สวัสดีคะ ชาว Pantip กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนรีวิวโดยไม่ตั้งใจ เพราะมีเพื่อนถามกันมาเยอะว่าทำไม
เราไปพม่าแบบถูกและง่ายจังเลยยย
ขออออกตัวไว้ก่อนว่า การเล่าเรื่อง การใช้ภาษาอาจจะตะกุกตะกักบ้าง นร้า
พร้อมแล้วก้อมาเกาะปีกบินกานนนนเลยยยย
ทริปพม่า 3 วัน 2 คืน ทริปนี้มี สมาชิก 4 คน 2 คู่หู โดยทริปนี้เราวางแผนกันตั้งแต่ต้นปี
เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือนตัวน้อยๆ จะไปไหนทีนึงต้องวางแผนล่วงหน้ากันนานหน่อย
เราเริ่มจองตั๋วหางแดงกันตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2558 แต่ออกเดินทางจิงๆ ได้ฤกษ์ประมาณ 7-9 ธันวาคม 2558
เรียกได้ว่า เป็นการจองตั๋วที่ทิ้งช่วงนานมากก แต่ด้วยความงงของพวกเรา ยิ่งจองนานตั๋วยิ่งถูกบวกกับมีโปรโมชั่นจากหางแดง
ทำให้เราได้ ตั๋วไปกลับ ดอนเมือง ไปกลับ ในราคาประมาณ 1,720 บาทเท่านั้นนน เฉลี่ยขาละ 860 บาท ราคาถูกพอๆ กับบินเที่ยวในประเทศ
แล้วเราจะรีรอช้าอยู่ไย รีบกดจองเร็วโดนพลันน
ช่วงเวลาที่บินก้อดีงามมากก บินเช้ากลับดึก
หลังจากนั้นเราก้อมาทำการวางแผนว่าจะหาไกด์พม่าที่พูดไทยได้ จึงลองถามเพื่อนที่เคยไปเที่ยวพม่ามาแล้ว
เพื่อนจึงแนะนำให้รู้จักกับบริษัททัวร์ ชื่อบริษัท Xinglantour เป็นของชาวจีนที่เปิดบริการทัวร์ที่พม่า สามารถพูดไทย จีน อังกฤษได้
เราจึงติดต่อไปผ่านทางไลน์ คุยกันสื่อสารกันง่ายๆ มาก และเจ้าของยังบริการด้วยดีมาก ประทับใจสุดๆ
เราจึงเสนอว่าเราอยากไปสถานที่ไหนในพม่าบ้าง จึงให้ทางบริษัททัวร์ทำการลิสต์และวางแผนแผนการเดินทางกลับมาให้เรา ดูว่าเราโอเคมั้ย
ตารางทัวร์แน่นไป หรือ ว่าอยากไปไหนเพิ่มสามารถแจ้งได้ทันที เค้าบอกว่าให้คิดซะว่า ทัวร์ของเค้าเป็นการพาเพื่อนเที่ยว เรายิ่งได้ยินยิ่งประทับใจสุดๆ หลังจากนั้นเมื่อตารางทัวร์ลงตัวแล้วจึงทำการตกลงเรื่องราคา อยู่ที่คนละ 160$/คน รวมค่าที่พัก 2คืน ค่ารถตู้ ค่าไกด์ เราทั้ง 4 คนพอใจราคาในส่วนนี้ เพราะคิดไว้คราวๆ ว่าทริปนี้จะใช้ให้อยู่ในงบ 10,000 บาท ทางบริษัทจึงส่งรายละเอียดการโอนเงินมาให้ทางอีเมลล์
โดยพวกเราจะต้องทำการโอนเงิน 50 %ของราคาทัวร์โดยโอนเป็นสกุลเงินดอลล่าร์ ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 1800 บาท
โอ้ววแม่เจ้า โอนเงินต่างสกุล เพิ่งจะรู้ว่า โอนแพงขนาดเน้ เราจึงติดต่อกลับไปทางบริษัททัวร์ ว่าเราขอไปจ่ายกันตอนที่เจอกันที่พม่าได้มั้ย ขอให้เชื่อใจพวกเราเถอะว่าเราไปแน่ๆ ทางบริษัทก้อใจดี ใจดี๊ ให้กรุ๊ปของพวกเราสามารถไปจ่ายเงินที่โน่นได้
ปล.ช่วงเวลาที่พวกเราไป ไม่ต้องทำวีซ่าแล้ว แค่มีพาสปอร์ตเล่มเดียวก้อบินเที่ยวได้แล้ววจ๊ะ
Day 1
นัดเจอเพื่อนๆ ที่สนามบินดอนเมือง เครื่องออกเวลา 7.15 น. ถึงย่างกุ้ง 08.00 น.
