เอกสารถูกคนอื่นยึดไว้ สามารถแจ้งความได้ไหม?

คือมีรายละเอียดปลีกย่อยนิดหน่อย ผมเลยอยากเกริ่นนำพอให้เห็นภาพบ้าง
พอดีผมทำเรื่องขอวีซ่านักเรียนกับสถานทูตอเมริกา แต่ปรากฏว่าวีซ่าไม่ผ่าน
ตอนขากลับออกมา เลยสถานทูตมาละแวกนั้นมีตึกอะไรสักอย่างผมไม่แน่ใจ
ก็พอดีมีผู้ชายคนหนึ่งถามว่า "น้อง วีซ่าไม่ผ่านเหรอ" แล้วก็แนะนำว่า แถวนั้นมีคนรับปรึกษาเรื่องการขอวีซ่า
คุณน้าก็บอกว่าแกแนะนำไปหลายคนแล้ว ยื่นขอรอบ 2 ผ่านก็มาก ประมาณนี้
ตอนนั้นผมลังเลนิดหน่อย แต่ก็ตัดสินใจว่าลองไปคุยดูก็คงไม่เสียหาย
ผมก็เลยเดินตามคุณน้าเขาไป พอไปเห็นออฟฟิศก็ถือว่าโอเคน่าเชื่อถือ
ผมว่าคนทำงานแถวนั้นก็คงจะเคยผ่านเคยเห็น หรือเคยไปทานอาหารกลางวัน
เพราะตรงนั้นเป็นแหล่งขายอาหาร คล้ายๆ ตลาดขนาดย่อมๆ เดินเข้าซอยไปนิดเดียว

พอเข้าไปก็มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งรับเรื่อง เขาก็สอบถามรายละเอียดคร่าวๆ ว่าทำไมถึงอยากไปเรียนอเมริกา
ทำไมไม่ลองดูออสเตรเรีย หรือที่อื่น ผมก็ให้รายละเอียดไป บลา บลา ทีนี้พี่เขาก็บอกว่าถ้าน้องจะให้พี่ดูเอกสารให้ก็มีค่าใช้จ่าย
ประมาณ 7,000 ผมก็เลยบอกว่าจะขอปรึกษาทางบ้านดูก่อน ทางบ้านผมก็ค่อนข้างเห็นด้วย แต่ก็ถามว่าต้องจ่ายเลยหรือเปล่า
เพราะทางบ้านก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจ่ายไปแล้ว เขาจะทำให้จริงไหม น่าเชื่อถือหรือเปล่า (โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเอเจนซี่แห่งนี้น่าเชื่อถือ เป็นเอเจนซี่จริงๆ แหละ ไม่ได้หลอกลวงหรืออะไร) แต่ปัญหาจริงๆ คือเรื่องของการจ่ายเงินกับเอกสาร พอกลับเข้ามาผมก็เลยบอกว่าทางบ้านตกลงครับ แล้วผมก็ถามว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องจ่ายเลยไหม เขาก็บอกว่าเดี๋ยวน้องโอนมาให้ก็ได้ ถ้าโอนแล้วก็โทรมาหาพี่ ผมก็เลยโอเคทิ้งเอกสารต่างๆ ไว้ สำเนาทะเบียนบ้าน ใบ ส.ด. 11 (ตัวจริง) หลักฐานการเงินธนาคาร ต่างๆ นาๆ แต่พอกลับบ้านมาแล้ว ผมก็ลองปรึกษากับทางครอบครัวดูอีกที
คุยกันไปคุยกัน สรุปแล้วถึงแม้จะยื่นขอรอบสอง และมีเอเจนซี่ช่วยดู มันก็ยังรับประกันไม่ได้อยู่ดีว่าวีซ่าจะผ่าน 100 เปอร์เซ็นต์
ทางพ่อผมก็เลยอยากจะให้ไปขอหลักฐานคืน เพราะมีหลักฐานการเงินของธนาคารด้วย ซึ่งพ่อผมเขากังวล

