ถึงแม้กระทู้นี้จะไม่ใช่กระทู้แรกในพันทิปของเรา แต่ก็เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรานะเออ .. ปกติจะเข้ามาตั้งคำถาม หาคำตอบ แต่วันนี้ เราควรจะกลับมาเป็นผู้ให้ เป็นผู้แบ่งปัน หลังจากได้ตักตวงสูบความรู้จากห้องบลูฯเพื่อวางแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง และทริปได้จบลงไปด้วยดีถึงดีมาก

ก่อนอื่นต้องขอบคุณหลายๆล๊อคอินที่ช่วยให้ความรู้ อัพเดตข้อมูล ไขข้อข้องใจ ให้ความกระจ่าง ทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์ และในหลายๆกระทู้ที่เราแอบไปแฝงตัวอ่านๆๆๆและเก็บความรู้มานะคะ

เอาล่ะ เกริ่นมานาน เดี๋ยวงานจะกร่อย มาเริ่มกันเลยดีกว่า!


คำเตือน : รูปอาจจะน้อยไปหน่อย และหน้านายแบบอาจจะเยอะกว่าวิว แถมเนื้อหาก็อาจจะเยอะกว่าหน้านายแบบ และสาระอาจจะน้อยกว่าผักบุ้งที่ท่วมทุ่งโหรงเหรง แต่ก็ถือซะว่า เรามาแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้พบได้เจอในการกระเตงลูกน้อยวัยสองขวบตะลุยเที่ยวกันแบบสโลว์ไลฟ์ละกันเนอะๆๆๆ
อ้ออออ .. อีกเรื่องนึง คือรูปจากไอโฟนมันใหญ่มากกกกกกก อาจจะสร้างความตระหนกตกใจให้ผู้เข้าชม ยังงัยก็ขอให้เตรียมใจไว้ด้วยนะคะ ถ้าเลื่อนลงไปเจอรูปใหญ่เท่าฝาบ้าน ขอบคุณค่ะ

---

ว่าด้วยเรื่องการเตรียมตัว เอาเท่าที่นึกออกในตอนนี้ก่อนนะ มีเพิ่มเดี๋ยวเล่าแทรกไปเรื่อยๆเนอะ ><

ทริปของเราไปเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอากาศค่อนข้างเย็น และดูจากพยากรณ์อากาศ (เราดูจาก http://www.accuweather.com ค่อนข้างแม่นอยู่นะ) บอกว่าเราจะเจอฝนในโตเกียวด้วย บวกกับพ่อบ้านบ้านนี้แสนจะขี้หนาว การเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวจึงต้องพร้อม! Heattech เสื้อกันหนาว อย่าได้ขาด! ส่วนอิแม่เป็นพวกหนังหนา HT เลยไม่ค่อยจำเป็น เสื้อยืด เกงยีนส์ แจ๊คเกตตัวนึงก็เอาอยู่ ><
อุปกรณ์กันฝน เราก็ติดร่มพับเล็กๆใส่กระเป๋าไปด้วย และซื้อ Rain Cover มาไว้สำหรับคลุมรถเข็นไม่ให้ลูกโดนละอองฝน (rain cover เราสั่งจาก amazon.jp สั่งวันที่ 21 พอวันที่ 22 ของก็ถึงที่โรงแรมเรียบร้อย ทางโรงแรมเอาของไปวางไว้ให้ในห้องเลย .. ถ้าอยากสั่งของจาก amazon อย่าลืมถามโรงแรมก่อนว่ามีนโยบายรับของให้มั๊ยนะคะ)
ขวดน้ำ/ขนมจุบจิบไว้ล่อลูก อันนี้สำคัญนะ เนื่องจากน้ำดื่มแพงถ้าจะซื้อกินทีละขวด บ้านนี้ซื้อแบบขวดใหญ่จาก familymart มาไว้บนห้อง แล้วเทใส่กาน้ำต้มให้ร้อนไว้ พอจะออกก็เทน้ำร้อนใส่ขวดเก็บอุณหภูมิไว้ เอาไว้ผสมน้ำธรรมดาให้ลูกกิน (น้ำจากก๊อกที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่กินได้นะ แต่ด้วยเราไม่ค่อยมั่นใจกับน้ำจากก๊อกในห้องน้ำ เราเลยขอซื้อความสบายใจเอาดีกว่า) .. ส่วนขนมจุบจิบ ก็เอาไว้หลอกล่อตอนลูกงอแง อย่างชวิน ยอมศิโรราบกับขนมเม็ด กินทุกวัน ปล่อยแม่ช๊อปปิ้งเพลินเลย
ทิชชู่เปียก พกไว้อย่าได้ขาด แม่ลูกอ่อนอย่างเราๆคงเข้าใจดี แต่ที่ญี่ปุ่นดีอยู่อย่าง คือมีห้องน้ำแบบที่มีที่เปลี่ยนแพมเพิร์สเกือบทุกที่ โดยเฉพาะสถานีรถไฟ สะดวกอิแม่สุดๆเลยยยย
ยาสามัญประจำบ้านทั่วไป อันนี้เราก็พกไปนะ พกไว้แต่ไม่ได้ใช้ มีใช้แค่น้ำเกลือล้างจมูกและสเปรย์พ่น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม่ๆทั้งหลายน่าจะรู้จักกันดี เราพกของ Mar Plus ไป พกง่าย ใช้สะดวก เพราะอากาศแห้ง เจ้าตัวแสบมีน้ำมูกแห้งๆเยอะอยู่ พ่นสเปรย์น้ำเกลือช่วยได้เยอะเชียว
แพลนการท่องเที่ยว หนังสือคู่มือท่องเที่ยว เอกสารสำคัญต่างๆ ซองแบ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในแต่ละวัน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้_{อันนี้เราทำไว้เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยส่วนนึง ละกันไม่ให้ใช้เงินปะปนกัน เพราะค่าโรงแรมต้องจ่ายเป็นเงินสด เดี๋ยววันแรกๆช๊อปเพลิน จกค่าโรงแรมไปช๊อปปิ้งหมดซวยเลย} หากระเป๋าใส่เอกสารขนาดพอดีๆใส่เก็บไว้รวมกัน จะได้หยิบมาใช้ได้ง่าย ไม่ต้องค้น ไม่ต้องหา ไม่กระจัดกระจาย ไม่ยุ่งยาก


อ่ะ พร้อมแล้วก็ไปแพลนทริปเที่ยวกับบ้านชวินกันเล๊ยยย

---

:: เริ่มต้นก็ต้องจองตั๋วก่อนช้ะ? ::
บ้านเราตกลงปลงใจกันว่าวันเกิดลูกสองขวบจะไปฉลองกันที่ญี่ปุ่นนะ (ตกลงกันตั้งแต่จบทริปฉลอง 1ขวบ .. คือแพลนข้ามปีกันเลยว่างั้น) พอตกลงปลงใจกันได้ เราก็เริ่มมาอ่านกระทู้รีวิวในห้องบลูไปเรื่อยๆ เก็บความรู้ .. ได้ความมาว่า ช่วงวันเกิดลูกใกล้ๆใบไม้แดงนะ แต่ถ้าไปก่อนสองขวบเพื่อประหยัดค่าตั๋ว เราจะได้เจอใบไม้เขียวแทน ปั๋วอิชั้นเลยตกลงปลงใจกัดฟันจ่ายค่าตั๋วของชวินเพิ่มเพื่อให้ได้เจอใบไม้แดง ซึ่งคาดไว้ว่าเป็นช่วงปลายพ.ย. อ่ะ โอเค ได้ช่วงคร่าวๆละ ก็หาฟามรู้กันต่อไป
อ่านทู้ไปเรื่อยๆ จนช่วงเดือนมิ.ย. ไปพบโปรฯตั๋วจากเพจแปะ รีบกระซิบปั๋ว "เห้ยยยย ปั๋วขรา ANA ออกโปรฯมาข่าาาา" กดๆดูว่าจะไปช่วงปลายเดือนพ.ย. ตอนแรกก็กะจะบินกลางคืน ถึงเช้า ได้ประหยัดค่าโรงแรมไปคืนนึง แต่ แต่ แต่ .. ลูกเล็กนะคะ ถ้ามั่นใจว่าเอาลูกอยู่ ลูกนอนแน่ ก็ตามสบาย แต่ถ้าไม่มั่นใจ พี่ที่รู้จักกันแนะนำให้บินกลางวัน เราเลยเลือกบินไฟลทเช้าละกัน เผื่อลูกไม่นอน อย่างน้อย ผดส.บินกลางวันก็อาจจะอยากนอนเก็บแรงน้อยกว่ากลางคืน (คือคิดเองอะไรเองมากกก ไม่ถงไม่ถามผดส.ท่านอื่นซักคำ)  อะ งั้นเถิบจากบินคืนอาทิตย์ มาเป็นเช้าอาทิตย์ที่ 22 พ.ย. 07:00น. ละกัน ละกลับวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. 17:00น. (ไป-กลับนาริตะ)
อ่ะ .. พอได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มแพลนกันจริงจังละ!