โดยเวลาของพม่าจะช้ากว่าเวลาไทย 30 นาที
เมื่อถึงย่างกุ้งแล้ว เราจึงพากันไปแลกเงินเป็นเงิน จ๊าดด สามารถใช้เงินไทยหรือเงินดอลล่าร์แลกเป็นจ๊าดก้อได้ ได้เงินมาเป็นก้อนใหญ่มากก
รู้สึกว่ารวยยยยยกันเลยทีเดียว และเงินของพม่านั้นไม่ค่อยสะอาด บ้างใบนี้จะขาดอยู่แล้ว เราสามารถขอแลกเป็นใบใหม่ได้นะคะ แต่เราขอแนะนำว่าถ้าใครจะไปเราว่าไปแลกเงินข้างนอกดีกว่านะ เรทเงินในสนามบินได้น้อยต่างจากข้างนอกเยอะเลยอ่า รู้สึกขาดทุนนน
เมื่อไปถึงหน้าสนามบินย่างกุ้ง ก้อมีไกด์และคนขับรถหน้าตาใจดี มาชูป้ายรอรับพวกเรา
เมื่อเจอไกด์แล้ว เค้าก้ออธิบายให้ฟังว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวไหนบ้าง
โดยสถานที่แรกที่เริ่มไป คือ ปางช้างเผือก (Royal White Elephant Garden) ซึ่งรู้สึกว่านั่งรถประมาณ 15 นาทีก้อถึงแล้ว หรือ นานกว่านั้นจำไม่ค่อยได้ เพราะกำลังตื่นเต้นกับการขับรถชิดขวาแบบอเมริกา แต่รถที่ใช้ที่นี่เป็นรถพวงมาลัยขวาแบบบ้านเราที่เป็นแบบอังกฤษมันก็เลยขัดๆ คะ
ระหว่างไกด์มู (บ้างครั้งพวกเราเรียกมูมู่) เล่าว่าพม่านั้น เป็นประเทศที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก จึงทำให้ยังพบเห็นมีช้างเผือกอยู่บ้าง

รูปนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะรูปอื่นถ่ายแล้วช้างไม่เป็นสีชมพู ซึ่งจิงๆ ช้างเผือกจะมีลักษณะพิเศษหลายประการ ไกด์ก้อเล่าให้ฟังนะคะ
แต่พวกเราจำไม่ได้กันเอง 555
บริเวณข้างๆ ก้อจะมีแหวนงาช้าง แหวนขนหางช้างเผือก เป็นของหายาก มีความเชื่อว่าเป็นของแรงในตัวมีอานุภาพทวีคูณกว่าหางช้างสีดำ
เราอยู่ที่นี้ไม่ถึง 30 นาทีก้อไปที่อื่นกันต่อ
สถานที่ต่อมาคือ วัดหินอ่อน หรือ Lawka Chantha Abaya Labamuni Buddha

พระหินขาวนี้สร้างจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ แกะสลักจากหินก้อนใหญ่ก้อนเดียว อยู่ภายในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ
ถ้าหากร้อนเกินไปหินอาจจะร้าวได้
ต่อมาเดินเล่นภายในวัดมีมุมต่างๆ ให้ถ่ายรูปมากกมาย
ขอขัดจังหวะนี๊ดดดนึง ขอแนะนำค่ะว่า มาเที่ยวพม่านั้นส่วนใหญ่ในวัดห้ามใส่รองเท้าและถุงเท้า สะดวกที่สุดแนะนำให้ใส่รองเท้าแตะมาเพราะถือง่าย
