ความคิดของฉันหัวโบราณไหม? ถ้าน้องชายเร่งให้โอนตัง พอถามก็บอกว่าเรื่องส่วนตัว คนปกตินี่จะโอนให้เหรอ?

ต้องการถามคนทั่วไป พ่อแม่ คนที่มีน้องชาย หรือเป็นแนวน้องชายฉันก็ได้ค่ะ
ช่วยตอบคำถามฉันหน่อย พอดีต้องการนำกระทู้นี้ให้น้องชายได้อ่าน
ไม่ว่าจะทางลบหรือบวกกับเรา เราก็จะให้เค้าอ่านค่ะ อยากรู้เช่นกันว่า เรามีความคิดที่แปลกเองรึเปล่า

เราห่างกับน้องชาย5ปี ตอนนี้น้องเรียนมหาลัยปี1 เราเพิ่งจบมาปี2ปี
เวลาพูดกันเรื่องซื้อของแพง น้องก็จะบอกเสมอว่า เธอยุคไหนแล้ว เราอยู่คนละยุคกัน
(แต่ขอโทษนะ 5ปีก่อน มีไอโฟนแล้วค่ะ)

เกริ่นก่อน เข้าเรื่องเลยว่าที่บ้านจะซื้อมือถือใหม่ให้ตอนเข้ามหาลัย
ตอนปี1 เราไม่ได้ซื้อ เพราะเรามีเครื่องเก่าที่ตกทอดจากพ่อมาพี่และมาสู่เรา
เราใช้เครื่องนั้นจนปีสาม จึงซื้อเครื่องใหม่ เพราะเครื่องเก่าเจ๊งแบบว่า ชาร์ตเต็ม ถอดสายปุ๊บ ดับปั๊บ

และบอกน้องไปแล้วว่า ยุคเรามีไอโฟนแล้วค่ะ ในตอนที่ไปร้านชิลๆกับเพื่อน เพื่อนทั้งกลุ่มถูไอโฟน ซัมซุง
ส่วนเรานั่งมองบรรยากาศเท่านั้น ไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาเล่น และไม่เคยคิดว่าเสียหายตรงไหนที่ต้องใช้เครื่องนี้
และที่บ้าน จะซื้อรุ่นใหม่ไรก็ตามแต่ แต่ไม่เคยซื้อรุ่นแพงๆให้ เราจึงเลือกรุ่นไม่เกิน10000มาในตอนนั้น

ส่วนโน้ตบุ้ก ตอนนั้นเราใช้เครื่องเพื่อนก่อนในปีแรก
ปี2จึงใช้เครื่องที่ตกทอดมา2รุ่น ฝาโน้ตบุ้กแตก และต้องวางหนังสือต่อกันสูงๆด้านหลังเพื่อให้ฝาโน้ตพักพิง ไม่งั้นคือฝาหมุน360องศา
ทุกครั้งที่ต้องเอาเครื่องนี้มาใช้งานที่คณะ เราไม่ได้รู้สึกว่ากุจนเลย แต่แค่ไม่อยากวางหนังสือด้านหลัง มันยุ่งยาก แต่ก็ใช้มันจนจบปี4

พูดเรื่องของเราก่อน,จะได้รู้ว่าเราหัวโบราณหรือเปล่า
และเข้าเรื่องของน้อง

เราได้บอกแม่ไปแล้วว่า ถ้าน้องชายอยากได้โน้ตบุ้ก ก็ซื้อใหม่ดีกว่า เพราะเครื่องของเราตอนนี้มันพังแบบใช้ได้แค่พิมพ์เวิด
ถ้าน้องต้องการโน้ตบุ้ก เราสนับสนุนเต็มที่ เพราะรู้ว่ามหาลัยเป็นช่วงที่ต้องใช้

