"ชาวเน็ต" คำๆนี้ใช้เรียกทุกๆคนที่เล่นอินเตอร์เน็ตแบบมีส่วนร่วม เล่นอย่างเดียวดูโน่นนี่นั่นไปเรื่อยๆไม่ใช่ชาวเน็ต ชาวเน็ตต้องใส่ใจแสดงความเห็นกับเรื่องราวต่างๆที่เป็นกระแส และแสดงความเห็นนั้นในสื่อโซเชี่ยลทุกๆชนิดที่มี ไม่ว่าเรื่องนั้นๆจะเป็นเรื่องดราม่าหรือเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กน้อยหรือใหญ่โต และชาวเน็ตจะไปทุกๆเว็บไซต์ที่มีการออกความเห็นแบบมวลชนได้ หลักๆก็คือ เฟซบุ๊ค / พันทิป / อินสตาแกรม ฯลฯ
ทีนี้ หลักใหญ่ใจความเรื่องที่เป็นกระแส จะแยกได้เป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายแรก คือ ต้นเรื่อง ฝ่ายสองคือ คู่กรณีต้นเรื่อง ฝ่ายสามคือ ไทยมุงอย่างพวกเราชาวเน็ตนี่ละ (ในที่นี้ผมนับพวกสื่อต่างๆเป็นฝ่ายที่สามด้วยนะ เพราะถือว่าเป็นคนนอกเช่นเดียวกับไทยมุง ถึงจะมีข้อมูลเยอะกว่าไทยมุงหรือชาวเน็ตทั่วไปก็เถอะ)
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นชาวเน็ต และผมเคยสวมหัวโขนอยู่ทั้งสามฝ่ายเลย ทั้งต้นเรื่อง ทั้งคู่กรณี และชาวเน็ต เท่าที่ผมได้ลิ้มรสมาบ้างพอแสบๆคันๆ ขอบอกว่า การเป็นฝ่ายแรกกับฝ่ายที่สองไม่สนุกเลยคุณเอ๊ย... 555+
ขอบอกความรู้สึกของผู้ที่เคยเป็นทั้งต้นเรื่องและคู่กรณี นั่นคือฝ่ายแรกกับฝ่ายที่สองครับ ไม่ว่าเราจะผิดหรือเราจะถูก ฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตจะมีผู้ถือหางอยู่ทั้งสองฝ่ายครับ ต้นเรื่องกับคู่กรณีนะไม่เท่าไหร่ แต่ชาวเน็ตนี่ดุเดือดจริงๆ
อันนี้ผมขอบอกเตือนสติของผู้ที่อยู่สองฝ่ายแรก คือต้นเรื่องและคู่กรณี ถ้าฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตเอนเอียงถล่มคุณอย่างชัดเจน ประมาณ100ความเห็นด่าคุณไปซะ95 เหลืออีก5เข้าข้างคุณ เชื่อผมเถอะว่าคุณต้องรับฟังครับ และพิจารณาตัวเองว่า สิ่งที่คุณทำนั้นมันผิดสำหรับสายตาคนส่วนใหญ่ ถึงคุณจะคิดว่าคุณถูกก็เถอะ
สเต๊บต่อมาเมื่อโดนถล่ม คุณต้องเงียบและถอย พร้อมกับแก้ไขซะ เพราะถ้าคุณไม่แก้ไข ชีวิตคุณจะลำบากครับ ชาวเน็ตประเภทฮาร์ดคอร์จะทำให้ชีวิตคุณไม่ปกติไประยะหนึ่ง หรือตลอดชีวิตเลยก็มี
แต่.. ถ้าต้นเรื่องและคู่กรณีมีชาวเน็ตถือหางพอๆกัน 50/50 อันนี้ต้องดูว่า คนที่เค้าไม่เห็นด้วยกับฝ่ายเรานั้นมีเหตุผลอะไร? เราก็นำมาปรับปรุงแก้ไขซะ นี่คือข้อดีของชาวเน็ตครับ เพราะคุณไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาทำโพล กระแสสังคมจะบอกคุณเองว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ผมก็เคยอยู่ในฝ่ายต้นเรื่องหรือคู่กรณีที่มีชาวเน็ตทั้งเข้าข้างและทั้งด่า ผมเก็บคำชมมาเป็นกำลังใจ และเก็บคำด่ามาสอนตัวเอง เพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