ถอดง่าย และเตรียมทิชชู่เปียกมาเยอะๆ นะคะ เพราะพื้นในวัดส่วนใหญ่ค่อยข้างสกปรก เท้าเราจะดำปี๋เลยค่ะ วัดแรกพวกเรายังชิน เด่วหลังๆ ฝ่าเท้าของเราจะชินไปเอง เดินมาเรื่อยเจอลูกชิ้นทอด เกี้ยวทอด ราคาประมาณไม้ละ 2-5 บาท กินน้ำจิ้มที่คล้ายกับเต้าหู้ยี่
ต่อมาก้อเกือบเที่ยงของวันแรกแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ไกด์มูมู่ที่น่ารัก ก้อพามาร้านอาหารชื่อดังของพม่า เป็นร้านอาหารแนวอาหารตามสั่ง
มีให้เลือกหลายอย่าง และสะอาดคะ
ทุกโต๊ะก้อจะมีน้ำพริกผัดสด คล้ายๆ น้ำพริกปลาร้าบ้านเราบริการคะ

บิลค่าอาหาร ราคาไม่แพงมาก ตกประมาณคนละ 100 บาท กิน 5 คนจ่าย 4 คน เราต้องเลี้ยงไกด์มูมู่ด้วยคะ อิ่ม อร่อย บริการดี
เมื่ออิ่มท้องแล้วเราก้อพร้อมจะเดินทางกันต่อ
สถานที่ต่อไป คือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระตาหวาน ที่ใครๆเขาเรียกกัน เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่มากๆ มีความยาวกว่า 70 เมตรเลยก็ว่าได้ เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว คล้ายกับว่าท่านกำลังใส่คอนทคเลนส์เลย วิ้งๆ ตามุ้งมิ้งมากกก
ไกด์มูมู่เล่าให้ฟังว่า ถ้าหากเรามีสุขภาพดีหรือนั่งสมาธิเยอะๆ เท้าของเราขอจะมีสีชมพูเหมือนพระพุทธเจ้า
ส่วนบริเวณด้านหน้าวัดเจ้าทัตยีนั้น ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน
เพื่อนผู้ชายจึงเลือกซื้อโสร่งจากหน้าวัด เพื่อเตรียมแต่งหล่อให้เหมือนชาวเมืองพม่าคะในวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้นไกด์มูมู่ผู้แสนใจดีของเรา เสนอเราว่า อยากให้เราเห็นเจดีย์ชเวดากอง ทั้ง 2 ช่วงเวลา คือทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน
จึงให้เราไปที่เจดีย์ชเวดากองเวลาประมาณห้าโมงเย็น ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะ บ่าย 3 กว่าๆ เอง พวกเราเลยถามไกด์มูมู่ว่า มีที่ไหนให้พวกเราเดินเล่นฆ่าเวลา
รึป่าว ไกด์มูมู่จึงพาเราไปเดินห้างที่ใหญ่ที่สุดในพม่า คะ
หลังจากสำรวจห้างที่ย่างกุ้งเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาช่วงเย็นรถในพม่าค่อนข้าง ติดพอสมควรเลยนะคะ จะไปไหนเราจะต้องเผื่อเวลารถติดด้วยค่ะ
สถานที่ต่อไป เจดีย์ชเวดากอง ไกด์มู จัดการซื้อบัตรค่าชมให้ ราคา 8000 จ๊าด หรือ ประมาณ 280 บาท เราจะได้สติกเกอร์มาติดเสื้อไว้คะ
เมื่อมาถึงเจดีย์ชเวกากอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีสีทองอร่ามมมม หันไปทางไหนก้อสวยงาม มีแต่ทอง มันอลังการมากจิงง