ก่อนไปมหาลัย น้องชายได้ขอไอโฟน6 ซึ่งทีแรกบอกเลยว่าทางบ้านไม่อนุมัติ เพราะมันแพงมาก
แต่น้องบอกว่า ถ้าไม่เอาตัวนี้ มันก็ไม่เอาตัวไหนอีก
พ่อแม่พาไปเลือกดูตัวอื่นด้วยนะ ซัมซุงงี้ แต่เค้าไม่ดู ไม่เอา
สรุปสุดท้าย เพราะไม่ยอม พ่อแม่จึงต้องยอมแทน และเค้าก็ได้ไอโฟน6
(ก่อนหน้านั้น น้องชายใช้ซัมซุงฮีโร่ และพูดมาตลอดว่า เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ตัวเองเป็นคนเดียวที่ไม่มีไอโฟน เพื่อนถูๆ แต่เค้าไม่มี)

ไปมหาลัย พ่อแม่บอกว่า อยู่หอในดีกว่า ซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะเวลาทำงานมันง่ายกว่าอยู่หอนอก
แต่เค้าไม่ยอม เค้าจะอยู่หอนอกกับเพื่อน และสุดท้ายเป็นพ่อแม่ที่ต้องยอม

ก่อนเลือกมหาลัย เราถามเค้าว่าทำไมเลือกม.เอกชน เค้าก็บอกว่า ก็เกรดไม่ถึงในมหาลัยอื่น อันนี้พอเข้าใจได้
และเค้าก็เลือกมหาลัยหนึ่งในกรุงเทพ แต่พ่อแม่เห็นว่าเห้ย อีกที่มันดังมากๆนะ เรียนที่มหาลัยนี้ดีไหม จ่ายแพงทั้งที
สุดท้ายคือ เค้าไม่เอา เค้าจะเรียนที่นี่กับเพื่อน พ่อแม่ก็โอเค อย่างน้อยมันก็จะเรียน
แต่สุดท้าย เพื่อนที่ไปด้วยกัน3คน มีคนนึงดันเปลี่ยนมหาลัย เพราะจะไปเรียนที่เดียวกับแฟน ปรากฏว่าเหลือกันแค่2คน

จากนั้น ผ่านไปสักพัก พ่อแม่และเราจึงไปเยี่ยมเค้าที่กรุงเทพ
วันนั้น เค้าบอกว่าอยากได้รองเท้าคอนเวิดสักคู่ เราก็หืออ ทำไมต้องคอนเวิด?
เราก็ถามเค้าว่าทำไมต้องเป็นคอนเวิด เราแนะนำตัวอื่นเค้าก็ไม่สนใจ ไม่เอา
สุดท้าย เค้าบอกว่า ก็เพื่อนมหาลัย ใครๆก็ใส่คอนเวิดกัน
เราก็บอกว่า อ้าว ทำไมต้องอยากได้ตามเพื่อนด้วย เค้าก็บอกว่าไม่ได้ตาม
สุดท้าย เค้าก็ได้รองเท้าคอนเวิด

จนมาเมื่ออาทิตย์ก่อน แม่ก็ไลน์โทรคุยกับเค้า
เค้าบอกว่าอยากได้รถมอเตอไซต์ ให้เป็นของขวัญวันเกิดเค้านะ
แต่แม่ไม่ให้ ซึ่งเราฟังแล้ว เราก็ไลน์ถามเหตุผลเค้าทันทีว่าทำไมต้องเอา
เหตุผลของเค้าคือ เค้าไม่ได้ขออะไรมานานมากแล้วนะ ขอแค่มอเตอไซต์เป็นของขวัญวันเกิด
เพราะเวลาไปเรียน ลืมหนังสือที่หอ ก็ต้องเดินกลับหอไปเอาเป็น10นาที เวลาไปติวไปทำงาน ก็ลำบาก เดินเหนื่อย ถ้ามีมันสะดวก

เราก็เลยคิดว่า ทางแก้มันผิดปะวะ ลืมหนังสือ แต่แก้ด้วยการซื้อรถ วิธีแก้ราคาแพงไปมั้ย?
แล้วเดินเหนื่อยจากหอมาทำงานกลุ่มเนี่ย ก็บอกแล้วให้เลือกหอในไง
ก็เลยบอกเค้าว่า เธอแก้ด้วยการจัดหนังสือดีกว่ามั้ย ไม่ต้องเสียตังด้วย
เค้าก็บอกว่า มันสะดวกด้วย ไม่ได้ขออะไรมานานมากแล้วนะ