เอาละ มาถึงชาวเน็ตคือฝ่ายที่สามกันบ้าง อันนี้ร้อยพ่อพันแม่ ต่างจิตต่างใจ ต่างฐานะและการศึกษา ต่างวัยและเพศสภาพ พื้นฐานอารมณ์ไม่เท่ากัน นี่ละคือโพลมวลชนที่แท้จริง ผมจึงไม่อยากจะฟันธงว่าชาวเน็ตเป็นเช่นไร? แต่แยกแบบหยาบๆได้ประมาณนี้ครับ คือ
-พวกด่ากราดตามน้ำ
-พวกเกรียนอย่างเดียว ไม่ได้มาเสพดราม่าอะไรหรอก
-พวกไม่รู้กาละเทศะ พวกลิเบอรัลโง่ๆขวางคลองที่พยายามคิดต่างแล้วมโนไปเองว่าข้าเท่ห์
-พวกที่มีอารยธรรมพอที่จะคิด,วิเคราะห์,แยกแยะ,ก่อนจะออกความเห็นชื่นชมหรือด่าซ้ำ
-พวกที่เข้ามาเสพดราม่า ออกความเห็นกลางๆและสั้นๆ หรือมาอ่านอย่างเดียว
-พวกที่สืบหาข้อมูลมาหักล้างได้แน่นปึ๊ก ชาวเน็ตกลุ่มนี้จะเป็นตัวพลิกเกมส์ครับ
สุดท้าย ผมก็แค่อยากจะบอกว่า นี่คือทั้งสามมุมมองที่ผมเคยพบเจอมาด้วยตนเอง เลยอยากจะมาแชร์ครับ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คุณจะอยู่ฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตซะเป็นส่วนมาก
แต่ถ้าวันใดจับพลัดจับผลูคุณกลายเป็นฝ่ายที่หนึ่งกับฝ่ายที่สองคือต้นเรื่องหรือคู่กรณี นั่นคือคุณถูกมวลชนหรือชาวเน็ตลากมากลางแจ้งและใช้ความคิดเห็นดราม่าพิพากษาคุณ ขอให้คุณจงเตรียมรับมือกับมันอย่างมีสติครับ จบครับ สวัสดีครับ _/\_
"ชาวเน็ต" คืออะไร?
ทีนี้ หลักใหญ่ใจความเรื่องที่เป็นกระแส จะแยกได้เป็น 3 ฝ่าย ฝ่ายแรก คือ ต้นเรื่อง ฝ่ายสองคือ คู่กรณีต้นเรื่อง ฝ่ายสามคือ ไทยมุงอย่างพวกเราชาวเน็ตนี่ละ (ในที่นี้ผมนับพวกสื่อต่างๆเป็นฝ่ายที่สามด้วยนะ เพราะถือว่าเป็นคนนอกเช่นเดียวกับไทยมุง ถึงจะมีข้อมูลเยอะกว่าไทยมุงหรือชาวเน็ตทั่วไปก็เถอะ)
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นชาวเน็ต และผมเคยสวมหัวโขนอยู่ทั้งสามฝ่ายเลย ทั้งต้นเรื่อง ทั้งคู่กรณี และชาวเน็ต เท่าที่ผมได้ลิ้มรสมาบ้างพอแสบๆคันๆ ขอบอกว่า การเป็นฝ่ายแรกกับฝ่ายที่สองไม่สนุกเลยคุณเอ๊ย... 555+
ขอบอกความรู้สึกของผู้ที่เคยเป็นทั้งต้นเรื่องและคู่กรณี นั่นคือฝ่ายแรกกับฝ่ายที่สองครับ ไม่ว่าเราจะผิดหรือเราจะถูก ฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตจะมีผู้ถือหางอยู่ทั้งสองฝ่ายครับ ต้นเรื่องกับคู่กรณีนะไม่เท่าไหร่ แต่ชาวเน็ตนี่ดุเดือดจริงๆ