คุ้มมากๆ ที่มาเห็นด้วยตาตัวเอง
เข้าใจไกด์มูมู่แล้วว่าทำไมอยากให้เรามาเห็นชเวดากอง ทั้ง 2 ช่วงเวลา
ช่วงยามเย็น
เมื่อมาถึง เราก้อทำการสรงน้ำประจำวันเกิด คะ
และช่วงกลางคืน ทองอร่ามมมมากกจิงๆ
ไกด์มูมู่เล่าประวัติมากกมายให้ฟังเกี่ยวกับเจดีย์ชเวดากองที่มีพระเกศสาธาตุ 8 เส้น ฟังแล้วทุกอย่างมีที่มาที่ไป
เล่าให้ฟังที่พม่ายกทัพไปไทย เล่าจะคุ้นหูเวลาไกด์มูมู่เล่าให้ฟังถึงคนต่างๆ ถ้าเราเรียนประวัติศาสตร์ไทย หรือดูภาพยนตร์พระนเรศวรมาก่อน
ฟังๆดูแล้วพม่าไม่ได้เกลียดคนไทยเลย กลับมีจิตใจดี น่ารัก นี้เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนพม่ามาตลอดเลยหรอเนี่ยย
หลังจากนั้นเราก้อซื้อแผ่นทองมาติด
ที่พม่าจะให้เฉพาะผู้ชายทำขึ้นไปติดแผ่นทองเท่านั้นนะคะ ผู้หญิงก้อทำการอธิฐานก่อนผู้ชายจะขึ้นไปติดคะ
เมื่อเดินรอบเจดีย์ชเวดากองเรียบร้อยแล้วจิงๆ ไกด์โดยทั่วไปจะต้องไปส่งเราที่โรงแรมเลย แต่ตอนนี้เราอยู่กับไกด์มูมู่มา 1 วันเต็มๆ
พอจะเริ่มนิสัยใจคอกันแล้ว เราจึงถามไกด์มูมู่ว่า ที่นี้มีที่เที่ยวกลางคืนแบบนั่งกินเบียร์ชิวๆ หรือ ให้เดินเราเล่นกลางคืนรึป่าว
ไกด์มูมู่ผู้และคนขับรถผู้แสนใจดี จึงเสนอ ตลาดกลางคืนไชน่าทาวน์ มีของกินเยอะแยะมากมาย คล้ายๆ เยาวราชบ้านเราเลย
น่าเสียดายเราถ่ายรูปมาไม่ค่อยเยอะ จิงๆ มีของกินเยอะมากก

นี้กั้งทอด ตัวเบิ่มเริ่มมเลยคะ

สุดท้ายมาลงเอยยที่ร้านนี้คะ อาหารอร่อยดี
กินคู่กับเบียร์พม่า หวาน ละมุมลิ้น เยี่ยมไปเลยยย

กินเสดก้อประมาณ สามทุ่มกว่าแล้ว นั่งเม้าส์กับไกด์มูมู่ สนุกมากเลยคะ
เสียดายนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักเลย อย่างที่บอกไปในตอนแรกแล้วนะคะ ว่า เราจ่ายเงิน 160 ดอลล่าร์/คน รวมค่าที่พักและไกด์แล้ว ซึ่งที่พักของเราก้อสะดวกสบายมากคะ เป็นห้องนอน 2 ห้อง มี ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ กว้างขวางมากเลยคะ ขอแนะนำบริษัททัวร์ xinglantour ของเค้าดีจิงๆ
[CR] เที่ยวพม่า 3 วัน 2 คืนกับทัวร์ แต่ไปแล้วสบายใจเหมือนไปกับเพื่อน
เราไปพม่าแบบถูกและง่ายจังเลยยย
ขออออกตัวไว้ก่อนว่า การเล่าเรื่อง การใช้ภาษาอาจจะตะกุกตะกักบ้าง นร้า
พร้อมแล้วก้อมาเกาะปีกบินกานนนนเลยยยย
ทริปพม่า 3 วัน 2 คืน ทริปนี้มี สมาชิก 4 คน 2 คู่หู โดยทริปนี้เราวางแผนกันตั้งแต่ต้นปี