เราเลยถามว่า แล้วคอนเวิดนี่เธอไม่ได้เพิ่งขอเลยเหรอ?
เค้าตอบมาว่า มันก็แค่รองเท้าปะ?
เราเลยบอกว่า เพราะเธอได้มันมาง่ายๆไง เธอเลยเห็นว่ามันเป็นแค่รองเท้า งั้นไอโฟนที่เธอได้ เธอก็คงเห็นว่ามันเป็นแค่มือถือ ต่อไปถ้าอยากได้ไรแล้วได้อีก คอนโดเธอก็คงบอกว่าก็แค่บ้านเหมือนกัน
สุดท้าย น้องชายก็บอกว่า นี่มันยุคไหนแล้ว และบอกว่าเราไม่เข้าใจเค้า
(แต่ขอโทษนะ ตอนมหาลัยชั้นก็ต้องใช้รถค่ะ)

เราจึงเปลี่ยน บอกเค้าว่า งั้นเอามอไซต์ที่บ้านไป ไม่ต้องซื้อใหม่
เค้าเงียบไปแปบนึงและตอบกลับมาว่า ไม่เอา มันเสียบ่อย เค้าขี่เองเค้ารู้
เราเลยบอกว่า เนี่ย พ่อซ่อมแล้ว ขับขี่ได้เหมือนปกติเลย
สุดท้ายเค้าก็บอกว่าไม่เอา . ของขวัญวันเกิดเค้าเนี่ย ให้ไม่ได้เลยใช่ไหม เค้าไม่ได้จะเอาไปอวดสาว เพราะที่มอ เค้าขับรถยนต์กันทั้งนั้น
เราเลยบอกว่า เราบอกแล้วว่าถ้ามันจำเป็น เราสนับสนุนเต็มที่ นี่ถ้าเธอขอโน้ตบุ้ก เราก็จะบอกแม่เลยว่าเออซื้อดีกว่า แต่นี่ฟังเหตุผลเธอแล้ว มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น

แต่สุดท้ายแม่ไม่อนุมัติ และตอนนี้ก็ยังเป็นประเด็นอยู่มาก ทุกครั้งที่พูด เค้าก็จะบอกว่าเราเว่อ เราหัวโบราณ เราคนละยุคกัน
เพราะเราบอกเค้าว่า นี่เธอคิดไงขอมอไซต์ เธอคิดว่าบ้านเธอรวยรึไง พ่อแม่เธอก็ต้องทำงานอยู่ทุกวันไม่ได้หยุด
ลำบากแค่เหนื่อยเดินก็บอกให้เอามอไซต์พ่อก็ไม่เอาเอง สุดท้ายเค้าก็ตัดจบแบบ พอแล้ว ขี้เกียจเถียง

และมาวันนี้ ช่วงอั่งเปาตั่วตั่วไก๊
เราเกริ่นมาก่อนช่วงนี้แล้วว่า เดี๋ยวเราเก็บให้นะอิอิ ไม่รับแอดเฟสเรา ไม่ส่งให้นะว้อยย
เค้าก็ไม่รับนะ555555555

แต่เกิดเรื่องนิดนึงคือ เค้าต้องการให้โอนตังอั่งเปาที่เค้าได้ ส่งให้เค้าให้หมด
ซึ่งเราเป็นคนต้องส่งให้เค้าอยู่แล้ว ปกติคือเราเป็นคนโอนตังให้เค้า แต่เป็นตังของพ่อแม่นะ
และเราทำงานทุกวันค่ะ ทำคนเดียว จะไปธนาคารก็ต้องทิ้งร้าน