อันนี้ผมขอบอกเตือนสติของผู้ที่อยู่สองฝ่ายแรก คือต้นเรื่องและคู่กรณี ถ้าฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตเอนเอียงถล่มคุณอย่างชัดเจน ประมาณ100ความเห็นด่าคุณไปซะ95 เหลืออีก5เข้าข้างคุณ เชื่อผมเถอะว่าคุณต้องรับฟังครับ และพิจารณาตัวเองว่า สิ่งที่คุณทำนั้นมันผิดสำหรับสายตาคนส่วนใหญ่ ถึงคุณจะคิดว่าคุณถูกก็เถอะ
สเต๊บต่อมาเมื่อโดนถล่ม คุณต้องเงียบและถอย พร้อมกับแก้ไขซะ เพราะถ้าคุณไม่แก้ไข ชีวิตคุณจะลำบากครับ ชาวเน็ตประเภทฮาร์ดคอร์จะทำให้ชีวิตคุณไม่ปกติไประยะหนึ่ง หรือตลอดชีวิตเลยก็มี
แต่.. ถ้าต้นเรื่องและคู่กรณีมีชาวเน็ตถือหางพอๆกัน 50/50 อันนี้ต้องดูว่า คนที่เค้าไม่เห็นด้วยกับฝ่ายเรานั้นมีเหตุผลอะไร? เราก็นำมาปรับปรุงแก้ไขซะ นี่คือข้อดีของชาวเน็ตครับ เพราะคุณไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาทำโพล กระแสสังคมจะบอกคุณเองว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ ผมก็เคยอยู่ในฝ่ายต้นเรื่องหรือคู่กรณีที่มีชาวเน็ตทั้งเข้าข้างและทั้งด่า ผมเก็บคำชมมาเป็นกำลังใจ และเก็บคำด่ามาสอนตัวเอง เพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
เอาละ มาถึงชาวเน็ตคือฝ่ายที่สามกันบ้าง อันนี้ร้อยพ่อพันแม่ ต่างจิตต่างใจ ต่างฐานะและการศึกษา ต่างวัยและเพศสภาพ พื้นฐานอารมณ์ไม่เท่ากัน นี่ละคือโพลมวลชนที่แท้จริง ผมจึงไม่อยากจะฟันธงว่าชาวเน็ตเป็นเช่นไร? แต่แยกแบบหยาบๆได้ประมาณนี้ครับ คือ
-พวกด่ากราดตามน้ำ
-พวกเกรียนอย่างเดียว ไม่ได้มาเสพดราม่าอะไรหรอก
-พวกไม่รู้กาละเทศะ พวกลิเบอรัลโง่ๆขวางคลองที่พยายามคิดต่างแล้วมโนไปเองว่าข้าเท่ห์
-พวกที่มีอารยธรรมพอที่จะคิด,วิเคราะห์,แยกแยะ,ก่อนจะออกความเห็นชื่นชมหรือด่าซ้ำ
-พวกที่เข้ามาเสพดราม่า ออกความเห็นกลางๆและสั้นๆ หรือมาอ่านอย่างเดียว
-พวกที่สืบหาข้อมูลมาหักล้างได้แน่นปึ๊ก ชาวเน็ตกลุ่มนี้จะเป็นตัวพลิกเกมส์ครับ
สุดท้าย ผมก็แค่อยากจะบอกว่า นี่คือทั้งสามมุมมองที่ผมเคยพบเจอมาด้วยตนเอง เลยอยากจะมาแชร์ครับ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คุณจะอยู่ฝ่ายที่สามคือชาวเน็ตซะเป็นส่วนมาก
แต่ถ้าวันใดจับพลัดจับผลูคุณกลายเป็นฝ่ายที่หนึ่งกับฝ่ายที่สองคือต้นเรื่องหรือคู่กรณี นั่นคือคุณถูกมวลชนหรือชาวเน็ตลากมากลางแจ้งและใช้ความคิดเห็นดราม่าพิพากษาคุณ ขอให้คุณจงเตรียมรับมือกับมันอย่างมีสติครับ จบครับ สวัสดีครับ _/\_