:: เริ่มต้นแพลนแบบcoverทุกสิ่งเอเวอรี่ติงจิงกะเบล ::
คือไปต่างประเทศทั้งที โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ อินี่ก็อยากไปมันทั่วไปหมด เค้าไปกันตรงไหน รีวิวอะไรมา จดๆๆๆใส่กระดาษ A4 ลิสไว้เป็นหน้าๆ ตัวเองอยากไป USJ ปั๋วอยากล่าใบไม้แดง แต่ก็อยากพาลูกไป Anpanman musuem กับ Disneyland (จริงๆ Disney นี่ แม่อยากมากกว่า แต่เอาลูกมาอ้าง ฮ่าๆๆ)
อ้ะ อย่านอกเรื่องเยอะ กลับมาแพลนต่อ! .. พอแพลนออกมาคร่าวๆได้เป็นสองภูมิภาคยอดฮิตของกรุ๊ปทัวร์ โตเกียว>โอซาก้า เราก็เริ่มมาแบ่งภาคแบ่งวันเที่ยวสองโซน แบ่งไปแบ่งมา แพลนไปแพลนมา เริ่มดูเป็นชะโงกทัวร์เข้าไปทุกที และจุดสำคัญของเราก็คือ เรามีลูกเล็กไปด้วย ลูกเราจะไหวมั๊ย จะนั่งรถไหวมั๊ย จะเที่ยวไหวมั๊ย จะตามทริปไหวมั๊ย เราเลยปรึกษาพี่คนเดิม จนมาสรุปที่ว่า ต้องเลือกตัดออกหนึ่งโซน และเที่ยวแค่โซนเดียวพอ เพื่อลูกจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป แน่นอนว่า แม่คือผู้เสียสละ! .. ค่ะ อิชั้นเลือกตัดโอซาก้าออก สละ USJ ออกไป เพื่อจะได้เที่ยวแถบโตเกียวอย่างเดียว ไม่ต้องเดินทางเยอะ (ประหยัดค่า JR Pass ได้อี๊กกกก) แพลนเราเลยออกมาเป็นแบบนี้