เราก็เลยบอกแล้วว่า ยังไปโอนให้ไม่ได้ เค้าก็บอกว่ารีบๆ ต้องใช้ตัง
เราก็ถามว่า เอาไปทำไรเยอะแยะ เค้าตอบว่า เรื่องส่วนตัว ตังที่เค้าได้ โอนมาให้หมดเลยนะ ต้องใช้จริงๆ
เราเลยบอกว่าอ่าว แล้วตังที่ส่งให้ปกติล่ะ ไม่ใช้ไปก่อนอะ เค้าก็บอกว่าเออน่าต้องใช้ โอนมาเร็วๆ
เราเองซึ่งเป็นพวกกวนส้น ก็เลยถามว่า อ่าว จะรีบเร่งให้เค้าโอนให้ ก็บอกหน่อยว่าต้องเอาไปทำอะไร ถ้าไม่บอก ใครที่ไหนจะรีบโอนให้
เค้าก็บอกว่า มันเป็นเงินอั่งเปาของเค้า ไม่ได้เกิดจากการขอใคร เค้าต้องการใช้

เราอ่านก็เข้าใจว่าเออใช่จริงๆ,แต่จะรีบเร่งให้โอน มันก็ต้องมีเหตุผลให้คนอื่นช่วยรีบบ้างปะวะ
แต่นี่บอกเรื่องส่วนตัว ใครจะอยากโอนให้ ที่บ้านจะห่วงมั้ยว่าจะเอาไปทำไมทั้งที่เงินที่ส่งปกติก็ยังมีอยู่?

เราก็เลยบอกเค้าตามนั้น และบอกว่า นี่คนในครอบครัวเธอนะ เค้าไม่ได้จะเอาเงินเธอ แต่เค้าแค่อยากรู้ว่าเอาทำอะไรเยอะขนาดนั้น
น้องชายก็บอกว่า คนนอกยังเข้าใจมากกว่าคนในอีก
เราเมื่อได้อ่านก็หืออออออออออขึ้นในใจ และบอกไปว่า ก็ใช่สิ ที่คนนอกเข้าใจเพราะเค้าไม่ได้ให้เงินเธอ เธอลองใช้เงินเค้าสิ แล้วใครจะไม่ถามบ้างว่าเอาไปทำอะไรเยอะแยะขนาดนั้น
สุดท้าย เค้าก็บอกว่า เปลี่ยนสักทีได้มั้ยความคิดหัวโบราณเนี่ย
เราก็เลยบอกเค้าว่า,โอเค งั้นเดี๋ยวลองมาถามคนทั่วไปกันว่า ปกติเค้าคิดยังไง

เราก็เลยมาตั้งกระทู้พันทิปฉะนี้แล เพราะโดนน้องด่าบ่อยมากว่าความคิดโบราณ ยุคเก่า
(แต่กุเพิ่ง24นะเว้ยยยยยยย : คิดในใจ55555555)

โอเค ขอความเห็นหน่อยค่ะ เรื่องอาจยาวมากไป
แต่ขอแบบเด็ดๆ จะด่าเรารึด่าน้องก็จัดมาเลย อยากรู้จะได้รู้ว่าควรปรับปรุงใช่ไหม
เพราะสุดทนกับคำพูดที่ว่าเรายุคไหนแล้ว คือแม่เจ้า กุแก่ขนาดนั้นเลยปะ =____=
จะเอาให้น้องอ่าน เพราะเค้าเชื่อคนนอกมากกว่าคนใน ก็เลยต้องถามคนนอกค่ะ ขอบคุณค่ะ.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
พ่อแม่ ยอมง่ายไปครับ

น้องเลยติดนิสัย อยากได้อะไรต้องได้

มันไม่เกี่ยวกับหัวโบราณอะไรเลย

คือคุณเป็นคนเห็นค่าของเงิน แต่น้องคุณไม่เห็นคุณค่า ที่คือความแตกต่าง

โดยเฉพาะเงินพ่อเงินแม่ ต้องเห็นค่าให้มาก จะเอามาใช้อะไรพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็นมันไม่ดีนัก


น้องคุณก็แค่คนที่ยังหาเงินไม่ได้ แต่ดันถูกตามใจบ่อย เลยไม่ค่อยเห็นค่าเงิน พ่อแม่ก็มีส่วนร่วมในการทำให้น้องนิสัยเป็นแบบนี้ เพราะยอมมากไป ลองให้น้องหาเงินเองดู เดี๋ยวเค้าจะเข้าใจอะไรดีขึ้น