เพราะเป็นมนุษย์เงินเดือนตัวน้อยๆ จะไปไหนทีนึงต้องวางแผนล่วงหน้ากันนานหน่อย
เราเริ่มจองตั๋วหางแดงกันตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2558 แต่ออกเดินทางจิงๆ ได้ฤกษ์ประมาณ 7-9 ธันวาคม 2558
เรียกได้ว่า เป็นการจองตั๋วที่ทิ้งช่วงนานมากก แต่ด้วยความงงของพวกเรา ยิ่งจองนานตั๋วยิ่งถูกบวกกับมีโปรโมชั่นจากหางแดง
ทำให้เราได้ ตั๋วไปกลับ ดอนเมือง ไปกลับ ในราคาประมาณ 1,720 บาทเท่านั้นนน เฉลี่ยขาละ 860 บาท ราคาถูกพอๆ กับบินเที่ยวในประเทศ
แล้วเราจะรีรอช้าอยู่ไย รีบกดจองเร็วโดนพลันน
ช่วงเวลาที่บินก้อดีงามมากก บินเช้ากลับดึก
หลังจากนั้นเราก้อมาทำการวางแผนว่าจะหาไกด์พม่าที่พูดไทยได้ จึงลองถามเพื่อนที่เคยไปเที่ยวพม่ามาแล้ว
เพื่อนจึงแนะนำให้รู้จักกับบริษัททัวร์ ชื่อบริษัท Xinglantour เป็นของชาวจีนที่เปิดบริการทัวร์ที่พม่า สามารถพูดไทย จีน อังกฤษได้
เราจึงติดต่อไปผ่านทางไลน์ คุยกันสื่อสารกันง่ายๆ มาก และเจ้าของยังบริการด้วยดีมาก ประทับใจสุดๆ
เราจึงเสนอว่าเราอยากไปสถานที่ไหนในพม่าบ้าง จึงให้ทางบริษัททัวร์ทำการลิสต์และวางแผนแผนการเดินทางกลับมาให้เรา ดูว่าเราโอเคมั้ย
ตารางทัวร์แน่นไป หรือ ว่าอยากไปไหนเพิ่มสามารถแจ้งได้ทันที เค้าบอกว่าให้คิดซะว่า ทัวร์ของเค้าเป็นการพาเพื่อนเที่ยว เรายิ่งได้ยินยิ่งประทับใจสุดๆ หลังจากนั้นเมื่อตารางทัวร์ลงตัวแล้วจึงทำการตกลงเรื่องราคา อยู่ที่คนละ 160$/คน รวมค่าที่พัก 2คืน ค่ารถตู้ ค่าไกด์ เราทั้ง 4 คนพอใจราคาในส่วนนี้ เพราะคิดไว้คราวๆ ว่าทริปนี้จะใช้ให้อยู่ในงบ 10,000 บาท ทางบริษัทจึงส่งรายละเอียดการโอนเงินมาให้ทางอีเมลล์
โดยพวกเราจะต้องทำการโอนเงิน 50 %ของราคาทัวร์โดยโอนเป็นสกุลเงินดอลล่าร์ ซึ่งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 1800 บาท
โอ้ววแม่เจ้า โอนเงินต่างสกุล เพิ่งจะรู้ว่า โอนแพงขนาดเน้ เราจึงติดต่อกลับไปทางบริษัททัวร์ ว่าเราขอไปจ่ายกันตอนที่เจอกันที่พม่าได้มั้ย ขอให้เชื่อใจพวกเราเถอะว่าเราไปแน่ๆ ทางบริษัทก้อใจดี ใจดี๊ ให้กรุ๊ปของพวกเราสามารถไปจ่ายเงินที่โน่นได้
ปล.ช่วงเวลาที่พวกเราไป ไม่ต้องทำวีซ่าแล้ว แค่มีพาสปอร์ตเล่มเดียวก้อบินเที่ยวได้แล้ววจ๊ะ
Day 1
นัดเจอเพื่อนๆ ที่สนามบินดอนเมือง เครื่องออกเวลา 7.15 น. ถึงย่างกุ้ง 08.00 น.