_{เนื่องจากเราถนัดระบบ manual มากกว่า แพลนเราเลยออกมาหน้าตาเป็นเยี่ยงนี้แหละ}


:: ตั๋วพร้อมแล้ว แพลนเริ่มเข้าที่แล้ว ต่อไปก็ต้องหาที่พักสินะ ::
จากแพลนของเรา เราตัดสินใจพักที่ชินจุกุ เพราะจะได้ขึ้นบัสไป Kawaguchiko ได้ง่ายๆ (แต่พอถึงเวลาจริงๆก็ไม่ได้นั่งหรอกนะ บัสอะ แต่ไปยังงัยอุบไว้ก่อน ไว้ติดตามเอาเนอะ //เยอะได้อีกกกกกก) ก็เริ่มต้นหาโรงแรมพักโดยมีเงื่อนไขที่ว่า
• ต้องติดสถานีรถไฟ
• ต้องมีห้องน้ำในตัว
• ต้องมีเตียงใหญ่นอนได้สามคนพ่อแม่ลูก
• ขอราคาไม่เกินสามพันบาทต่อคืน (แต่ที่ได้มานั้นนนน...)
เราใช้บริการของ Booking.com เพราะจองไปก่อน ยกเลิกได้ฟรีตามเงื่อนไข หาจนมึน หาตาเหลือก หาตามเงื่อนไข หาไม่ได้จ้าาาาา .. แต่ดุจพระเจ้าเมตตา เสียงไลน์ดัง ไล๊ ไล๊~ ญาติสามีไลน์มาถามเรื่องโรงแรมว่าหาได้ยัง เราบอกยังเลย หาจนมึน จะอ้วกแล้วเจ๊ เจ๊บอก หนูลองดูโรงแรมนี้ เพิ่งเปิด ยังใหม่อยู่เลย แต่ราคาคืนละสี่พันนิดๆนะ เราเข้าไปดูรายละเอียด เห้ยแกร๊! ติดสถานีmetro Shinjuku-Sanchome เลย เดินไปอีกสิบก้าวเป็น Isetan เหยยยย ดีงามมมม ปั๋วบอก โอเค จัดเลย เกินงบไปหน่อย แต่เอาสะดวก เอาที่นี่แหละ! แล้วเราก็ได้ที่พักสำหรับ 6คืน (2คืน/4คืน) ที่ "TOKYU STAY SHINJUKU" จองที่เดียว พักที่เดียว ไม่อยากย้ายโรงแรมบ่อย วันไป Kawaguchiko ก็ฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรมได้ แล้วแบ่งเสื้อผ้าสำหรับค้างคืนใส่กระเป๋าเล็กหิ้วไปใบเดียว เกร๋ๆชิวๆ ไม่ต้องหอบกันเป็นบ้าหอบฟาง
ที่พักในเมืองก็ผ่านไป เหลือที่ kawaguchiko เอางัยต่อ พึ่ง Booking.com กันต่อไป อยากได้แบบมีอ่างโอเพ่นแอร์ ไปกดได้ที่ konansou  ราคาห้องประมาณ ¥56,xxx เอามาปรึกพี่คนเดิม พี่แกบอก ไม่ลองไปดูอีกที่ล่ะ ที่คนไทยฮิตๆไป เค้าว่ากันว่า Sunnide นี่เกร๋มากนะ วิวดีสุดๆ (ถ้าฟ้าเปิด) อินี่เลยลองไปกดดู อุ๊แม่เจ้า! เห็นรูปจากรีวิวแล้วน้ำลายหก เหยยย มันต้องโดนแล้ววว ตามไปจองผ่าน japanican.com เวปขึ้นว่าไม่มีห้องว่างในวันที่เราต้องการ สวัสดีค่ะ! ตอนนั้นก็แบบ เห้ย อยากได้! อยากนอนที่นี่! เราพยายามเข้าไปดูเรื่อยๆ เผื่อมีใครยกเลิก เริ่มดูตั้งแต่เดือนก.ค. มาจองได้เอาตอนต้นเดือนก.ย. ขอบคุณพระเจ้าที่เข้าข้างปล่อยห้องว่างให้ลูกได้นอน
พอได้ที่ Sunnide แล้ว เราก็ไปยกเลิก Kanasou ทันทีแบบไม่มีเสียดาย! ตอนนี้ก็พร้อมละ ตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พักทั้ง 7คืน อ่านกระทู้เก็บรายละเอียดต่างๆไปเรื่อยๆ เตรียมเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันได้แล้วววว