สนับสนุนทางการศึกษาได้

มือถือควรมี แต่ซักหมื่นเดียว พอแล้ว ส่วนต่างอีกหมื่นถ้าอยากได้ iPhone ให้หาเอง (เชื่อว่าเดี๋ยวอีกไม่กี่เดือนเค้าก็อยากเปลี่ยนมือถืออีก)

หอ ให้ที่ที่บ้านออกให้ในราคาหอใน ถ้าอยากอยู่ที่แพงกว่านี้ ให้หาเงินออกค่าส่วนต่างเอง

เรื่องอั่งเปา เค้ามีสิทธิ์จะได้ อันนี้ควรโอนไปเลย ถ้าจะถาม เนื่องจากเป็นเงินพ่อแม่ ก็ให้พ่อแม่ถาม เงินตรงนี้ ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับคุณนะ จะว่าไป เงินอั่งเปานี่คนละเรื่องกับอย่างอื่นนะ เป็นเงินที่ให้ ให้เอาไปทำอะไรก็ได้น่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
คุณมีความขัดแย้งทางความคิดกับน้องชาย และอ่านจากระหว่างบรรทัด ในอนาคตมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

น้องชายคุณมีนิสัยของเด็กผู้ชายที่รักสนุก และไม่คิดอะไรมากไปกว่าสนุกไปวันๆ ในขณะที่คุณเริ่มจะมีนิสัยของผู้ใหญ่ และเริ่มคิดถึงความยุติธรรมระหว่างการเลี้ยงลูกสองคน นี่เป็นบ่อเกิดของความขัดแย้งในภายหน้าแน่นอน

นิสัยของน้องคุณคงไม่มีทางเปลี่ยน และดูจากผลการเรียนที่คุณเล่ามาบางส่วน คงจะมีอนาคตที่ไปไม่ไกล และคงเอาตัวไม่รอดทางด้านการเงิน แนะนำให้คุณเริ่มแยกแยะค่าใช้จ่ายที่คุณต้องดูแล ตกลงกับพ่อแม่เรื่องสัดส่วนให้เรียบร้อย ถ้าจะให้ดีรวมถึงสัดส่วนในสมบัติทั้งหมดหากมี ใครจะดูแล ส่วนไหนเป็นของใคร เพื่อตัดปัญหาไประดับหนึ่งก่อน

เรื่องเงินอั่งเปา คุณไม่จำเป็นจะต้องส่งไปให้น้อง เพราะมันไม่ใช่ค่าใช้จ่ายประจำที่ทางบ้านจะต้องรับผิดชอบ มันเป็นกรณีพิเศษที่จะต้องขอความช่วยเหลือคุณให้ส่งให้ ไม่ใช่ภาระของคุณ

อีกเรื่องหนึ่งคือ คุณต้องเลิกต่อล้อต่อเถียงกับน้องชาย เขาขออะไรมา มันสมควรจัดการให้ก็จัดการ ไม่สมควรก็คือไม่ทำ จะโทรมาเร่งเร้าเซ้าซี้ก็ไม่ต้องสนใจ แต่ต้องไม่ลืมภาระประจำ ค่าใช้จ่ายรายเดือนส่งให้ ค่าเรียนค่าเทอมส่งให้ มีระบบระเบียบที่แน่นอน

ถ้าคุณจะดัดนิสัยน้อง ต้องเลิกทะเลาะกับเขา ไม่ต้องหาทางเอาชนะด้วยคำพูด เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร ต้องทำคำพูดของคุณให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ คือ ไม่

แต่ถ้าไม่อยากดัดนิสัย ซื้อบิ๊กไบท์ให้เลย ไม่นานเรื่องก็จบ
ความคิดเห็นที่ 2
อ่านข้าม ๆ  นะ  

น้องคุณมีนิสัยการใช้เงินที่ไม่น่าไว้วางใจ
การถาม จึงสมควรแก่เหตุ

ถ้าน้องคุณ เป็นคนรู้จักใช้เงิน  รู้ค่าของเงิน
คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องถาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่