เมื่อวานนี้ผมก็เลยเข้าไปที่ออฟฟิศ บอกเขาว่าพี่ครับพอดีผมอยากจะยกเลิก เพราะว่าผมคงจะยังไม่ยื่นขอใหม่ในเร็วๆ นี้ ใจผมคืออยากจะยกเลิกทั้งหมด
ถ้ามีโอกาสในอนาคตค่อยขอใหม่ แม้แต่ทางมหาลัยเองผมก็ตั้งใจจะส่งเมลล์ไปบอกเขาว่าวีซ่าผมไม่ผ่าน (กำหนดเริ่มเรียนวันแรก 29 ก.พ. 59)
แต่พนักงานบอกว่า พี่ผู้หญิงที่รับเรื่องผม เขาไม่อยู่ เขาอยุ่อีกออฟฟิศหนึ่ง แล้วผู้ชายคนนี้เขาก็บอกว่ามีเบอร์พี่เขาไหม ผมก็บอกว่าไม่มี
เขาก็เลยขอเบอร์ผมไว้ แล้วบอกว่ายังงัยจะคุยกับพี่เขาให้ แล้วจะให้พี่เขาโทรกลับมาหาผม
แล้วทีนี้พอมาวันนี้ ผมก็เลยกลับมาดูที่ใบนามบัตรที่เอเจนซี่เคยให้ไว้ และก็ลองโทรไป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งรับสาย และก็สอบถามชื่อ สอบถามรายละเอียดแถมยังถามว่าได้จ่ายค่ามัดจำหรือยัง ผมบอกว่ายังไม่ได้จ่ายน่ะครับ และตอนที่คุยกันก็ไม่มีเรื่องค่ามัดจำ บอกแต่จำนวนเต็ม
(12,760 บาท เป็นค่าจัดเตรียมเอกสาร 7000 กับค่ายื่นขอวีซ่า 5000 กว่าบาท) จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็บอกว่าจะตามเรื่องให้
และจะโทรกลับ  แล้วทีนี้ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโทรกลับมา (คาดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ขอเบอร์ผมไปเมื่อวาน)
เขาชี้แจงว่าทางเราได้ดำเนินการเตรียมเอกสารไปบางส่วนแล้ว ถ้าคุณจะขอคืน ก็ต้องจ่ายค่านายหน้าให้ ผมก็เลยสอบถามไปว่า
ทางคุณจัดเตรียมอะไรไปบ้างแล้ว เขาก็บอกว่าได้เตรียมขั้นตอนต่างๆ นาๆ ไว้แล้ว ประมาณนี้ (ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเลย บอกแต่ว่าเตรียมแล้ว)
และด้วยความสงสัย เพราะรอบแรกที่ไม่ผ่าน ผมเองเป็นคนจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งหมด ทั้งการกรอก DS -160 ติดต่อมหาลัย จ่ายค่า SEVIS FEE
จ่ายค่ายื่นขอวีซ่า เตรียมเอกสารเองทั้งหมด ผมก็เลยพยายามสอบถาม เพราะไม่เชื่อว่าทางเอเจนซี่จะจัดเตรียมเรื่องของผมแล้ว
แล้วทีนี้คุยไปคุยมา เขาบอกว่าคงคืนให้ไม่ได้ ถ้าไม่จ่ายเงินจำนวน 7000 (ใจผมอยากได้อย่างเดียวคือใบ ส.ด. 11 ตัวจริง อย่างอื่นผมไม่กังวล)
ผมก็บอกว่าผมอยากได้หลักฐานการเกณฑ์ทหารคืน เพราะผมเองเพิ่งจะไปขอใหม่มาเมื่อเดือนที่แล้ว และทางสัสดีก็เน้นย้ำว่าให้เก็บดีๆ
เพราะขอใหม่มันยุ่งยาก แต่ทางผู้ชายที่คุยโทรศัพท์กับผมก็บอกว่างั้นพี่ก็ต้องไปแจ้งความว่าหาย และขอทำใหม่
และตลอดเวลาที่พูดก็ค่อนข้างใส่อารมณ์ ท้ายสุดผมก็เลยบอกว่าขอคุยกับผู้จัดการได้ไหม เขาบอกว่าได้ แล้วสายก็ตัดไป และก็ไม่มีการโทรมาอีกเลย

ทีนี้ผมเองก็พยายามมองเป็นกลาง คืออาจจะเกิดจากการสื่อสารที่เข้าใจผิด เพราะที่คุยกันก็ตกลงประมาณว่าถ้าโอนเงินแล้ว ก็จะจัดการดำเนินงานให้
ซึ่งผมเองก็เข้าใจว่าตราบใดที่ยังไม่ได้โอน ทางเอเจนซี่ก็คงยังไม่ได้อะไร อีกอย่างหนึ่งคือถ้าเขาเริ่มกรอก DS-160 ให้ใหม่ อย่างน้อยก็น่าจะติดต่อกลับมาถามผมเพื่อเช็คความถูกต้องบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย ส่วนเอกสารปลีกย่อยต่างๆ ที่ต้องยื่นประกอบการร้องขอวีซ่าก็มีอยู่แล้ว ตามที่ผมให้ไป ค่อนข้างครบถ้วนอยู่
แต่อันนี้แค่ขอเอกสารคืน กลับต้องให้ผมจ่ายเงินให้จำนวน 7000 บาท

แล้วพอจะคุยรายละเอียดอะไรก็ตัดสายไปดื้อๆ ไม่ฟังเหตุผล ใช้อารมณ์ บางคนอาจมองว่าแค่ใบ ส.ด. 11 ทำไมถึงไม่ทำใหม่
แต่ผมกลับมองว่าแค่ขอหลักฐานคืน (และทางนั้นก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ว่าเตรียมการการยื่นขอวีซ่าใหม่ของผมไปถึงไหนแล้ว)
ผมถึงกลับต้องจ่ายเงินมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ บอกตามตรงว่าตอนนี้ผม 50/50 นึกอยากจะไปโรงพักเหมือนกัน (ฟังดูบ้าเนอะ)
อยากลองไปแจ้งความไว้ หรืออาจจะลองไปปรึกษาพี่ตำรวจดู เรียกมาไกล่เกลี่ยได้ไหม ทำไมเรื่องเล็กต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย (บอกตัวเองหรือเปล่า? 55+)

คือเป็นกระทู้ประมาณกึ่งปรึกษา กึ่งระบาย กึ่งขอความเห็น อยากฟังความเห็นผู้มีความรู้ ถูกผิดอย่างไรผมจะนำไปพิจารณาอีกที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่