http://www.dailynews.co.th/article/378740
มีข่าวออกมาเรื่อย ๆ กรณีชาวบ้านที่โน่นที่นี่ ไม่พอใจการตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายโทรศัพท์มือถือ ต่าง ๆ ยิ่งช่วงนี้มีการตั้งเสาฯกันมากทั่วประเทศ หลังจากโทรศัพท์มือถือพัฒนามาเป็นระบบ 3จี และ 4จี
ส่วนใหญ่ไม่พอใจว่าเสาฯ ตั้งเกะกะใกล้บ้าน เกรงจะโค่นลงมา บ้างก็กลัวฟ้าผ่า! หนักไปกว่านั้นคือเกรงว่าคลื่นจากเสาฯ จะมีผลทำให้ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ฯลฯ
เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านจะกลัวเสาฯโค่นลงมาทับบ้านพักอาศัย และกลัวฟ้าผ่า! แต่เรื่องอันตรายจากคลื่นโทรศัพท์นั้น บางครั้งมีคนบางกลุ่มไปปั่นกระแส! ให้เรื่องราวดูน่ากลัว
อันที่จริงกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยส่วนตัวเคยคุยกับวิศวกรค่ายมือถือ 2-3 แห่ง ได้ข้อมูลว่าการตั้งเสาฯ มีการตรวจสอบโครงสร้างมั่นคงแข็งแรง ไม่ว่าเสาฯจะตั้งอยู่บนพื้นดิน บนดาดฟ้าตึก และมีระบบการป้องกันฟ้าผ่า
ส่วนความเหมาะสมที่จะตั้งเสาฯในจุดไหน เป็นเรื่องที่ค่ายมือถือต้องเจรจาเช่าพื้นที่กับเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของตึก ที่สำคัญ คือ จะตั้งได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์หนาแน่นแค่ไหน ตรงนั้นเป็นจุดอับสัญญาณหรือไม่ เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ
ส่วนที่เกรงว่าคลื่นจากเสาฯ จะมีผลต่อสุขภาพ จำได้ว่า 1-2 ปีก่อน เคยคุยกับ ดร. ชาญไชย ไทยเจียม อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดย ดร.ชาญไชยให้ข้อมูลว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือไม่มีผลต่อร่างกาย ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธะเคมี ไม่ทำให้เซลล์กลายพันธุ์
อันที่จริงน่าจะกลัวเมื่อโทรฯคุยนาน ๆ เพราะกำลังคลื่นที่ส่งมาแนบชิดกับสมอง และการโทรฯออกใช้คลื่นแรงมาก โดยเฉพาะจุดอับสัญญาณอย่างชั้นใต้ดิน ขณะเดียวกันกำลังส่งที่เสาฯคลื่นจะคงที่ ไม่วูบวาบเหมือนการโทรฯออก
สัปดาห์ก่อนอ่านเฟซบุ๊กของ ผศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ"เสาโทรศัพท์"ไว้พอสมควร ใครสนใจรายละเอียดลองไปเปิดอ่านในเฟซบุ๊กผศ.ดร.เจษฎา แต่มีตอนท้ายที่ ผศ.ดร.เจษฎายกมาเป็นข้อมูลคือ องค์การอนามัยโลกสรุปไว้ว่า "ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือว่าสัญญาณคลื่นวิทยุ จากสถานีส่งสัญญาณและเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย จะทำให้เกิดผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพ"
เมื่อปี 57 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลแพ่งให้ยกฟ้อง กรณีนายเด่น (นามสมมุติ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกร้องให้ค่ายมือถือชื่อดัง รื้อถอนเสาและเครื่องส่งคลื่นความถี่โทรศัพท์ ออกจากดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 200 ล้านบาท โดยนายเด่นอ้างว่าเสาฯที่ว่า มีผลทำให้เวียนศีรษะ สายตาพร่ามัว และความจำเสื่อม
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าคลื่นฯที่ส่งออกมาจากเครื่องส่งสัญญาณ เป็นอันตรายหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้คลื่นฯไม่ได้เป็นมลพิษ และสถานีฐานมิใช่แหล่งกำเนิดมลพิษ รวมทั้งคลื่นฯจากเครื่องส่ง จากการตรวจสอบของกสทช.มีค่าต่ำกว่าที่กำหนดตามประกาศ กทช. ดังนั้นคลื่นฯดังกล่าว ไม่เป็นอันตรายต่อคน.
โดย พยัคฆ์น้อย
คอลัมน์: มองรอบทิศ: อย่ากลัว!เกินเหตุ...เสาสัญญาณมือถือ???