โดยเวลาของพม่าจะช้ากว่าเวลาไทย 30 นาที
เมื่อถึงย่างกุ้งแล้ว เราจึงพากันไปแลกเงินเป็นเงิน จ๊าดด สามารถใช้เงินไทยหรือเงินดอลล่าร์แลกเป็นจ๊าดก้อได้ ได้เงินมาเป็นก้อนใหญ่มากก
รู้สึกว่ารวยยยยยกันเลยทีเดียว และเงินของพม่านั้นไม่ค่อยสะอาด บ้างใบนี้จะขาดอยู่แล้ว เราสามารถขอแลกเป็นใบใหม่ได้นะคะ แต่เราขอแนะนำว่าถ้าใครจะไปเราว่าไปแลกเงินข้างนอกดีกว่านะ เรทเงินในสนามบินได้น้อยต่างจากข้างนอกเยอะเลยอ่า รู้สึกขาดทุนนน
เมื่อไปถึงหน้าสนามบินย่างกุ้ง ก้อมีไกด์และคนขับรถหน้าตาใจดี มาชูป้ายรอรับพวกเรา
เมื่อเจอไกด์แล้ว เค้าก้ออธิบายให้ฟังว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวไหนบ้าง
โดยสถานที่แรกที่เริ่มไป คือ ปางช้างเผือก (Royal White Elephant Garden) ซึ่งรู้สึกว่านั่งรถประมาณ 15 นาทีก้อถึงแล้ว หรือ นานกว่านั้นจำไม่ค่อยได้ เพราะกำลังตื่นเต้นกับการขับรถชิดขวาแบบอเมริกา แต่รถที่ใช้ที่นี่เป็นรถพวงมาลัยขวาแบบบ้านเราที่เป็นแบบอังกฤษมันก็เลยขัดๆ คะ
ระหว่างไกด์มู (บ้างครั้งพวกเราเรียกมูมู่) เล่าว่าพม่านั้น เป็นประเทศที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก จึงทำให้ยังพบเห็นมีช้างเผือกอยู่บ้าง
รูปนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะรูปอื่นถ่ายแล้วช้างไม่เป็นสีชมพู ซึ่งจิงๆ ช้างเผือกจะมีลักษณะพิเศษหลายประการ ไกด์ก้อเล่าให้ฟังนะคะ
แต่พวกเราจำไม่ได้กันเอง 555
บริเวณข้างๆ ก้อจะมีแหวนงาช้าง แหวนขนหางช้างเผือก เป็นของหายาก มีความเชื่อว่าเป็นของแรงในตัวมีอานุภาพทวีคูณกว่าหางช้างสีดำ
เราอยู่ที่นี้ไม่ถึง 30 นาทีก้อไปที่อื่นกันต่อ
สถานที่ต่อมาคือ วัดหินอ่อน หรือ Lawka Chantha Abaya Labamuni Buddha
พระหินขาวนี้สร้างจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ แกะสลักจากหินก้อนใหญ่ก้อนเดียว อยู่ภายในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิ
ถ้าหากร้อนเกินไปหินอาจจะร้าวได้
ต่อมาเดินเล่นภายในวัดมีมุมต่างๆ ให้ถ่ายรูปมากกมาย
ขอขัดจังหวะนี๊ดดดนึง ขอแนะนำค่ะว่า มาเที่ยวพม่านั้นส่วนใหญ่ในวัดห้ามใส่รองเท้าและถุงเท้า สะดวกที่สุดแนะนำให้ใส่รองเท้าแตะมาเพราะถือง่าย
