ที่นี่เคยมีอุบัติการณ์ฆ่าล้างบางกลางประเทศกว่าล้านศพเมื่อ 50 ปีก่อน ผกก. Joshua Oppenheimer ใช้กุศโลบายขอให้กลุ่ม ‘มือสังหาร’ ผู้อยู่ใจกลางการฆาตกรรมหมู่สร้างหนังจำลองประวัติศาสตร์ตามใจฉัน โดยกระบวนการสร้างถูกบันทึกเป็นสารคดีที่เสนออิทธิพลของ Cinema แบบครบวงจรอย่างน่าทึ่ง
ทีมสังหารเติบโตมากับวัฒนธรรมตะวันตก ใช้ชีวิตและหากินอยู่รอบโรงหนัง เล็งเห็นโอกาสอันดีที่จะให้โลกได้ชื่นชมวีรกรรมทำเพื่อชาติ วิธีเดียวกับที่รัฐบาลส่งสารถึงเด็กรุ่นใหม่ให้ซึมซับผ่านภาพยนตร์ชวนเชื่อที่บังคับดู กล่อมประสาทว่าการปลิดชีพ ‘ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์’ คือสิ่งที่พึงกระทำ ควรได้รับการสรรเสริญ
ผลงานจำลองเหตุการณ์โหดด้วยความภาคภูมิใจ ทำให้เกิดหลาย WTF Moment เช่น การ Proudly Present วิธีสังหารสุดสร้างสรรค์ (?) เล่าการขืนใจเด็กหญิงอย่างหน้าชื่น (??) และเขียนบทให้เหยื่อมอบเหรียญเกียรติยศให้มือฆ่า พร้อมกล่าวว่า ‘ขอบคุณนะที่ฆ่าชั้น’ (???)
ความรู้สึกของคนดูเมื่อเห็นภาพกระทำที่ขัดแย้งต่อ Common sense ใด ๆ ในสากลโลกนี่แหละคือความพีคของหนัง ทั้งช็อค เศร้าใจ กับตลกร้ายเฉดมืดสุด
แม้หนังที่ทีมสังหารสร้างจะดู Low class พร้อมการแสดงที่สารเลวตามธรรมชาติ (พวกนางเล่นเอง) แต่เมื่อ ‘ผู้กระทำ’ ได้เห็นภาพจำลองตัวตนมาปรากฏต่อหน้า ก็เกิดปฏิกิริยา ‘ผมว่ามันดูรุนแรงจัง’ ทั้งที่เห็นชัดว่าจัดเต็มตามประสบการณ์จริงเป๊ะแน่นอน ผู้เกี่ยวข้องเริ่มถอยห่างจาก Project เพราะสัมผัสได้ว่าภาพที่ออกมาดูไม่ดี
หนังยังทำให้อันวาร์ มือฆ่าพันศพ ซึ่งเป็นดารานำและผู้นำทีม ย้อนคิดถึงสิ่งที่ทำลงไป จากไม่เคยรู้สึกผิดบาปก็เริ่มตั้งคำถามถึงกฎแห่งกรรม อันวาร์ในตอนต้นกับตอนสุดท้ายจึงเปลี่ยนไปไม่ใช่คนเดียวกัน
หนังมีลีลา Cinematic กว่าสารคดีทั่วไปทั้งงานภาพการการเล่าเรื่อง สีฉูดฉาดตามแบบฉบับของชาวอินโดกลายเป็นองค์ประกอบศิลป์ลงตัวสุด Exotic จังหวะตัดต่อขับเน้นความร้ายของตัวละคร แนบเนียนบ้าง (ฉากสูบบุหรี่สบายใจหน้ากองไฟของชายโฉด) ยัดเยียดเกินบ้าง (พึ่งพารูปลักษณ์และความกักขฬะของชายอ้วน)
แอบสัมผัสได้ถึงความใกล้เคียงบางอย่างกับสถานการณ์บ้านเราอย่างน่าขนลุก โศกนาฏกรรมในอินโดมาจากการขึ้นเป็นใหญ่ของรัฐบาลทหาร หนุนให้แก๊งอันธพาลมีอิทธิพล คนที่เห็นแย้งกับรัฐโดนกำจัด กฎของชาติถูกเขียนขึ้นใหม่ตามใจผู้ชนะ ภาวนาว่าอย่าให้ประเทศเราสร้างตำนานจนต้องมีคนมาทำหนังตีแผ่แบบนี้เลอ
เกรด | A-
The Act of Killing ชิง Oscar สารคดีปี 2013เป็นประสบการณ์พิเศษสุดท้าทาย ขอบคุณ Documentary Club ที่นำหนังมาฉาย ใครสนใจดูรายละเอียดได้ที่เพจนางจ้ะ วันเสาร์ที่ 13 ก.พ. มีรอบฉายควบกับ The Look of Silence ที่เป็น Companion Piece จากผกก. คนเดียวกันด้วยนะ น่าดูมาก
แบ่งปันบทความจาก https://www.facebook.com/jijabanang