มีข่าวออกมาเรื่อย ๆ กรณีชาวบ้านที่โน่นที่นี่ ไม่พอใจการตั้งเสารับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของค่ายโทรศัพท์มือถือ ต่าง ๆ ยิ่งช่วงนี้มีการตั้งเสาฯกันมากทั่วประเทศ หลังจากโทรศัพท์มือถือพัฒนามาเป็นระบบ 3จี และ 4จี
ส่วนใหญ่ไม่พอใจว่าเสาฯ ตั้งเกะกะใกล้บ้าน เกรงจะโค่นลงมา บ้างก็กลัวฟ้าผ่า! หนักไปกว่านั้นคือเกรงว่าคลื่นจากเสาฯ จะมีผลทำให้ปวดศีรษะ สายตาพร่ามัว นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม ฯลฯ
เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านจะกลัวเสาฯโค่นลงมาทับบ้านพักอาศัย และกลัวฟ้าผ่า! แต่เรื่องอันตรายจากคลื่นโทรศัพท์นั้น บางครั้งมีคนบางกลุ่มไปปั่นกระแส! ให้เรื่องราวดูน่ากลัว
อันที่จริงกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยส่วนตัวเคยคุยกับวิศวกรค่ายมือถือ 2-3 แห่ง ได้ข้อมูลว่าการตั้งเสาฯ มีการตรวจสอบโครงสร้างมั่นคงแข็งแรง ไม่ว่าเสาฯจะตั้งอยู่บนพื้นดิน บนดาดฟ้าตึก และมีระบบการป้องกันฟ้าผ่า
ส่วนความเหมาะสมที่จะตั้งเสาฯในจุดไหน เป็นเรื่องที่ค่ายมือถือต้องเจรจาเช่าพื้นที่กับเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของตึก ที่สำคัญ คือ จะตั้งได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับบริเวณนั้นมีผู้ใช้บริการโทรศัพท์หนาแน่นแค่ไหน ตรงนั้นเป็นจุดอับสัญญาณหรือไม่ เพื่อให้ตอบสนองต่อการใช้งานที่เพิ่มขึ้น และไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ
ส่วนที่เกรงว่าคลื่นจากเสาฯ จะมีผลต่อสุขภาพ จำได้ว่า 1-2 ปีก่อน เคยคุยกับ ดร. ชาญไชย ไทยเจียม อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดย ดร.ชาญไชยให้ข้อมูลว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือไม่มีผลต่อร่างกาย ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธะเคมี ไม่ทำให้เซลล์กลายพันธุ์
อันที่จริงน่าจะกลัวเมื่อโทรฯคุยนาน ๆ เพราะกำลังคลื่นที่ส่งมาแนบชิดกับสมอง และการโทรฯออกใช้คลื่นแรงมาก โดยเฉพาะจุดอับสัญญาณอย่างชั้นใต้ดิน ขณะเดียวกันกำลังส่งที่เสาฯคลื่นจะคงที่ ไม่วูบวาบเหมือนการโทรฯออก
สัปดาห์ก่อนอ่านเฟซบุ๊กของ ผศ.ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ แสดงความเห็นเกี่ยวกับ"เสาโทรศัพท์"ไว้พอสมควร ใครสนใจรายละเอียดลองไปเปิดอ่านในเฟซบุ๊กผศ.ดร.เจษฎา แต่มีตอนท้ายที่ ผศ.ดร.เจษฎายกมาเป็นข้อมูลคือ องค์การอนามัยโลกสรุปไว้ว่า "ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือว่าสัญญาณคลื่นวิทยุ จากสถานีส่งสัญญาณและเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สาย จะทำให้เกิดผลกระทบอันตรายต่อสุขภาพ"
เมื่อปี 57 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลแพ่งให้ยกฟ้อง กรณีนายเด่น (นามสมมุติ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกร้องให้ค่ายมือถือชื่อดัง รื้อถอนเสาและเครื่องส่งคลื่นความถี่โทรศัพท์ ออกจากดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พร้อมเรียกค่าเสียหาย 200 ล้านบาท โดยนายเด่นอ้างว่าเสาฯที่ว่า มีผลทำให้เวียนศีรษะ สายตาพร่ามัว และความจำเสื่อม
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าคลื่นฯที่ส่งออกมาจากเครื่องส่งสัญญาณ เป็นอันตรายหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ นอกจากนี้คลื่นฯไม่ได้เป็นมลพิษ และสถานีฐานมิใช่แหล่งกำเนิดมลพิษ รวมทั้งคลื่นฯจากเครื่องส่ง จากการตรวจสอบของกสทช.มีค่าต่ำกว่าที่กำหนดตามประกาศ กทช. ดังนั้นคลื่นฯดังกล่าว ไม่เป็นอันตรายต่อคน.
โดย พยัคฆ์น้อย