ถอดง่าย และเตรียมทิชชู่เปียกมาเยอะๆ นะคะ เพราะพื้นในวัดส่วนใหญ่ค่อยข้างสกปรก เท้าเราจะดำปี๋เลยค่ะ วัดแรกพวกเรายังชิน เด่วหลังๆ ฝ่าเท้าของเราจะชินไปเอง เดินมาเรื่อยเจอลูกชิ้นทอด เกี้ยวทอด ราคาประมาณไม้ละ 2-5 บาท กินน้ำจิ้มที่คล้ายกับเต้าหู้ยี่
ต่อมาก้อเกือบเที่ยงของวันแรกแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ไกด์มูมู่ที่น่ารัก ก้อพามาร้านอาหารชื่อดังของพม่า เป็นร้านอาหารแนวอาหารตามสั่ง
มีให้เลือกหลายอย่าง และสะอาดคะ
ทุกโต๊ะก้อจะมีน้ำพริกผัดสด คล้ายๆ น้ำพริกปลาร้าบ้านเราบริการคะ
บิลค่าอาหาร ราคาไม่แพงมาก ตกประมาณคนละ 100 บาท กิน 5 คนจ่าย 4 คน เราต้องเลี้ยงไกด์มูมู่ด้วยคะ อิ่ม อร่อย บริการดี
เมื่ออิ่มท้องแล้วเราก้อพร้อมจะเดินทางกันต่อ
สถานที่ต่อไป คือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือพระตาหวาน ที่ใครๆเขาเรียกกัน เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่มากๆ มีความยาวกว่า 70 เมตรเลยก็ว่าได้ เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว คล้ายกับว่าท่านกำลังใส่คอนทคเลนส์เลย วิ้งๆ ตามุ้งมิ้งมากกก
ไกด์มูมู่เล่าให้ฟังว่า ถ้าหากเรามีสุขภาพดีหรือนั่งสมาธิเยอะๆ เท้าของเราขอจะมีสีชมพูเหมือนพระพุทธเจ้า
ส่วนบริเวณด้านหน้าวัดเจ้าทัตยีนั้น ก็จะมีร้านค้าขายของที่ระลึกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกัน
เพื่อนผู้ชายจึงเลือกซื้อโสร่งจากหน้าวัด เพื่อเตรียมแต่งหล่อให้เหมือนชาวเมืองพม่าคะในวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้นไกด์มูมู่ผู้แสนใจดีของเรา เสนอเราว่า อยากให้เราเห็นเจดีย์ชเวดากอง ทั้ง 2 ช่วงเวลา คือทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืน
จึงให้เราไปที่เจดีย์ชเวดากองเวลาประมาณห้าโมงเย็น ซึ่งตอนนี้เพิ่งจะ บ่าย 3 กว่าๆ เอง พวกเราเลยถามไกด์มูมู่ว่า มีที่ไหนให้พวกเราเดินเล่นฆ่าเวลา
รึป่าว ไกด์มูมู่จึงพาเราไปเดินห้างที่ใหญ่ที่สุดในพม่า คะ
หลังจากสำรวจห้างที่ย่างกุ้งเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาช่วงเย็นรถในพม่าค่อนข้าง ติดพอสมควรเลยนะคะ จะไปไหนเราจะต้องเผื่อเวลารถติดด้วยค่ะ
สถานที่ต่อไป เจดีย์ชเวดากอง ไกด์มู จัดการซื้อบัตรค่าชมให้ ราคา 8000 จ๊าด หรือ ประมาณ 280 บาท เราจะได้สติกเกอร์มาติดเสื้อไว้คะ
เมื่อมาถึงเจดีย์ชเวกากอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีสีทองอร่ามมมม หันไปทางไหนก้อสวยงาม มีแต่ทอง มันอลังการมากจิงง
คุ้มมากๆ ที่มาเห็นด้วยตาตัวเอง
เข้าใจไกด์มูมู่แล้วว่าทำไมอยากให้เรามาเห็นชเวดากอง ทั้ง 2 ช่วงเวลา
ช่วงยามเย็น
เมื่อมาถึง เราก้อทำการสรงน้ำประจำวันเกิด คะ
และช่วงกลางคืน ทองอร่ามมมมากกจิงๆ
ไกด์มูมู่เล่าประวัติมากกมายให้ฟังเกี่ยวกับเจดีย์ชเวดากองที่มีพระเกศสาธาตุ 8 เส้น ฟังแล้วทุกอย่างมีที่มาที่ไป
เล่าให้ฟังที่พม่ายกทัพไปไทย เล่าจะคุ้นหูเวลาไกด์มูมู่เล่าให้ฟังถึงคนต่างๆ ถ้าเราเรียนประวัติศาสตร์ไทย หรือดูภาพยนตร์พระนเรศวรมาก่อน
ฟังๆดูแล้วพม่าไม่ได้เกลียดคนไทยเลย กลับมีจิตใจดี น่ารัก นี้เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนพม่ามาตลอดเลยหรอเนี่ยย
หลังจากนั้นเราก้อซื้อแผ่นทองมาติด
ที่พม่าจะให้เฉพาะผู้ชายทำขึ้นไปติดแผ่นทองเท่านั้นนะคะ ผู้หญิงก้อทำการอธิฐานก่อนผู้ชายจะขึ้นไปติดคะ
เมื่อเดินรอบเจดีย์ชเวดากองเรียบร้อยแล้วจิงๆ ไกด์โดยทั่วไปจะต้องไปส่งเราที่โรงแรมเลย แต่ตอนนี้เราอยู่กับไกด์มูมู่มา 1 วันเต็มๆ
พอจะเริ่มนิสัยใจคอกันแล้ว เราจึงถามไกด์มูมู่ว่า ที่นี้มีที่เที่ยวกลางคืนแบบนั่งกินเบียร์ชิวๆ หรือ ให้เดินเราเล่นกลางคืนรึป่าว
ไกด์มูมู่ผู้และคนขับรถผู้แสนใจดี จึงเสนอ ตลาดกลางคืนไชน่าทาวน์ มีของกินเยอะแยะมากมาย คล้ายๆ เยาวราชบ้านเราเลย
น่าเสียดายเราถ่ายรูปมาไม่ค่อยเยอะ จิงๆ มีของกินเยอะมากก
นี้กั้งทอด ตัวเบิ่มเริ่มมเลยคะ
สุดท้ายมาลงเอยยที่ร้านนี้คะ อาหารอร่อยดี
กินคู่กับเบียร์พม่า หวาน ละมุมลิ้น เยี่ยมไปเลยยย
กินเสดก้อประมาณ สามทุ่มกว่าแล้ว นั่งเม้าส์กับไกด์มูมู่ สนุกมากเลยคะ
เสียดายนะคะ ไม่ได้ถ่ายรูปที่พักเลย อย่างที่บอกไปในตอนแรกแล้วนะคะ ว่า เราจ่ายเงิน 160 ดอลล่าร์/คน รวมค่าที่พักและไกด์แล้ว ซึ่งที่พักของเราก้อสะดวกสบายมากคะ เป็นห้องนอน 2 ห้อง มี ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ กว้างขวางมากเลยคะ ขอแนะนำบริษัททัวร์ xinglantour ของเค้าดีจิงๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น